จากบันทึกที่เกี่ยวข้องหมายเลขบันทึกที่ "546723" ได้บันทึกทบทวนความรู้ที่ครูบาอาจารย์สอนสั่งมา
เรื่องคัมภีร์ไพจิตร์มหาวงศ์ จึงขอบันทึกต่อเรื่องเกี่ยวกับผิวหนังขี้เรื้อนกุฏถังกระละมังแตกที่จริงก็กล่าวถึงโรคขี้เรื้อนเช่นเมื่อครั้งเป็นเด็ก
อย่าเพิ่งไปตกใจอะไรหากมาอ่านเจอ เพราะคัมภีร์วิถีกุฏฐโรคนั้นได้กล่างถึงโรคเรื้อนต่างๆที่มีที่มาหลายสมุฏฐาน และได้อธิบายที่ม าของโรคโดยเฉพาะได้กล่าวถึงแหล่งเกิดโรคที่ไม่ได้หมายถึงสถานที่เกิดทางภูมิศาสตร์แต่หมายถึงเหตุที่เกิดไว้ดังนี้
1.โรคเรื้อนบังเกิดแต่กองปฐวีธาตุ(ธาตุดิน)
2.โรคเรื้อนบังเกิดแต่กองอาโปธาตุ(ธาตุน้ำ)
3.โรคเรื้อนบังเกิดแต่กองเตโชธาตุ(ธาตุไฟ)
4.โรคเรื้อนบังเกิดแต่กองวาโยธาตุ(ธาตุลม)
5.โรคเรื้อนบังเกิดแต่ชาติสัมพันธ์ตระกูล(กรรมพันธุ์)
6.โรคเรื้อนบังเกิดด้วยสามัคคีรส หรือหลับนอนระคนกัน(กรณ๊นี้แก้ได้ด้วยธรรมะ ..การถือศีล 5 เคร่งครัดข้อที่ 3)
7.โรคเรื้อนบังเกิดเป็นอุปปาติกา เพิ่มเติมที่นี่ค่ะ
โรคพยาธิทั้ง 7 จำพวกนี้ บังเกิดด้วยก็มีชาติเบียดเบียน กัดกินอยู่ในร่างกายของสัตว์ คือโรคอยู่ในกระดูก และชิ้นเนื้อของตนเป็นเหตุคือ
1.ถ้าเกิดในกระดูก สมมติว่าเป็น "กุฏฐัง" เป็นอติสัยโรครักษายากนัก ตามตำราท่านว่าเป็นอาการตัดคือรักษาไม่หาย
2. ถ้าเกิดในชิ้นเนื้อ สมมุติว่าเป็นโรคเรื้อน รักษายากนักเหมือนกัน แต่ท่านว่าไม่เป็นอาการตัดคือมีโอกาสรักษาหายอยู่
สรุปแล้วโรคเรื้อนนี้มีแหล่งที่เกิดอยู่ 2 แห่ง คือ เกิดในกระดูกแห่งหนึ่ง และเกิดตามชิ้นเนื้ออีกแห่งหนึ่ง
กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์แพทย์แผนไทย
กราบขอบคุณอาจารย์ใหญ่ อาจารย์สุรศักดิ์ สนเปี่ยม
ขอบคุณผู้รวบรวมตำราการแพทย์แผนไทย ประเภทเวชกรรมไทย เล่ม 1 กองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและชมรมแพทย์แผนไทย และสมุนไพรจังหวัดสมุทรสาคร
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
ขอบคุณค่ะ ดร. พจนา แย้มนัยนา
เป็นคัมภีร์การรักษาโรคสมัยโบราณ
ที่มีแพทย์สมัยใหม่ได้ให้ความสนใจ
ต่อยอดองค์ความรู้ไปไกลแล้ว
แต่ยังมีคนไทยจำนวนไม่น้อย
ที่เข้าใจธรรมชาติของโรค และได้รักษาเยียวยาตัวเอง
ตามแนววิถีแห่งธรรมชาติ และพุทธะ
และมีคนไทยธรรมดาๆได้ให้ความสำคัญในการให้แพทย์แผนปัจจุบันตรวจวินิจฉัยโรคให้
พร้อมกับใช้ยาสมุนไพรไทยรักษาตัวเอง
นับเป็นทางเลือกที่ให้อิสระในการดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น
โดยไม่ต้องหยิบกระแสสังคมออกไปอยู่เหนือวิถีชีวิตค่ะ