598. "ตามรอยสตีฟ จ๊อบ..ไปดาวอังคาร"


ตอนนี้เป็นตอนที่สองแล้วครับ หลังจากผมดูหนังเรื่อง Jobs อัจฉริยะเปลี่ยนโลก แล้ว ก็เกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้เพิ่ม

                                                            

วันนี้ผมเริ่มต้นด้วย การตัดภาพไปที่ตอนที่สตีฟทำงานเป็นลูกจ้างให้กับบริษัทเกมส์อะตาริ ตอนนั้นไม่อาบน้ำ ตัวเหม็น แถมก้าวร้าว จนหัวหน้าต้องเรียกไปเตือน โดยสตีฟก็บอกว่ารำคาญมาก เพราะเห็นแต่คนทำอะไรงี่เง่าเต็มไปหมด เลยถือโอกาสเสนอนายซะเลยว่า.. “ให้ผมรับผิดชอบสักโครงการสิ ผมจะทำให้ดีกว่าที่ทำอยู่แน่” นายทำหน้างง และท้าสตีฟว่า ถ้าทำได้จะให้ตังค์ 5000 เหรียญ สตีฟรับปาก เอาแผ่นวงจรกลับไปดูที่บ้าน แต่ทำไปๆก็ติด.. ทำต่อไม่ได้ เลยยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนชื่อว๊อซเนี๊ยก ..อัจฉริยะ เนิ๊ร์ดด้านอิเล็กทรอนิกส์ ภายในสุดสัปดาห์นั้น ว๊อซเนียกก็แก้ปัญหาสำเร็จ อะตาริได้เกมส์ใหม่ที่ดีกว่าเดิมภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ สตีฟได้เงินรางวัลกลับไป…

ตัดภาพกลับไปตรงนี้อีกทีครับ.. “..สตีฟแก้ปัญหาไม่ได้เลยโทรหาเพื่อนชื่อว๊อซเนี๊ยก…”    ถ้าคุณดูไปเรื่อยๆ คุณจะเจอเหตุการณ์นี้ซ้ำๆ ตลอดทั้งเรื่อง… ตั้งแต่การไปแสดงผลงานที่โฮมบรู หลังเจอ Apple I ได้.. (สตีฟไม่ได้คิด เพียงเอางานของว๊อซเนี๊ยกไปโชว์) .. ทำให้เจอผู้ประกอบการรายหนึ่ง (เพียงรายเดียว ที่เหลือหลับ หรือเดินหนี)… คนเดียวกันนี้ช่วยสตีฟขายของทำให้ได้เงินก่อนแรก.. ต่อมาจะขาย Apple II ต้องการ ที่ทาง ตั้งโรงงานก็ได้บ้านพ่อ..คุณพ่อเป็นคนเคลียร์ที่จอดรถให้.. ต้องการแรงงาน ว๊อซเนี๊ยกหาคนให้ คราวนี้ต้องการเงินทุน… สตีฟ โทรหาสถาบันการเงินเป็นร้อย ก็ไม่ได้อะไร ก็มาเจอนักลงทุนคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นผู้บริหาร Apple ในเวลาต่อมา ที่คนนี้เองก็เป็นตัวเชื่อมดึงนักวงทุนและผู้บริหารรายอื่นๆ อีก… ต่อมาสตีฟ ต้องการใช้เวลาคิดนวัตกรรม ไม่อยากบริหาร เลยจ้างสกัลลี่ย์มาช่วย  สตีฟก็ไปเชิญถึงบ้าน… สกัลลี่ย์นี่เองที่ทำให้สตีฟถูกไล่ออก  คนที่ซับน้ำตาคือพ่อแม่ของสตีฟ.. และเมื่อกลับมาทวงคืนอีกครั้ง สตีฟก็เข้าไปหาเพื่อนร่วมงานเนิร์ดกลุ่มเดิม ที่สุดก็สามารถพลิก Apple กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง…

                             

….

ตกลงเรื่องราวทั้งหมด เป็นเรื่องของอะไรกันแน่ ตกลงสตีฟทำอะไร… จริงๆ ถ้าคุณดูให้ดี คนสร้าง Apple และนวัตกรรมทั้งหมด ดูเหมือนไม่ใช่สตีฟ  .. มันเริ่มจากว๊อซเนี๊ยกต่างหาก…  เอาหล่ะสตีฟเป็นใคร…

 ถ้าเขาเป็นกลุ่มนักบินอวกาศที่จะเดินทางไปดาวอังคาร.. นาซ่าจะเรียกคนที่มีบุคลิกอย่างสตีฟว่า “นักผลักดัน” ครับ… เป็นสิ่งที่คนไปดาวอังคารต้องมี เพราะการเดินทางเป็นปี ในที่จำกัด ที่จะเผชิญปัญหาสารพัด ที่หมายถึงความเป็นความตายได้นั้น จำเป็นต้องได้นักบินอวกาศที่มีนิสัยเป็นนักผลักดัน ไม่พอครับ เขาต้องการ “นักวิเคราะห์”  หรือนักคิด นักประดิษฐ์ แก้ปัญหาเก่ง นี่ไงครับ บุคลิกของว๊อซเนี๊ยก.. คนที่อยู่เบื้องหลังความล้ำโลกด้านวิทยาการของ Apple … คนนี้แหละครับ ในอวกาศน่าซ่าก็ต้องการมากๆ…  แต่หากขาดคนผลักดัน การแก้ปัญหาอาจถูกจำกัดวง หรือเปล่งประกายศักยภาพไม่ได้ดีเท่าที่ควร เอาเป็นว่าถ้านักผลักดันอย่างสตีฟขาดว๊อซเนี๊ยก ก็มีสิทธิเปลี่ยนอาชีพ ไปขายพวงมาลัยตั้งแต่อยู่อะตาริ… ส่วนว๊อซเนี๊ยก ขาดคนผลักดันเจ๋งๆ ที่มองทะลุทุกอย่างอย่างสตีฟ ก็คงจำกัดตัวอยู่ในห้องแล็บเงียบๆ และอาจถูกลืมไปในที่สุด… 

 แต่ไม่ใช่สองคนนี้เท่านั้น … นาซ่าต้องการคนอีกประเภทคือ “นักสร้างสัมพันธ์” ตรงนี้อาจเป็นนักขาย หรือผู้เชื่อมต่อ คนที่มีแวดวงมากๆ รักษาสัมพันธ์ และมองในมุมคนอื่นเป็น… เช่นเจ้าของร้านอิล็กทรอนิกส์ คนแรกที่ให้โอกาสสตีฟ โดยสั่ง Apple I ไปขายนั้น… เมื่อได้รับสินค้า.. ก็ถึงกับบอกสตีฟตรงๆ ว่า “… ลูกค้าเราไม่ใช่วิศวกร หรือพวกเล่นอิเล็กทรอนิกส์แบบฮาร์ดคอร์..ทั้งหมด เขาไม่ต้องการแค่แผ่นวงจร แล้วไปหาจอมอนิเตอร์และคีย์บอร์ดมาต่อเองหรอก เขาต้องการครบทีเดียว ประเภทเปิดเครื่องแล้วทำงานได้เลย…”  ด้วย Feedback จาก “นักสร้างสัมพันธ์” รายนี้ จึงเป็นที่มาของ Apple II ที่มีครบทุกอย่าง และการเปิดตัวครั้งแรกของ Apple II ก็เป็นการเปิดตัวให้โลกรู้จัก บริษัท Apple จนสามารถสร้างสาวกได้ทั่วโลกในเวลาข้ามคืน…

 นี่ไงครับอำนาจของนักสร้างสัมพันธ์ เขาจะเอาความเป็น “คน” มาใส่ในงานของสตี๊ฟ ทำให้สตี๊ฟก้าวข้ามจากสินค้าที่ขายได้เฉพาะกลุ่มไปขายได้ในวงกว้าง.. ครับ ดูไปเหมือนไม่เกี่ยวกับนวัตกรรม แต่จริงๆ นักสร้างสัมพันธ์กลับเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง.. ในอวกาศ การเดินทางไปดาวอังคารก็เช่นกัน ขืนไม่ใส่นักสร้างสัมพันธ์เข้าไป แล้วมีแต่นักวิเคราะห์และนักผลักดัน รับรองได้มีการฆ่ากันตายระหว่างเดินทางแน่… สุดท้ายสิ่งที่ต้องมีคือ “นักสร้างกำลังใจ”… ตรงนี้สำคัญครับ จะเห็นว่าพ่อแม่ของสตีฟ มีบทบาทมากๆ ในตอนที่เริ่มต้น Apple และแม้กระทั่งตอนสตีฟถูกไล่ออกจากบริษัทตัวเอง.. เขากลับไปหาพ่อแม่ ที่ให้กำลังใจจนลุกขึ้นสู้ได้อีก….  จะว่าไปนักสร้างกำลังใจ พร้อมที่สุดสำหรับความยืดหยุ่น และพร้อมปรับเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลงได้เป็นอย่างดี… 

ถ้าคุณดูดีๆ จะเห็นคนทั้งสี่อยู่เรื่องตลอดครับ.. และคนที่ผลักดันและใช้ประโยชน์จากคนทั้งหมด ก็คือสตีฟที่เป็นนักผลักดันชั้นยอดครับ… อีกสามคนที่เหลือคือเสาค้ำความสำเร็จของสตีฟ ที่สตีฟขาดไม่ได้ ขาดสักต้น คงไม่มีสตีฟ ที่คุณเห็นแน่นอน…

และถ้าคุณเอาทีมของสตีฟมาใส่ยานอวกาศไปดาวอังคาร พวกเขาไปได้แน่นอน และอาจทะลุไปอีกจักรวาลได้ไม่ยาก..

                                

เพราะ Apple ตอนนั้นมีทั้งนักผลักดัน นักวิเคราะห์ นักสร้างสัมพันธ์ และนักสร้างกำลังใจ ที่เติมเต็มกันและกัน อย่างน่าทึ่ง

 

คุณล่ะภารกิจไปดาวอังคารของคุณตอนนี้มีใครร่วมทางกับคุณบ้าง ถ้าไม่มีก็เหนื่อยหน่อยครับ  

 

ฟวันนี้เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

 

Reference:

Picture 1: http://www.patsonic.com/movie/review-jobs/

Picture 2: http://www.idownloadblog.com/2013/06/21/first-trailer-jobs-film/

Picture 3: http://astronaut.com/uk-team-designs-human-mission-to-mars/

หมายเลขบันทึก: 548444เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2013 14:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2013 15:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 อ่านบันทึกที่อาจารย์วิจารณ์หนังเรื่องใดก็ รู้สึกว่า อยากไปดูทุกเรื่องเลยค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ^__^

นักผลักดัน นักวิเคราะห์ นักสร้างสัมพันธ์ และนักสร้างกำลังใจ

หากมีบริษัทจัดหาทีมแบบนี้ ได้เหมือนบริษัทจัดหาคู่

น่าสนใจไม่น้อยนะคะ

ได้ไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ หลังดูรู้สึกสับสนและคับข้องกับวิธีการตอบแทนกลับคืนให้กับเพื่อนหรือแบคอัพทีมของเขาอยู่พอสมควร ส่วนตัวรู้สึกรักและนับถือว๊อซมากๆเพราะแม้วินาทีสุดท้ายที่จะออกไปเขาก็ยังคงเป็นมิตรที่ดีของจ๊อบและแสดงความชื่นชมในสิ่งที่จ๊อบส์ได้ชักชวนให้เขาเข้ามาร่วมทำด้วย เมื่อได้มาอ่านบันทึกของอาจารย์..มันทำให้การมองเห็นภาพว่าจ๊อบส์เป็นนักผลักดันนั้นใช่เลย..หนูไม่ได้เป็นสาวกไอแพดแต่ก็ประทับใจในคุณภาพและสิ่งตกแต่งที่ทำให้มันเป็นมากกว่าการใช้งาน..แต่มันคือสไตล์ เพื่อนที่ไปดูหนังด้วยกันมาถามว่า แล้วจะมีภาคต่ออีกไหม..หนังมันจบง่ายๆห้วนๆดีจัง เรายังอยากรู้หลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับเขาและคนที่อยู่รอบๆตัวเขามีการเปลี่ยนไปยังไงบ้าง อาจารย์คิดว่าควรมีภาคสองอีกมั๊ยคะ..ขอบคุณค่ะ

หลังจากอ่านบทความแล้วคิดว่าต้องไปดูว่าหนังตีความผู้ชายคนนี้ยังไง โดยส่วนตัวเคยอยู่ในหน้าที่การงานด้าน IT มาก็นานจนเดี๋นวนี้ กลายเป็นผู้รับเหมา ติดฟิล์มอาคาร แล้ว ในอดีตเคยคิดว่า Job ก็เป็นมนุษย์ IT คนหนึ่ง จนเวลาผ่านเลย รู้สึกได้เลยว่า "มนุษย์ IT " นิยามผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย คนที่สร้างวัฒนธรรม ก้มหน้าดูจอ เรียกได้ว่าเปลี่ยนคนได้ทั้งโลกเลยทีเดียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท