สูตรล้างพิษตับ


 


       
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
       
       แม้ว่าสูตรล้างพิษตับในต่างประเทศอาจจะมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันแทบทุกประการคือขั้นตอนการล้างพิษตับทั้งในเยอรมัน ไต้หวัน และประเทศไทยต่างก็ใช้น้ำมันมะกอกชนิดบีบเย็นกันทั้งสิ้น
       
        และข้อที่เหมือนกันประการถัดมาคือ ทั้ง 3 ประเทศต่างก็ดื่มน้ำมันมะกอกตอนเวลา 22.00 น.เหมือนกัน จะมีเพิ่มขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่ไต้หวันมีการแบ่งดื่ม 2 รอบ รอบแรกดื่มตอน 22.00 น. รอบที่สองดื่มตอน 8.00 น.
       
        น้ำมันมะกอก ที่จะใช้นั้นต้องเป็นแบบบริสุทธิ์บีบเย็น (Cold Press) หรือที่เรียกว่า Pure Extra Virgin Olive Oil 
เป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธ์ที่มีคุณค่าดีที่สุด สกัดโดยไม่ผ่านกระบวนการเคมีแต่อย่างใด เพียงแค่ใช้วีธีบีบเย็น มีสีเขียวหรือสีเหลืองทอง ให้กลิ่นและรสแรง ถือว่ามีคุณสมบัติดีที่สุดเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อล่อให้น้ำดีออกมา
       
        น้ำมันมะกอก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเป็นกรด โอเลอิค ถึงร้อยละ 71 เป็นกรดไขมันอิ่มตัวประมาณร้อยละ 16 และเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งร้อยละ 11
       
        น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันชนิดที่ทนทานต่อกระเพาะได้มากที่สุด เนื่องจากมีกรดโอเลอิคอยู่ในปริมาณสูง จึงมีผลในการช่วยป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบและอาการอักเสบที่กระเพาะและลำไส้ตอนต้น ช่วยลดแผลในกระเพาะและลำไส้ได้
       น้ำมันมะกอกยังมีประโยชน์ต่อระบบน้ำดี และยังเป็นยาระบายอ่อนๆอีกด้วย
       
        น้ำมันมะกอก ช่วยภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (arteriosclerosis) ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ไตวาย เส้นเลือดในสมองแตก และยังสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในขณะเดียวกันจะไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดระดับลง ช่วยการดูดซึมแร่ธาตและแคลเซียมได้ดีทำให้ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ และยังช่วยป้องกันเนื้องอกที่เกิดกับอวัยวะบางส่วน (เต้านม ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ ปีกมดลูก) เพราะกรดไขมันที่มีอยู่ในน้ำมันมะกอกนี้ช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระ และหากนำมาทาที่ผิวหนังวิตามินอีในนั้นมะกอกก็จะช่วยทำให้ผิวหนังก็จะทำให้มีความยืดหยุ่นลดริ้วรอยเหี่ยวย่น อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการเผาผลาญอาหารภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง
       
        สูตรของ อันเดรียส์ มอริสต์ ชาวเยอรมันดื่มน้ำมันมะกอกเวลา 22.00 น. รอบเดียว โดยดื่มปริมาณน้ำมันมะกอก 125 ซีซี ผสมกับน้ำผลไม้ ซึ่งใช้ น้ำมะนาวและน้ำส้มผสมกัน หรือ ใช้เกรพฟรุ๊ต ในประมาณ 187.5 ซีซี ปิดฝาให้แน่น แล้วเขย่าแรงๆ 20 ครั้ง แล้วดื่มให้หมดภายใน 5 นาที หลังจากนั้นให้นอนนิ่งๆ ตะแคงขวาหรือยกหัวสูงประมาณอย่างน้อย 20 นาที
       
        สูตรของไต้หวัน ดื่มน้ำมันมะกอก 2 รอบ โดยดื่มรอบแรกเวลา 22.00 น. ด้วยปริมาณน้ำมันมะกอก 120 ซีซี ผสมกับน้ำที่ผสมกับผงแอปเปิ้ล 1ซองผสมน้ำเปล่าในปริมาณ 120 ซีซี และนอนตะแคงขวาหรือยกหัวสูงทันทีต่ออีก 40 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และดื่มรอบที่สองในเวลา 8.00 น.ของเช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยการดื่มน้ำมันมะกอก 80 ซีซี ผสมกับผงแอบเปิ้ล 1 ซองผสมน้ำเป่าในปริมาณ 120 ซีซี และนอนตะแคงขวาหรือยกหัวสูงต่ออีก 40 นาที
       
        สูตรของไทย (ตามสูตรของ อ.ขวัญดิน สิงห์คำ) ดื่มรอบเดียวคือดื่มในเวลา 22.00 น. โดยดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซีซี ผสมกับน้ำมะนาว 150 ซีซี
       
        สรุปก็คือใน 3 สูตรนี้ ของประเทศไทยดื่มน้ำมันมะกอกมากที่สุดถึง 150 ซีซี แต่ถ้านับการดื่มรวมทุกแก้วในการล้างพิษตับ 1 รอบ ของไต้หวันดื่มมากที่สุดถึง 200 ซีซี แต่ถ้านับปริมาณแต่ละแก้ว ต้องถือว่าทั้งที่ไต้หวันและเยอรมันดื่มในปริมาณใกล้เคียงกันคือมีน้ำมันมะกอกประมาณ 120 - 125 ซีซี เท่านั้น ส่วนของประเทศไทยดื่มในปริมาณมากสุดในแก้วเดียวถึง 150 ซีซี จะว่าไปแล้วดื่มมากกว่าสูตรชาวเยอรมันที่ใช้กับฝรั่งเสียอีก
       
        เพราะการดื่มน้ำมันมะกอก ในการล้างพิษตับไม่ใช่การดื่มเพื่อเข้าไปล้างในตับหรือถุงน้ำดี แต่เป็นการล่อน้ำดีออกมาหลั่งเพื่อช่วยย่อยน้ำมันมะกอกเท่านั้น ดังนั้นเพียงแค่เริ่มต้นดื่มน้ำมันมะกอกท่อน้ำดีก็จะเริ่มขยายตัวแล้ว ยิ่งเมื่อดื่มน้ำผลไม้รสเปรี้ยว ไม่ว่า แอปเปิ้ล มะนาว ส้ม เกรพฟรุ๊ต ก็ล้วนแล้วแต่ออกฤทธิ์เป็นกรดทั้งสิ้นก่อนเกิดการย่อยสลายหลังจากย่อยสลายแล้วจึงออกฤทธิ์เป็นด่าง (อ้างอิงปฏิวัติสุขภาพด้วยธรรมชาติบำบัด กิน-ดื่มด่าง ล้างพิษตับ เล่ม1) ดังนั้นเมื่อดื่มน้ำผลไม้เหล่านี้ผสมกับน้ำมันมะกอก ร่างกายจะปรับสภาพความเป็นด่างด้วยการหลั่งน้ำดีซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างประมาณ pH 7.5 - 8.8 จึงหลั่งออกมาเพื่อลดความเป็นกรดจากน้ำผลไม้รสเปรี้ยว และช่วยปรับสภาพแวดล้อมเพื่อให้ตับอ่อนหลั่งเอนไซม์ไลเปสเพื่อย่อยน้ำมันมะกอกนั่นเอง

 

 

 

 ในความเห็นของผมแล้วการดื่มน้ำมันมะกอกต้องดูว่าแต่ละคนเหมาะจำนวนเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนตัวใหญ่การดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซีซี อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าทั่วไปเมื่อเทียบกับชาวเยอรมันซึ่งเป็นฝรั่งและตัวสูงใหญ่กว่าไทยดื่มในปริมาณ 125 ซีซี โดยเฉลี่ยแล้ว ก็จะไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยซึ่งตัวเล็กว่าจะดื่มในปริมาณ 100 ซีซี แต่ถ้าคนที่มีภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือ ธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำแฝงก็อาจดื่มน้ำมันมะกอกได้เพียงแค่ 75 ซีซี ก็เพียงพอแล้ว เพราะคนที่มีอาการดังกล่าวมีการใช้พลังงานแปลงไขมันออกมาเป็นฮอร์โมนและน้ำดีได้น้อย ดังนั้นการดื่มไม่ให้มากเกินไปจะปลอดภัยมากกว่า และสำหรับผู้ที่สูงวัยมากๆกำลังขับน้อย ก็อาจดื่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยเพียง 50 ซีซี แล้วทยอยดื่ม 4 วันติดต่อกันก็ได้
       
        ส่วนน้ำผลไม้ที่ผสมในน้ำมันมะกอกก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมะนาวอย่างเดียว เพราะอาจทำให้ดื่มยากเพราะบาดคอและกลิ่นแรงมาก ดังนั้นขอให้เป็นผลไม้รสเปรี้ยวก็ถือเป็นอันใช้ได้ เช่น น้ำส้มผสมกับน้ำมะนาวอย่างละครึ่งๆ , น้ำแอปเปิ้ล, เกรพฟรุ๊ต และหากบาดคอมากอาจตบท้ายด้วยการจิบน้ำมะนาว + น้ำส้มผสมน้ำผึ้งใส่เกลือเล็กน้อย แล้วบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าตามอีกครั้ง
       
        แม้น้ำมันมะกอกจะเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดสำหรับการล้างพิษตับ แต่บางคนก็อาจจะแพ้น้ำมันมะกอก หรือไม่สามารถที่จะดื่มได้ ดังนั้น อันเดรียส์ มอริสต์ ผู้ทรงอิทธิพลในการล้างพิษตับชาวเยอรมัน ได้เสนอทางเลือกที่จะใช้น้ำมันประเภทอื่น ได้แก่ น้ำมันแมคาดาเมีย น้ำมันเมล็ดองุ่นบีบเย็น น้ำมันทานตะวัน เป็นต้น ห้ามใช้น้ำมัน แคนโนลา, น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี
       
        เพียงเราเข้าใจถึงหลักการในการล้างพิษตับมา 4 ตอนข้างต้นนี้แล้ว เราก็จะสามารถปรับปรุงและประยุกต์ในการล้างพิษตับให้เหมาะกับตัวเอง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9560000112458

คำสำคัญ (Tags): #ปฏิวัติสุขภาพ
หมายเลขบันทึก: 548442เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2013 14:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2013 14:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท