เห็นกงจักรเป็นดอกบัว


ไทยเรามีสุภาษิตดีอยู่คำหนึ่งที่ผมชอบมากคือ "อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว" หมายความว่าอย่าเห็นสิ่งผิดเป็นสิ่งที่ถูก เป็นคำเตือนที่ผู้ใหญ่ใช้แนะนำเด็กให้ระวังถึงสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ว่าสิ่งที่มองภายนอกเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีจริงก็ได้

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากมายนั้น ศิลปะการสร้างกงจักรให้ดูเหมือนดอกบัวดูเหมือนจะพัฒนาไปไกลที่สุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์มนุษยชาติทีเดียว

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม มองไปรอบตัวๆ ก็จะเห็นกงจักรที่แฝงมาในรูปดอกบัวเต็มไปหมด เดี๋ยวนี้ยิ่งหนักหนากว่าเก่า เพราะกงจักรในกล่องดอกบัวเหล่านี้มาถึงหน้าจอของเราเกือบตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้คนในยุคปัจจุบันต้องมีสติมากกว่าเก่ามากมายนัก เพราะกงจักรนั้นมากมายเกินกว่าจะเลี่ยงพ้นได้ "ปัญญา" คืออาวุธอย่างเดียวที่จะทำให้เราสู้กับกงจักรที่จ้องจะเชือดเฉือนเนื้อหนังของเราให้เป็นจุล

แต่ศิลปะการสร้างปัญญานั้นกลับไม่ได้พัฒนาขึ้นมากมายเท่าทันกับศิลปะการแปลงกงจักรให้เป็นดอกบัว เราเลยได้เห็นผู้คนที่ชื่นชมยกย่องกงจักรกันมากมายทั้งๆ ที่กงจักรกำลังเฉือนเนื้อจนแทบจะไม่เหลือหลอแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

พวกเราคนตัวเล็กตัวน้อยที่มีเพียงกำลังเพียงนิดหน่อยแค่เอาตัวรอดจากกงจักรก็ลำบาก การจะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้นั้นแทบจะเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นเขาว่ายุคปัจจุบันนี้จึงเป็นยุคแห่งการสะสม "อุเบกขาบารมี" ซึ่งเป็นความสามารถในการมีจิตใจที่สุขสงบได้แม้จะเห็นความทุกข์ของผู้อื่นที่เราช่วยเหลือไม่ได้

เมื่อก่อนผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิด "อุเบกขา" ผมคิดว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง แต่พออายุมากขึ้นเห็นโลกมากเข้าผมก็เริ่มเข้าใจแนวคิดนี้

มนุษย์เรานั้นมีกำลังจำกัด เรามีความสามารถเพียงน้อยนิดนักในการผจญกับความทุกข์ ดังนั้นเราควรอยู่กับทุกข์ที่ไม่มากเกินกว่ากำลังของเรา สิ่งที่นอกเหนือกำลังของเรานั้น ไม่ว่าเราจะดีใจหรือเสียใจไปกับสิ่งเหล่านั้นเราก็ไม่มีความสามารถไปทำอะไรได้ การปล่อยวางแล้วไม่เอาสิ่งที่ทำไม่ได้มาเป็นอารมณ์น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ปราชญ์แต่โบราณนี่เขามีความคิดลึกซึ้ง หลายสิ่งที่เราไม่เข้าใจในวันนี้กลายเป็นสิ่งที่เรากลับทึ่งในความคิดของเขาในวันหน้า ขอเพียงแค่เราเปิดใจไม่ปิดความคิดยึดมั่นไปกับความคิดใดความคิดหนึ่งเท่านั้นเองครับ

หมายเลขบันทึก: 545454เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2013 13:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 สิงหาคม 2013 17:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

 

        ไม่ว่าเราจะดีใจหรือเสียใจ...ไปกับสิ่งเหล่านั้นเราก็ไม่มีความสามารถไปทำอะไรได้ ....การปล่อยวา....แล้ว....ไม่เอาสิ่งที่ทำไม่ได้มาเป็นอารมณ์ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  ....

 

    ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อคิดดีๆครับอาจารย์

วันนี้และวันที่ผ่านมา ผมก็ว่าสามารถใช้อุเบกขารับมือกับเหตุการณ์่ต่าง ๆ ได้ครับ แต่บางครั้ง บางคราก็มีอุเบกแตกเหมือนกันครับ ขอบคุณข้อคิดดี ๆ ครับ

สำหรับคุณมะเดื่อ ช่วงนี้ ต้องใช้ทั้ง " อุเบกขา "  และ  " อุเบกแขน"  ล่ะจ้ะ  ... มิฉะนั้นเอาไม่อยู่

(๗)..อุเบกขา..".ความมีจิตที่ สงบระงับเป็นอย่างยิ่ง ไม่ กระเพื่อมไหวไปตามสิ่งต่าง ไม่ว่า จะเป็น ความสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ รัก ชัง กล้า กลัว ยินดี ยินร้าย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นจิตที่มีความประณีต ละเอียดอ่อน..ปลอดโปร่ง..เบาสบาย.."

ข้อสุดท้ายใน..โพชฌงค์ ๗

(๑)  สติ ความระลึกได้

(๒) ธัมมวิจยะ การ วิจัย ธรรม ความรู้จัก ลักษณะแท้จริงของ สภาวะ ธรรม ซึ่งเป็น ตัว ปัญญา..ไม่ใช่คิดเอา..

(๓) วิริยะ ความพากเพียร

(๔) ปิติ ความอิ่มใจ สุขใจในการ ปฏิบัติ..ธรรม

(๕) ปัสสัทธิ ความสงบกาย สงบใจ ความผ่อนคลาย กายใจ

(๖)  สมาธิ ความตั้งมั่นใน..จิตใจที่มีอารมณ์เดียว ไม่สัดส่ายในอารมณ์ต่างๆ....

....หากเราเข้าถึง..องค์ธรรมสำคัญ นี้..เรา..คงจะไม่เห็น.".กงจักร..เป็น..ดอก..บัวเป็นแน่."....(นะ เจ้าคะ..ยายธี)..ท่อนที่เขียนมานี้..จากหนัง.."สติ..คือ..ธรรมเอก"..ของท่าน..คาเวสโก..(ในอดีต)

-สวัสดีครับอาจารย์

-อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

-ขอบคุณครับ

  ได้ข้อคิดที่ดีค่ะ

สมัยนี้นอกจากคนจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวกันง่ายๆและมีจำนวนมากแล้ว

ยังขาดพรหมวิหาร 4 หรือคุณธรรม 4 ประการที่ทำให้เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ

คืดขาด ความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา 

ขอบคุณบันทึกที่ดีมีประโยชน์นะคะท่านดร.ธวัชชัย...

ปุถุชนก็เป็นเช่นนี้เองครับ จะติดกับดักของ "อวิชชา"  และ "มิจฉาทิฏฐิ" แบบระบบค่ายกล หลายซับหลายซ้อน

ออกจากค่ายกลได้หมดก็ "อรหันต์" แหละครับ

ก่อนหน้านั้น ไม่มากก็น้อยละครับ

คนที่พยายามหาทางออกพอจะมีทางรอดได้พอสมควรครับ

พวกที่สั่งสมและทับถมก็จะยิ่งหนา ๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ

บางคนแม้จะหาทางออกก็ยังไปติดค่ายกลของ "พิธีกรรม" และ "สีลลพตปรามาส" ก็มีเยอะ

กรรมใดใครก่อก็จะได้เช่นนั้นครับ

 

อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

 

ขอบคุณบันทึกเตือนสตินะคะ

เห็นกงจักร์หลีกหนีให้ไกล  เห็นดอกบัวไซร้นำไปบูชาพระ

พี่ขอแลกเปลี่ยนในบริบทของคนทำงานสาธารณสุขค่ะ

เรามีคนไข้โรคเรื้อรังที่ "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" อย่างอาจารย์ว่าเยอะไปหมดที่ซื้อโน่นนี่นั่นมากินเพราะ "เขาบอกมา"  "โฆษณาว่าไว้"  การอธิบายด้วยเหตุด้วยผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ฟังได้ยากกว่า

กระทรวงสาธารณสุขสู้กับโฆษณา อาหารเสริมแอบอ้างรัีกษาโรค ชนะยาก  เพราะเราต้องติดอาวุธทางปัญญาเข้าไปแทนที่โฆษณาชวนเชื่อให้ทันเกม ขายตรง ขายทางออนไลน์ แค่นี้ก็เอาไม่อยู่แล้ว

ทุกวันเจอคนไข้ซื้อสิ่งที่เรียกว่า "อาหารเสริม" มากิน เราก็เปิดเข้าไปดูที่ อ.ย.ให้คนไข้ดูเดี๋ยวนั้น ก็เป็นตัวที่ถูกจับ ถูกห้ามแล้วทั้งนั้น แต่ยังขายดีอยู่ ก็ต้องทำไปเท่าที่ทำได้  ทำไม่ได้ก็ต้องอุเบกขาอย่างว่า  แต่ทำได้ยากอยู่นะคะ  เพราะเรารู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป มันก็ยิ่งห่วง

เจอคนไข้ที่มาด้วย ตับอักเสบ หรือ หัวใจเต้นเร็ว  ที่ตรวจไม่พบพยาธิสภาพ พอซักประวัติดีๆ ก็มาจากอาหารเสริมที่โฆษณาทั้งนั้น การรักษาก็แค่ให้หยุดสิ่งที่พวกเขากิน โรคก็หาย

 

 

kunrapee หายไปหลายวัน กลับมาได้อ่านบันทึกดีมีประโยชน์

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท