24 กันยายน 2555 แม่มีอาการเจ็บหน้าอกมาก เวลาประมาณ 2 นาฬิกาน้องพาเข้ารพ.ธนบุรี หมอให้ยาและน้ำเกลือแม่หลับได้จนสว่าง แม่อยู่ รพ.ธนบุรีถึงเช้าวันที่ 26 ซึ่งเป็นวันที่หมอจากรพ.ศิริราชนัดฟังผลจากการเอ๊กซเรย์จากรพ.ชุมพร พบก้อนเนื้อที่ปอด ผลการวินิจปฉัยก้อนเนื้อแม่เป็นมะเร็งที่คอและปอดระยะที่ 4 ตอนนี้แม่เจ็บหน้าอกมาก กินอาหารยากกลืนลำบาก สงสารแม่มากแต่ไม่รู้จะช่วยอย่ใงไร แม่เป็นคนฉลาดคงสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะป้าและน้ามาเยี่ยม จากวันนั้นแม่ต้องเดินทางไปรพ.ศิริราชตามหมอนัด มะเร็งคงต้องอยู่อย่างนั้น เพราะแม่อายุ 80 แล้ว และไม่แข็งแรง หมอจะให้ยาตามอาการปัจจุบันที่เป็น เช่น ไอ ก็ให้ยาแก้ไอ ปวด ให้ยาแก้ปวด แม่อยู่อย่างนั้น
20 มิถุนายน 2556 แม่มีอาการหอบต้องเข้าโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ต้องเข้าเฝือกที่มือเพราะแม่ล้ม กระดูกที่นิ้วแตก นอนพักที่ตึกหมอพร เตียงคนป่วยหนัก"อยู่ในความดูแลของพยาบาลอย่างใกล้ชิด" วันที่ 21 มิถุนายน 2556 แม่ย้ายเข้าห้องพิเศษ ห้อง 307 ตึกเฉลิมพระเกียรติ แม่อยู่ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2556
คืนวันที่ 26 มิถุนายน 2556 แม่ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง อาการหนักกว่าครั้งที่แล้ว 05.00 น. เช้าวันที่ 27 มิถุนายน 2556 แม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และให้อาหารทางสายยาง ตึกหมอพรเตียงใกล้พยาบาลที่สุด แม่อยู่รพ.ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 แม่มีอาการดีขึ้น หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ..แต่แม่ไม่เหมือนเดิมแล้ว หมอบอกว่าโรคมะเร็งวางไว้ก่อน ตอนนี้แม่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่จำอะไรไม่ค่อยได้ ซึม เหม่อ นิ่ง เฉย ไม่มีเสียงพูด
โรคเส้นเลือดฝอยตีบตัน
โรคเส้นเลือดฝอยตีบตันจะมีอาการแตกต่างจากโรคหลอดเลือดสมองประเภทอื่น คือ มักจะเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงและความรู้สึกชาแต่เพียงอย่างเดียว ปัจจุบัน โรคเส้นเลือดฝอยตีบตันสามารถตรวจพบได้ล่วงหน้าด้วยเครื่อง MRI ก่อนที่อาการของโรคจะกำเริบ ซึ่งเราเรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า "โรคเส้นเลือดฝอยตีบตันที่ไม่แสดงอาการ" หรือ "โรคเส้นเลือดฝอยตีบตันแฝง" ซึ่งหากได้รับการรักษาตั้งแต่แรก ก็สามารถป้องกันไม่ให้โรคแสดงอาการได้สาเหตุของโรคเส้นเลือดฝอยตีบตัน
สาเหตุหลักเกิดจากผนังหลอดเลือดแดงเกิดภาวะแข็งตัว โดยมีปัจจัยหลักคือโรคความดันโลหิตสูง และปัจจัยรองคือโรคเบาหวาน โรคไขมันในเส้นเลือด และการสูบบุหรี่ เป็นต้นเกิดขึ้นเวลาใดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งในเวลาที่กำลังออกกำลังกายหรือพักผ่อนนอนหลับภาวะของหลอดเลือดจะเกิดขึ้นที่เส้นเลือดฝอยในสมองส่วนลึก โดยผนังหลอดเลือดจะเกิดภาวะแข็งตัว ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาขึ้น และแคบลงจนตีบตันอาการแตกต่างกับโรคหลอดเลือดสมองประเภทอื่นๆ คือจะเกิดเฉพาะอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก และอาการชาเท่านั้น โดยไม่เกิดอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นที่รุนแรง เช่น สูญเสียการใช้ภาษา การรับรู้ การมองเห็นซีกเดียว หรือการหมดสติ เป็นต้น อาการโดยรวมจึงค่อนข้างเบา และส่วนใหญ่มักจะฟื้นฟูได้ดี เว้นแต่ในกรณีที่เกิดการตีบตันในหลายจุดโดยไม่รู้ตัว อาจเกิดอาการสมองเสื่อมได้ (Vascular dementia)อาการกำเริบของโรคหลอดเลือดสมอง
อาการกำเริบของโรคหลอดเลือดสมอง มักเกิดจากการที่ความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะนิสัยเป็น "คนไม่ชอบแพ้" หรือ "คนขยัน" ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็มักจะมีลักษณะนิสัยเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อจิตใจเกิดความตึงเครียดหรือกระวนกระวาย ร่างกายจะขับฮอร์โมนชื่อ แคทีโคลามีน (Catecholamine) ซึ่งประกอบด้วยอะดรีนาลิน ออกมาในกระแสเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น จึงหมายความว่า คนที่มีลักษณะนิสัยไม่ชอบยอมแพ้หรือเป็นคนขยัน มักจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง จึงควรขจัดความกระวนกระวายและอารมณ์ฉุนเฉียวในชีวิตประจำออกไปให้มากที่สุด หากเริ่มมีความรู้สึกกระวนกระวาย ก็ควรออกกำลังกายหรือทำงานอดิเรกเพื่อให้จิตใจผ่อนคลาย โดยควรหาวิธีกำจัดความเครียดตามสไตล์ของแต่ละคน ความดันโลหิตสูงไม่ได้มีสาเหตุเฉพาะความเครียดเท่านั้น แต่ยังเกิดจากอุณหภูมิอีกด้วย การกระทบกับความเย็นในทันทีทันใด หรืออุณหภูมิภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้หลอดเลือดหดตัว และความดันโลหิตสูงขึ้น จึงควรระวังการใช้ชีวิตประจำวันไม่ให้อุณหภูมิภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนัก
นอกจากนี้ การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย และเมื่อถ่ายปัสสาวะ ความดันก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนเกิดขึ้น
ความดันโลหิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นชนวนที่ทำให้อาการของโรคหลอดเลือดสมองกำเริบ จึงควรระมัดระวังไว้ด้วยอาการของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสมองทำหน้าที่ควบคุมสมรรถนะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การเคลื่อนไหวของแขนขา การมอง การฟัง การพูด เป็นต้น
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถเข้าใจได้เกือบสมบูรณ์แล้วว่า สมองส่วนไหนมีหน้าที่กลไกอย่างไร
เมื่อป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อาการของผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่ารอยโรคเกิดขึ้นบริเวณตำแหน่งใดของสมอง
อาการบกพร่องบางอย่างอาจสามารถฟื้นฟูให้กลับมาดีหรือใกล้เคียงกับปกติได้ แต่อาการบางอย่างก็อาจจะเหลือติดตัวเป็นความบกพร่องพิการไปตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของโรค ระยะเวลาที่เริ่มได้รับการรักษา ระยะเวลาที่เริ่มทำการบำบัดฟื้นฟู วิธีที่ทำการบำบัดฟื้นฟู และปัจจัยอื่นๆอีกมาก จึงพยากรณ์ได้ยากว่าผู้ป่วยแต่ละรายจะมีการฟื้นฟูอาการบกพร่องต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด แต่ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยควรยอมรับว่าสภาพและอาการของผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรเปรียบเทียบอาการกับผู้ป่วยรายอื่น เพราะอาจจะไม่มีประโยชน์ หรืออาจทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือหดหู่ซึมเศร้าจนเกินเหตุ
อาการทั่วไปที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง มีดังนี้
อาการแขนขาอ่อนแรง
ร่างกายครึ่งซีกซ้ายหรือขวาซีกใดซีกหนึ่งจะอ่อนแรง (อัมพฤกษ์อัมพาตครึ่งซีก) ซึ่งเป็นอาการที่พบเห็นได้มากที่สุดในบรรดาอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งหลาย อาการอ่อนแรงครึ่งซีก มักเกิดขึ้นพร้อมกับอาการกล้ามเนื้อเกร็งด้วย เช่น กล้ามเนื้อบางมัดอาจะหดเกร็งและขยับโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ หรือนิ้วมืออาจจิกเกร็งโดยไม่รู้สึกตัว ซึ่งต้องค่อยๆคลายออกทีละนิ้ว และต้องใช้แรงอย่างมากในการที่จะกางมือออกมาได้ หรืออาการที่นิ้วเท้าจิกเกร็งลงไปในรองเท้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือเมื่อขยับอวัยวะส่วนหนึ่ง ก็จะทำให้อวัยวะอีกส่วนหนึ่งมีอาการเกร็งเกิดขึ้น เป็นต้น การบำบัดฟื้นฟู นอกจากจะต้องทำกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดเพื่อฟื้นฟูอาการอ่อนแรงแล้ว อาจใช้ยาเพื่อช่วยลดอาการเกร็งควบคู่กันไปด้วยบกพร่องในการรับความรู้สึกทางผิวหนัง พบเห็นมากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการชาครึ่งซีก และเป็นในซึกเดียวกันกับที่แขนขาอ่อนแรง
ผู้ป่วยที่มีอาการชา จะเกิดความบกพร่องในการรับความรู้สึกที่ผิวหนัง เช่น การสัมผัส ความเจ็บปวด ความร้อน น้อยลงหรือช้าลงกว่าปกติ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการชาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวด อาการชาจะแตกต่างจากอาการแขนขาอ่อนแรง คือ มักจะเกิดตามมาภายหลังจากที่ป่วยไปแล้วเป็นเวลาหนึ่ง ซึ่งต่างกับอาการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งจะเกิดขึ้นในทันทีที่ป่วย นอกจากนี้ อาการชาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและสภาพร่างกายของผู้ป่วยได้อีกด้วย อาการชาหรืออาการเจ็บปวดนี้ หากเกิดต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวด กระวนกระวาย และกลัดกลุ้ม อาการชาเป็นอาการที่บำบัดรักษาให้หายขาดได้ยาก และไม่มีวิธีบำบัดรักษาที่ได้ผลดีที่สุด
ปากเบี้ยว
เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นในช่วงแรก แล้วจะค่อยๆทุเลาลง แต่หากผ่านไปเกินกว่า 1 เดือนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ก็อาจจะฟื้นฟูสภาพให้ดีขึ้นกว่านั้นได้ยาก
การบกพร่องด้านภาษา มี 2 ประเภทคือ บกพร่องในการใช้ภาษา และบกพร่องในการเปล่งเสียง
การบกพร่องในการใช้ภาษา ส่วนใหญ่จะเกิดในกรณีที่เป็นโรคในสมองซีกซ้าย (คือเป็นอัมพาตซีกขวา) ผู้ป่วยอาจไม่เพียงแต่จะไม่สามารถพูดได้แล้ว แต่ยังอาจสูญเสียความสามารถในการฟัง การอ่าน และการเข้าใจภาษา ควบคู่ไปด้วย
การบกพร่องทางภาษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ประเภทคือ
เข้าใจสิ่งที่ฟังจากฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่สามารถพูดสิ่งที่ต้องการพูดได้ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะลำบากในการเริ่มอ้าปากพูดคำแรก และสามารถพูดได้อย่างแคล่วคล่อง แต่ฟังสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามไม่เข้าใจหรือค้นหาคำตอบไม่ได้ จึงพูดจาสับสนจับต้นชนปลายไม่ได้นอกจากนี้ยังมีอาการบกพร่องในการใช้คำศัพท์ บกพร่องในการพูดทวนซ้ำ หรืออาจบกพร่องในทุกๆด้าน ทั้งการพูดฟังอ่านเขียนด้วย ผู้ป่วยที่มีอาการบกพร่องทางภาษา แม้จะสูญเสียความสามารถในการใช้ภาษา แต่ยังมีสติปัญญาเป็นปกติ ญาติและผู้ดูแลจึงต้องมีความเข้าใจในจุดนี้ด้วย
ส่วนการบกพร่องในการเปล่งเสียง เป็นการบกพร่องในการควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด เช่น ลิ้น ลำคอ และริมฝีปาก ผู้ป่วยจะสามารถรับฟังและเข้าใจได้ตามปกติ แต่อาจจะพูดไม่ได้เลย หรือพูดได้แต่ไม่สามารถควบคุมการเปล่งเสียงได้อย่างถูกต้อง จึงพูดไม่ชัด พูดตะกุกตะกัก พูดติดๆขัดๆ ไม่สามารถเปล่งเสียงซ้ำๆได้อย่างราบรื่น หรือพูดอ้อแอ้แบบคนเมา เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องในการเปล่งเสียงบางราย อาจจะไม่สามารถรับทราบความผิดปกติได้ด้วยตนเอง จึงทำให้การบำบัดฟื้นฟูทำได้ลำบากยิ่งขึ้นบกพร่องในการกลืนกินอาหารและดื่มน้ำ
ผู้ป่วยในระยะเฉียบพลัน (1-2 สัปดาห์แรก) ประมาณ 60% จะมีอาการบกพร่องในการกลืนกิน แต่อาการจะค่อยๆดีขึ้นเองภายใน 2 สัปดาห์ ยกเว้นในกรณีที่มีอาการหนัก หรือเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาแล้วทั้ง 2 ข้าง อาจเกิดอาการบกพร่องในการกลืนกินนี้ติดตัวตลอดไป
ผู้ป่วยที่เกิความบกพร่อง จะไม่สามารถกลืนกินอาหารได้ หรือดื่มน้ำได้ โดยเศษอาหารอาจหลุดเข้าไปในหลอดลม และเกิดการสำลัก
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ จึงอมน้ำลายไว้ในปาก ทำให้มีน้ำลายออกมามากยิ่งขึ้น และเกิดการสำลักน้ำลาย
การที่เศษอาหารหลุดเข้าไปในช่องลมหรือการสำลักน้ำลาย จะทำให้เชื้อแบคทีเรียในช่องปากหรือที่ติดมากับอาหารหลุดรอดเข้าไปถึงปอด ทำให้ปอดอักเสบ และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดของผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ผู้ป่วยที่มีปัญหากลืนกิน จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการรับประทานอาหาร โดยจะต้องบ้วนปากให้สะอาดก่อนการรับประทานอาหารทุกครั้ง และญาติควรช่วยนวดบริเวณหน้าและบริเวณปากของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยให้กลืนกินได้คล่องขึ้น และควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งที่มั่นคง โดยไม่ควรให้อยู่ในท่านอน เนื่องการทานอาหารในท่านอน จะทำให้เศษอาหารมีโอกาสหลุดลอดเข้าไปในหลอดลมได้มากยิ่งขึ้น
ระหว่างที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยจะได้รับการฝึกเพื่อฟื้นฟูสรรถภาพการกลืนกินดังกล่าว แต่จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เป็นปกติ ดังนั้นหลังจากกลับบ้าน ญาติและผู้ดูแลจึงต้องให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษในกรณีที่มีผู้ป่วยมีอาการบกพร่องอย่างรุนแรง และไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ จะต้องใช้วิธีให้สารอาหารทางสายยาง ผ่านทางรูจมูก หรือเจาะรูที่หน้าท้องแทน
อาการบวม
ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก จะมีอาการแขนขาบวม ซึ่งเกิดจากการที่ไม่สามารถขยับแขนขาเพื่อออกกำลังกายได้ อาการแขนขาบวมของผู้ป่วยแต่ละรายจะมากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งหากได้ทำกายภาพบำบัดโดยการเคลื่อนไหวแขนขา อาการบวมก็จะค่อยๆทุเลาไปเอง แต่หากผู้ป่วยยังไม่สามารถขยับแขนขา ผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวก็สามารถช่วยบีบนวดเพื่อลดอาการบวมได้ การบีบนวดให้บีบนวดจากด้านที่อยู่ไกลจากหัวใจไปยังด้านที่อยู่ใกล้หัวใจ เช่น ถ้ามีอาการเท้าบวม ก็ให้เริ่มบีบนวดตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้า หรือถึงหัวเข่า เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันอาการเท้าบวมได้ด้วยวิธีอื่นอีก เช่น การนอนในท่าที่ยกขาให้สูงกว่าลำตัว การประคบด้วยน้ำอุ่น การไม่นั่งห้อยขาเป็นเวลานานๆ หรือสวมถุงน่องที่ตึงๆ เป็นต้น
การบกพร่องในการขับถ่าย
อาการบกพร่องพิการอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเหลือค้างอยู่ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง คือการควบคุมการถ่ายปัสสาวะ คือ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นาน และปัสสาวะบ่อย อีกทั้งยังอาจมีอาการปัสสาวะเล็ดควบคู่ไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ การปัสสาวะบ่อยสามารถรักษาได้โดยการให้ยา Anticholinergic แต่ในกรณีผู้ป่วยเป็นชายวัยกลางคนหรือวัยสูงอายุ อาจทำให้ต่อมลูกหมากโตและปัสสาวะไม่ออก จึงต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์โดยเคร่งครัด กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหลงลืมรุนแรง อาจไม่สามารถสื่อสารความต้องการปัสสาวะได้ จึงต้องพาผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำเป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ หรือต้องใช้ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่แทน
การบกพร่องในการมองเห็น
อาการบกพร่องนี้อาจจะเกิดขึ้นในช่วงแรกที่มีอาการป่วย และอาจค่อยดีขึ้นเองตามลำดับ แต่หากไม่ดีขึ้นก็จะบำบัดฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ยาก อาการที่พบเห็นบ่อยคือ มองเห็นซีกเดียว คือไม่ว่าจะมองด้วยตาขวา ตาซ้าย หรือด้วยตาทั้ง 2 ข้าง ก็จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเพียงซีกซ้ายหรือซีกขวา ซีกใดซีกหนึ่งเท่านั้น ผู้ป่วยบางรายอาจมองไม่เห็นเพียง 1/4 ของภาพปกติ แต่ในบางรายที่มีอาการหนัก อาจจะมองเห็นเพียงเสี้ยวเดียว คือ 1/4 ของภาพปกติเท่านั้น ผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการที่เห็นภาพซ้อน ซึ่งเกิดจากตาทั้ง 2 ข้างขยับเคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกัน แต่หากมองด้วยตาข้างเดียวก็จะเห็นเป็นภาพปกติ โดยอาการบกพร่องทางสายตานี้ จะเกิดขึ้นในซีกเดียวกันกับที่แขนขาอ่อนแรง
เวียนศีรษะ
มีอาการวิงเวียน บ้านหมุน หรือสูญเสียการทรงตัว หากอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นพร้อมกับอาการอื่น ให้สันนิษฐานว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
บกพร่องในการเคลื่อนไหว
คือการที่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนขาได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าแขนขาข้างนั้นจะไม่ได้มีอาการชาหรือเป็นอัมพาตครึ่งซีกก็ตาม เช่น เดินเซ หรือเคลื่อนไหวไม่กระฉับกระเฉง หรือนั่งโอนเอนไปมา หรือยืนทรงตัวนิ่งๆ ไม่ได้ คล้ายกับคนเมา หรือแม้กระทั่งการไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าหรือถอดเสื้อผ้าได้อย่างถูกต้องด้วย เป็นต้น
หลงลืม
มีอาการหลงลืมเกิดขึ้นโดยทันทีทันใด หากค่อยๆมีอาการหลงลืมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลซไฮเมอร์ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงอาจป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม Binswanger's disease ซึ่งมีอาการค่อยเป็นค่อยไปด้วย จึงควรรับการตรวจจากแพทย์ว่ามีอาการของโรคหลอดเลือดสมองด้วยหรือไม่
การบกพร่องในการรับรู้
คือไม่สามารถแยกแยะสิ่งของหรือเรื่องราวได้อย่างถูกต้อง เช่น ไม่สามารถแยะด้านซ้ายขวา สิ่งของ หรือแม้กระทั่งชื่อของนิ้วทั้ง 5 นิ้ว เป็นต้น และยังไม่สามารถคำนวณตัวเลขง่ายๆ อีกด้วย การบกพร่องในการรับรู้ทางสายตา เช่น การไม่รับรู้หรือไม่สนใจสิ่งที่มองเห็นทางซีกซ้าย คือผู้ป่วยสามารถมองเห็นภาพทางซีกซ้ายตามปกติ แต่สมองไม่แปรสัญญาณภาพนั้นให้ผู้ป่วยรับรู้หรือเข้าใจ จึงทำให้ผู้ป่วยเมินเฉยไม่สนใจสิ่งดังกล่าว และเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินชนของที่อยู่ทางด้านซ้าย หรือการไม่รับประทานอาหารที่วางอยู่ทางซ้าย หรือการดูทีวีแล้วไม่รับรู้ข้อมูลในครึ่งซีกซ้าย เป็นต้น การบกพร่องในการรับรู้ทางสายตาแตกต่างจากอาการบกพร่องในการมองไม่เห็นครึ่งซีกที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งกรณีนั้นเป็นการมองไม่เห็นภาพทางครึ่งซีกซ้ายเลย การบกพร่องในการรับรู้อาการป่วย คือการไม่รับรู้ว่าตนเองป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีก และยืนยันว่าเป็นปกติดี เป็นต้น
ปวดศีรษะ
ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบตัน มักไม่ค่อยมีอาการปวดศีรษะ เว้นแต่ในกรณีที่มีอาการสมองบวมและความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น จึงจะมีอาการปวดศีรษะและอาเจียน หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ให้สันนิษฐานว่าไม่ใช่อาการของโรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน แต่เป็นอาการของโรคเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมองมากกว่า
โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder)
ผู้ป่วยบางรายอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้าภายหลังจากที่ป่วยเป็นโรคสมองไปแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอาจสูญเสียความมุ่งมั่นในการทำการบำบัดฟื้นฟู จะพยายามหลบหนีสภาพความจริงใน และบางรายอาจคิดสั้นและไม่ต้องการมีชีวิตอีกต่อไป ญาติจึงต้องหมั่นสังเกตุ และหากสงสัยว่าผู้ป่วยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ควรปรึกษาจิตแพทย์และรับประทานแก้โรคซึมเศร้า พร้อมกับทำการบำบัดฟื้นฟูต่อไป
อาการฟุ้งซ่านเวลากลางคืน
มีอาการฟุ้งซ่าน ตะโกนโหวกเหวง พูดจาคนเดียว ในยามวิกาล ซึ่งจะทำให้คนในครอบครัวและผู้ดูแลไม่ได้พักผ่อนตอนกลางคืนอย่างเพียงพอ จึงควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์
นอนไม่หลับ
มักเกิดจากการใช้ชีวิตสลับกันในเวลากลางวันและกลางคืน คือในตอนกลางวัน มักจะนอนหลับ เพราะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ จึงควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายในตอนกลางวัน หรือใช้ยานอนหลับช่วย
การนอนไม่หลับ อาจมีสาเหตุเกิดจากการหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea Syndrome) ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือนอนกรนเสียงดัง จึงควรปรึกษาแพทย์ด้วย
ทีมา http://rehab2554.alotspace.com/stroke.php
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-สวัสดีครับ..
-เป็นกำลังใจให้นะครับ..
-คิดถึงแม่จัง..
เป็นกำลังใจให้นะคะ...
ยามแม่กำลังป่วย ดู mv นี้แล้วน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เป็นความจริงในขณะนี้
กำลังใจของคนดูแลเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ขอเอาใจช่วยครูแอ๋ม ให้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดนะคะ
รักของแม่ รักไม่มีข้อแม้ รักกว่าชีวิตตัวเอง