วันที่ ๒๘ ก.พ. ๕๖ ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงเรียนเพลินพัฒนา คณะผู้บริหารและครูจากโรงเรียนทอสี รุ่งอรุณ เพลินพัฒนา และปัญญาประทีป ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทั้ง ๔ โรงเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการแปรผลทดสอบ SAT- Scholastic Aptitude Test (การวัดสมรรถนะการเรียนรู้ หรือการวัดความถนัดทางการเรียน) ของแต่ละโรงเรียนมาเรียนรู้เพื่อหาปัจจัยความสำเร็จร่วมกัน
วันที่ ๒๘ มิ.ย. ๕๖ ที่หอประชุมใหญ่ โรงเรียนปัญญาประทีป คณะผู้บริหารและครูจากโรงเรียนทอสี รุ่งอรุณ เพลินพัฒนา และปัญญาประทีป ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเป็นครั้งที่ ๒
โรงเรียนทอสี นำเสนอเป็นโรงเรียนแรกเนื่องจากเป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนในระดับอนุบาล – ประถมปลาย / โรงเรียนอื่นๆ เป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมต้น-มัธยมปลาย และอนุบาล – มัธยมปลาย
คุณครูแหม่ม - อาภาภัทร ไชยประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนทอสี และ คุณครูประไพ เพศยนาวิน ฝ่ายบ่มเพาะชีวิตนักเรียน กลับมาเล่าให้ฟังว่าการพบกันเมื่อครั้งที่แล้วทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างที่โรงเรียน ที่สำคัญ คือ
ปรับโครงสร้างฝ่ายบ่มเพาะชีวิตนักเรียน เริ่มมีการจัดโครงสร้างการทำงานให้มีหัวหน้าช่วงชั้น มีการจัดทำแผนการสอน และมีโค้ชเข้าไปดูแลครูผู้สอน เพื่อขยายผลไปสู่การทำ Lesson Study ต่อไปในอนาคต
ปรับโครงสร้างหลักสูตร ให้น้ำหนักกับวิชาชีวิตมากกว่าวิชาการ แต่สัดส่วนของวิชาชีวิตและวิชาการมีความแตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น และปรับเวลาเรียนช่วงเช้าให้นานขึ้น ภาคบ่ายให้เป็นวิชาที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย พยายามจัดคาบเรียนแต่ละวิชาเป็นคาบคู่ อย่างน้อย ๑ คาบ เพื่อความต่อเนื่องในการเรียนรู้
ปรับการเขียนบันทึก ให้เริ่มต้นจากเกิดฉันทะ และรักการเขียนบันทึก การถ่ายทอดความคิด ประสบการณ์ โดยครูไม่ติดกรอบของการเขียนบันทึก คือไม่เอาเป็นเอาตายกับความถูกผิดหรือความเรียบร้อยในการเขียน เพื่อให้เด็กมีความสุขกับการเขียนมากขึ้น และให้เด็กวาดรูปประกอบบันทึกได้
ปรับกิจกรรมหน้าแถว โดยเพิ่มการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวร่างกาย (ออกกำลังกาย) และการอ่านเงียบ
ปรับช่วงเวลาการโฮมรูม – ทอจิต ด้วยการปรับเวลาเรียนใหม่เพื่อให้ครูมีเวลาพูดคุย และทำความเข้าใจกับนักเรียนในช่วงเวลาของการโฮมรูมมากขึ้น โดยช่วงเช้าปรับให้คาบเป็นคาบสอนคู่ อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ช่วงบ่ายเป็นคาบศิลปะ ดนตรี กีฬา ก่อนนี้สิ่งที่เน้นกับการจัดการไม่เอื้อกัน
ปรับการแบ่งคาบเรียน ก่อนนี้ ๓ คาบเช้าบูรณาการกันหมด (คาบละ ๕๐ นาที )
ตอนนี้ ประถมต้น ๒ คาบแรก ชวนเด็กคิด สงสัย ทำไม + คาบบูรณาการ ๔ คาบ + สรุป ๒ คาบสุดท้าย / ประถมปลาย มีคาบสรุป ๓ คาบ
วิชาเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว คือ การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ วิทยาศาสตร์ สังคม การงานอาชีพ ร้อยเรียงอย่างบูรณาการ สัปดาห์ละ ๗ คาบ เพื่อให้เกิดการเรียบเรียงความรู้ สามารถเชื่อมโยง พัฒนาตนได้
โรงเรียนทอสีให้คาบกับวิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาภาษาไทยมากเพราะเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการ ส่วนวิชาชีวิตกับวิชาการ จะมีสัดส่วนเท่าไรนั้นจะแตกต่างกันไปตามวัย
ในวิชาจะมีเรื่องของคุณธรรมเด่น และ กระบวนการที่ต้องฝึกฝน เนื้อหาจะมีเรื่องของตัวเอง – ชุมชน – ประเทศ – จักรวาล – ดวงดาว เพื่อเตรียมตัวพวกเขาให้เข้มแข็ง มีความคิด และสามารถที่จะออกแบบชีวิตของตนเองได้
ปรับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ลูกเสือ (พึ่งตัวพึ่งตน) ก่อนหน้านี้เน้นการบริการล้างจานให้ครู ก็กลับมาคิดว่าจะเติมเรื่องอะไรได้อีก จึงกลับมาเพิ่มเติมการมอบงานให้เด็กได้เป็นแม่งานจริงๆ เช่น งานจิตอาสา
กิจกรรมที่โรงเรียนทำอยู่แล้ว
ภาษาชีวิต เน้นการเรียนรู้ภาษาจากสิ่งรอบตัว และเป็นภาษาที่มีความหมายต่อชีวิต รวมถึงภาษาจากธรรมะ ภาษาในบทสวดมนต์ที่อยู่ในบริบทชีวิต
เด็กอนุบาลมีความสนใจและมีความสามารถในการอ่าน ส่งต่อให้ผู้ปกครองไปดูแลต่อที่บ้านด้วยวิธีการเดียวกันกับโรงเรียนโดยมี แม่แจง – จุฬารัตน์ อินทรมหา ฝ่ายบ่มเพาะชีวิตผู้ปกครอง ดูแลการอบรมผู้ปกครองใหม่ เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถพัฒนาภาษาของลูก เป็นการสร้างความเข้าใจให้ผู้ปกครองว่าภาษาชีวิตคืออะไร เชื่อมโยงกับชีวิตของลูกอย่างไร เกี่ยวข้องกับชีวิตลูกอย่างไร ใช้ทุกที่ ตัวเลข ทะเบียน สีรถยนต์
พ่อแม่ที่ทำเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอจะได้เรื่องความสัมพันธ์ เพราะได้เล่นกับลูก แล้วจะพบว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเด็กจะเกิดพัฒนาการทางภาษาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่อบรมแล้ว ผู้ปกครองจะทำเกมมาเล่นกับลูกบ้านละ ๑ เกม เช่น เอาปฏิทินมาสอนอะไรได้บ้าง เอามาให้เพื่อนในห้องเล่น ห้องหนึ่งก็จะมีหลายเกม และเด็กก็จะได้พบกับความความหลากหลาย
Family Trip ที่มีผู้ปกครองเป็นหลักในการออกแบบกิจกรรม เพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบทอสี มีการกำหนดหน้าที่รับผิดชอบ โดยมีครูเป็นที่ปรึกษาและเป็นการเริ่มต้นผ่านตัวแทนผู้ปกครอง มีกิจกรรมสวดมนต์ รักสิ่งแวดล้อม เกื้อกูล ไม่เบียดเบียนกัน ปีละ ๑ ครั้ง
เรื่องครูของศตวรรษที่ ๒๑ ได้เกริ่นให้ครูฟังแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก
แรงบันดาลใจ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน ๓ เดือนนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีโรงเรียนกัลยาณมิตร คือรุ่งอรุณ และ เพลินพัฒนา ที่ทำให้ได้เปลี่ยนแปลงแนวคิด เข้าใจ ช่วยเหลือ โอบอุ้ม ให้เวลา และมีโรงเรียนคู่คิดคือ ปัญญาประทีป แต่ตอนนี้ครูเหนื่อย หากได้เห็นผลสัมฤทธิ์ที่เด็กเมื่อไรความเหนื่อยคงจะคลายลง
คุณครูก้า – กรองทอง บุญประคอง ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนจิตตเมตต์ ชวนวงแบ่งปันประสบการณ์เรื่องครูเหนื่อย
คุณครูเล็ก- ณัฐทิพย์ วิทยาภรณ์ ที่โรงเรียนเพลินพัฒนามีวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครูแกนนำ ช่วยพัฒนาทั้งจิตใจ และสติปัญญา เป็นกัลยาณมิตรที่ช่วยดูแลกัน
ในการทำ Lesson Study ต้องสร้างระบบขึ้นมาช่วย และสื่อสารผ่านเรื่องที่ซับซ้อน และมีรายละเอียดลึกซึ้ง เพื่อให้เด็กมีความสุขในการเรียนรู้ และมี Lesson Study เป็นความสุขร่วม ที่มีทุกคนเป็นพลังของกันและกัน แกนนำต้องมีสติเป็นตัวช่วย
คุณครูนุ่น- พรพิมล เกษมโอภาส โรงเรียนเพลินพัฒนามีการทำงานเป็นทีม หล่อเลี้ยงพลัง ค้ำความรู้สึก และมีทีมคอยsupport
แกนนำต้องเหนื่อยก่อน ลองก่อน ทำก่อน ผิดก่อน รู้ก่อน บอกได้เต็มปาก เพราะได้เคยทำมาแล้วทั้งหมด เห็นผลกับตัวเองมาแล้ว ด้วยวิธีการนี้ทำให้ทุกคนได้เห็นตัวเอง และได้พัฒนาตัวเองจริงๆ
คุณครูอ้อ – ครูชัชฎาภรณ์ ศิลปสุนทร ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายประถมโรงเรียนรุ่งอรุณแลกเปลี่ยนว่าคณะครูมีการปฏิบัติธรรมเป็นพลัง โดยมีตัวเราเป็นแกนที่ทุ่มเท และคลุกฝุ่นไปกับเขาด้วย ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ร่วมกับการสังเกต แล้วคุยกับครูเป็นรายบุคคล
มีการทำวงสะท้อนผล ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งการจัดการชั้นเรียน และการจัดการกับสภาวะอารมณ์ว่าอยากจะให้เพื่อนช่วยอะไร
เห็นผลของการทำ Lesson Study ที่มีทีมคณิตทำนำร่องก่อน แล้วต่อไปที่ไทย และวิทยาศาสตร์ พาครูไปดู ให้เขาได้เห็น พาไปอบรมให้เห็นว่าเราอยากทำอะไร
อาศัยธรรมะว่าพิจารณาดูว่าเราเกิดสภาวะอะไร ลดความคาดคั้น ลดการแบก แต่เข้าใจถึงความแตกต่าง มีทีมที่ทำงานไปด้วยกัน ร่วมทุกข์ สุข ร่วมแลกเปลี่ยนสภาวะจิตใจกัลยาณมิตร คอยให้คำปรึกษาแนะนำ และมีการฟังธรรม เพื่อวางใจของตนให้ถูกต้อง
คุณครูก้า – กรองทอง บุญประคอง ในบทบาทครูของครู ทุกคนต่างก็เป็นผู้เรียนเหมือนกันหมด และมีความสุขกับการพัฒนาตนเอง เราจะเดินไปแค่ไหน ที่ยังทำให้ผู้เรียนของเรายังมีความสุข ครูไม่ผ่านเลยคุณค่า แต่ต้องเป็นคนที่หยิบเอาคุณค่าเหล่านั้นมาชวนกันพิจารณา
ขอแสดงความชื่นชมค่ะ...
.... ขอบคุณ บันทึกดีดี นี้ค่ะ....