จากภารกิจวันวาน ถึง วันนี้


งานจิตอาสาเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 56 คนไข้นั่งรอรับการตรวจประมาณ 40 กว่า(นับจากเก้าอี้ที่ตั้งไว้)มีเก้าอี้เสริมอีก 10 กว่าตัว

ไม่ได้นับรวมค่ะ เป็นคนไข้โรคเรื้อรังกิจกรรมที่ให้ทำคือฝึกหายใจค่ะ เป็นกิจกรรมที่ผู้ป่วยทำได้เกือบทุกคน เว้นแต่คุณยาย

ที่เป็นทั้งเบาหวานและไตค่ะ สอบถามภายหลังคุณยายบอกว่ามันต้องเอียงตัวไปหาครูยายปวดคอก็เลยไม่หันไปดูเลยทำไม่ได้

    ต้องรีบกราบขอโทษคุณยาย ห้องอายุรกรรมที่ปรับปรุงใหม่นี้มีที่ให้คนไข้นั่งรอยาวกว่าเดิม บรรจุคนได้มากขึ้น

คุณยายนั่งใน..เกือบสุดมุมห้องใหญ่อีกทั้งยังอยู่บนรถนั่งด้วย คุณยายก็เลยไม่ได้ฝึกแต่ฟังเสียงและหัวเราะอย่างเดียว

 มิน่าเวลาเดินไปคุณยายจะยิ้มน้อยยิิ้มใหญ่

เริ่มกิจกรรมด้วยการฝึกหายใจ ที่เรียกเสียงฮาได้ ต้องตั้งสติและปล่อยให้เป็นธรรมชาติผู้สูงอายุที่เมื่อได้ทำกิจกรรมอะไร

ที่ถูกอกถูกใจจะมีความสุข เราก็เลยดับเบิ้ลสุขไปด้วย จนไม่รู้สึกเหนื่อย

10 .30 น.ขึ้นไปเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ได้พูดคุยให้กำลังใจกับญาติ

ปรากฏว่าญาติที่เฝ้าเป็นลูกสาวเธอเคยเข้าร่วมกิจกรรมสมาธิดีชีวีสดใสมาแล้ว

เธอดีใจที่ขึ้นไปเยี่ยมคุณแม่ของเธอ และบอกว่าได้นำวิธีที่ได้รับครั้งก่อนนั้นมาใช้ในขณธที่เฝ้าคุณแม่

ฉันก็รู้สึกยินดี เราสนทนาถึงการปฏิบัติกายใจของเธอเวลาเฝ้าไข้ เธอทำได้ดีมาก

โดยเธอบอกว่าทุกเช้าที่รู้สึกตัวเธอจะรีบดูลมหายใจตัวเองแล้วเดินมาที่เตียงคนไข้

มาแตะตัวแม่ และพูดกับแม่ เช็ดตัวให้แม่ และเธอบอกด้วยสีหน้ากังวลว่า "ไม่รู้ว่าแม่จะได้ยินไหม"

ฉันรีบตอบว่า กายสัมผัส ใจรับรู้ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว คุณยายจะรับรู้ การเอามือลูบไล้ไปตามมือแขนขา

หรือสัมผัสร่างกายคุณยายในเวลาที่เราพูดคุย คุณยายจะรับรู้และเข้าใจ แม้เราจะพูดเพียงเบาๆ

เธอมีสีหน้าสดชื่นแสดงอาการดีใจว่าเธอทำถูกแล้ว 

เธอพูดต่อว่าได้สวดมนต์ให้แม่ฟังทุกค่ำคืน แสดงว่าแม่ได้ยินด้วยแน่เลย

ฉันเองรู็สึกยินดี เพราะไม่ว่าผู้ป่วยจะรับได้หรือไม่แต่ผู้เฝ้าก็มีกำลังใจและมีสติ อยากทำอะไรให้คุณแม่ก็จะได้รีบทำ

มีอะไรอยากบอกอยากกล่าวก็จะได้ใช้ช่วงเวลานี้ ให้เป็นเวลาที่คุ้มค่ามากที่สุด พร้อมๆกับเจริญสติมากๆ

ฝึกระลึกรู้ตามความคิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ วางแผนการดำเนินชีวิตในช่วงต่อไปในอนาคต

ได้อย่างรอบคอบก่อนถึงวันที่ต้องเผชิญกับเวลาแห่งการจากกันจริงๆ 

เธอถามว่านอกจากนี้แล้วงเธอควรทำสิ่งใดอีก

ฉันบอกว่าเธอทำดีที่สุดแล้วและให้ใช้เวลาอยู่กับแม่ชวนแม่รำลึกถึงความดีที่แม่อบรมเลี้ยงดูเธอมาจนเติบโต

สามารถประกอบอาชีพสุจริตได้ ก็เป็นบุญมหาศาลที่ผู้ได้ชื่อว่าแม่ที่ดีได้ทำไว้ครบบริบรูณ์แล้ว

อีกทั้งยังพาเธอและลูกๆคนอื่นให้ได้เข้าวัดทำบุญสร้างกุศลมาตลอด สิ่งที่เธอควรทำในเวลานี้ก็สมควรแล้ว

เธอกล่าวขอบคุณเบาๆและเข้ามากอดฉันไว้ ฉันจึงย้ำว่าทำดีที่สุดแล้ว สวดมนต์ภาวนาและตั้งสติให้มั่น

นึกไว้เถอะว่าเวลานั้นได้มาถึงแล้ว เราไม่อาจพ้นความเจ็บไข้ไปได้ เราทุกคนมิอาจพ้นความตายไปได้พระท่านสอนไว้

หน้าที่ของเราคือทำความเข้าใจและยอมรับ แล้วเจริญศีลภาวนาไว้เสมอๆ

ฉันลงจากตึกชั้น 8 มาทานข้าว บ่ายไปประชุม กว่าจะเสร็จภารกิจก็ 15.30 น.ไปแล้ว

จึงไม่ได้กลับบ้าน แต่มุ่งหน้าไปวัดป้อมฯเพื่อเตรียมสวดมนต์เย็นร่วมกับญาติธรรมเสร็จภารกิจเวลา 19.25 น.

เดินเข้าตลาด เพื่อให้ได้ออกกำลังกายบ้าง ถึงบ้านก็มืดแล้ว ทานข้าวกับครอบครัว

เข้านอนเร็วมากเพราะเมื่อเช้านี้ต้องตื่นเช้ามากเช่นกันเพื่อดูศึกษาเรื่องสมุนไพรที่เมืองทองฯ

งานที่เมืองทองวันนี้ดีมากๆได้เรียนรู้ตัวยาสมุนไพร และพืชมากมายหลายชนิด

มีพืชที่รู้จักแล้วก็มากและที่ยังไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักเลยก็เยอะ

แล้วจะค่อยๆบันทึกค่ะ แต่ที่แน่ๆอาหารอร่อยและไม่แพงค่ะ พรุ่งนี้มีอีก 1 วันนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

หมายเลขบันทึก: 547644เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2013 21:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2013 21:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

-สวัสดีครับ

-กิจกรรมในหนึ่งวันมากมายแต่ก็แฝงไปด้วยความสุขนะครับ

-"กายสัมผัส ใจรับรู้ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว"

-ขอบคุณครับ.

ขอชื่นชม...และเป็นกำลังใจนะคะ

ขออนุโมทนาบุญที่ครูต้อยทำเพื่อคนไข้ทุกคนค่ะ

เหมือนได้ทำบุญบ่อย ๆ นะคะ

พี่ต้อยงานพี่เป็นงานจิตอาสาที่เยี่ยมมากๆ

พี่สบายดีไหมครับ...

 โอ๋-อโณ ขอบคุณมากนะคะที่ส่งกำลังใจให้พี่
 ขจิต ฝอยทอง น้องเอ๋ย คนมันว่างงาน ก็หาอะไรๆทำให้เพลินอย่างมีสติ และเท่าที่สังขารจะอำนวยให้ค่ะ พี่จิตใจสบายดีค่ะ พรุ่งนี้เช้าพี่จะเข้าไปช่วยงานที่โณงพยาบาลเสร็จแล้วตั้งใจไปอยู่วัดสัก 3 วันค่ะ และตั้งใจจะช่วยทำการคัดกรองแม่ชีที่วัดด้วย พี่เคยเจอแม่ชีที่เป็นเบาหวานจนต้องตัดขา ก็เกิดเวทนามาก ไม่อยากให้ต้องเป็นเลย ทำให้นึกเลยเถิดไปถึงพระสงฆ์ และการทำบุญใส่บาตร(อาหาร)ของญาติโยม ด้วย ไปปฏิบัตธรรมบวกปฏิบัติหน้าที่จิตอาสาด้วยค่ะ อิอิ
 nui ค่ะพี่นุ้ย กำลังคิดถึงมากๆ มองหาเพื่อขอคำแนะนำ แต่เห็นพี่นุ๊ยและคุณหมอก็งานตรวจรักษาคนไข้ล้นมือในแต่ละวันก็ขอร้องเพลงถอยดีกว่า อิอิ ถอยไปตั้งหลักก่อน แต่พอตั้งหลักทีไรก็มีอะไรๆให้ได้สร้างกุศลกรรมใหม่ทุกที เลยไม่ได้เจอตัวเป็นๆสักที ค่ะขอบคุณดอกไม้กำลังใจนะคะ
 เพชรน้ำหนึ่ง ขอบคุณค่ะ บางทีอยากบอกว่าหากเรามีโอกาสนั่งพิจารณษเขาและตัวเราเองแล้วจะเห็นโอกาสให้เราและเขาและสถาบันสุขภาพได้ยื่นมือเข้าหากันจับมือกันแล้วไปด้วยกัน เพื่อสุขภาวะที่ดีของชุมชน พี่มองว่าวงการพระพุทธศาสนานั้นมีประโยชน์สูงสุดรวมทั้งสถาบันศาสนาอื่นๆด้วยที่มีคนไทยนับถือและยึดมั่นประกอบความดีล้วนมีประโยชน์ต่อทุกชีวิต สิ่งหนึ่งที่เราอาจหลงลือคือทุกศาสนาสอนให้เรามีคุณธรรมพ้นฐานที่ดีสามารถนำคุณธรรมมาเป็นเครื่องชี้นำการปฏิบัติตนเองเพื่อสุขภาพได้ พี่เชื่อเช่นี้ค่ะ เช่นความซื่อสัตย์ หากเรามีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง เราจะไม่เว้นที่จะละเลยความตั้งใจของเราที่จะดูแลร่างกาย และจิตใจตนเอง หาใช่เพียงการท่องภาวนาปาวๆเท่านั้นไม่
 ชยพร แอคะรัจน์ ขอบคุณค่ะ ดอกไม้กำลังใจที่แวะเวียนมามอบให้มีกำลังใจทุกเมื่อๆค่ะ
 ทพญ.ธิรัมภา ค่ะ อาจเป็นเช่นั้น พระท่านสอนไว้การทำบุญที่สมบรูณ์จึงเริ่มที่ใจ ให้จิตใจคิดบวก กายก็จะทำตามที่คิดอย่างมีสติ และวาจานั้นเพื่อสร้างสรรค์และเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็ฯแม่นมั่ง แม้ว่าบางครั้งจะตามความคิดจรก็พยายามฝึกให้ทันความคิด ทันกิเลศตัวเอง ท้ายที่สุดก็เพื่อตัวเองให้ได้เบิกบาน ได้ทำในสิ่งที่สามารถทำได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

 ดร. พจนา แย้มนัยนา ขอบคุณค่ะ กำลังใจ คือพลังจักรวาล อันยิ่งใหญ่ค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท