เปียเจต์ นักจิตวิทยาชาวสวิส เคยแบ่งพัฒนาการตามวัยของเด็กโดยชี้ว่า วัย 2 ถึง 7 ขวบ นั้นเป็นช่วงที่เรียกว่า preoperational stage ซึ่งเด็กๆ มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก เด็กวัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะคิดว่า สิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นตามความต้องการของตน เช่น " แดดออก…เพราะว่าวันนี้น้องแม้วอธิษฐานไม่ให้ฝนตก"
นอกจากนี้ เด็กวัย 2-7 นี้ยังคิดว่า สิ่งที่เคลื่อนไหวได้นั้นมีชีวิต ฉะนั้น อาจจะมีคำพูดประเภทที่ว่า "เห็นมั้ย ต้นกุหลาบออกดอกเพราะมันมีความสุข" วัยข้างต้นจึงสนุกสนานกับนิทานและจินตนาการต่างๆ
ส่วนวัยที่เปียเจต์ถือว่าเป็นขั้นพัฒนาระดับที่สูงขึ้น คือนับจาก 7 ขวบขึ้นไปถึงวัย 11 ที่เรียกว่า concrete operational stage นั้น เด็กจะมองวัตถุทั้งหลายต่างออกไปจากช่วงแรกมีความใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้น เข้าใจการชี้นับตัวเลข คิดเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนขึ้น
จะเห็นว่า วัย 7 ขวบเป็นวัยช่วงเปลี่ยนผ่านพอดิบพอดี จากการคิดแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางกึ่งจินตนาการ มาสู่ความเป็นจริงมากขึ้น ทั้งเป็นรูปธรรมอธิบายได้ ดังนั้น ถ้าบางครั้งลูกจะคิดฝันอย่างเด็กเล็กบ้าง บางครั้งก้าวมาเป็นเหตุเป็นผลบ้าง สลับกันไปมา ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนไม่ใช่วัตถุ ที่สามารถหักเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนเลย หากแต่อาจมีการหวนกลับได้บ้าง คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรมากนัก เช่นว่า "เข้าโรงเรียนแล้ว น่าจะรู้เรื่อง แต่ยังพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย" "7 ขวบแล้วยังทำตัวเหมือน 6 ขวบ อยู่เลย" โธ่…ก็มันเพิ่งจะไม่กี่เดือนก่อนเท่านั้นเอง
พัฒนาการของเด็กจะต้องมีขั้นตอน แม้จะก้าวไปข้างหน้า แต่บางครั้งก็อาจจะย้อนกลับได้บ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุน ในที่สุดเขาก็จะก้าวต่อไป เข้าสู่โลกที่เป็นจริงมากขึ้น
วัยนี้เป็นวัยที่กล่าวไปแล้วตอนก่อนๆ ว่าเป็นวัยที่ถอยหลังเข้าคลองเล็กน้อย มองตัวเองติดลบนิดๆ ชอบวิพากษ์วิจารณ์ตนเองหน่อยๆ "หนูทำไม่ได้หรอกคะ" "แบมรู้…แบมทำได้ไม่ดีหรอก" "รูปที่ก้องวาดไม่เอาไหนสักหน่อย ไม่ต้องดูหรอก" แล้วบางทีก็อาจจะมีปฏิเสธบ้าง เพราะพัฒนาการของความไม่มั่นใจในตนเอง
ช่วงวัย 7 ขวบ จึงเป็นวัยที่ต้องการคำชมเชย เพื่อให้กำลังใจเสริมแรง "ค่อยๆ ทำนะคะ แม่ว่าหนูทำได้แน่ เพราะหนูมีความตั้งใจ" ความรู้สึกที่ต้องการความมั่นใจในตนเองอย่างนี้ จะปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ คุณพ่อคุณแม่อย่าเบื่อที่จะเสริมสร้างกำลังใจให้เขา อย่ารำคาญ ถ้าได้ยินคำรำพันประเภทไม่มั่นใจตัวเอง
นอกจากการมองตัวเองติดลบแล้ว นักพัฒนาการเด็กยังตั้งข้อสังเกตจากการทดสอบว่า เด็ก 7 ขวบนั้นสนใจเรื่องสยองขวัญหรือรุนแรงอยู่พอสมควร ประเภทแมงมุมพิษ เลือดหยด หนูตาย ฯลฯ เป็นต้น อันมิได้เป็นผลมาจากสภาพแวดล้อม เช่น การดูหนังรุนแรง การเห็นภาพข่าวทีวีหรือหนังสือพิมพ์ หรือจากความรุนแรงในครอบครัว ฯลฯ แต่ประการใด หากน่าจะเป็นพัฒนาการการมองโลกของเด็กวัย 7 ขวบ ตามธรรมชาติมากกว่า
วัยนี้รู้ความหมายของเงินดีขึ้น บางคนใช้เงินเก่ง แต่บางคนที่ได้รับการแนะนำที่ดีก็จะเริ่มเรียนรู้การประหยัดเก็บออม หรือการหยอดกระปุก คุณพ่อคุณแม่จึงน่าจะถือเป็นช่วงวัยที่จะสอนเขาในเรื่องคุณค่าของเงิน และการใช้เงินที่เหมาะสม
ในเรื่องข้าวของส่วนตัว เขาเริ่มจะมีความคิดเห็นค่าของสิ่งต่างๆ เริ่มรู้จักหวงแหน ทะนุถนอม หลายคนเริ่มเรียนรู้การดูแลรักษาข้าวของส่วนตัว เราจะเห็นว่า เด็กวัยนี้บางคนเริ่มสนใจการเก็บสะสมเป็นงานอดิเรก สะสมแสตมป์ เหรียญ การ์ด ฯลฯ
คุณค่าเรื่องดีเรื่องไม่ดี ก็เป็นเรื่องที่วัยนี้เริ่มเข้าใจ เด็กๆ ที่ได้รับการดูแลมาอย่างพอเหมาะพอสม จะเข้าใจเรื่องการไม่หยิบของของคนอื่น การไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัว ไม่โกหก ไม่ขี้โกง และเรื่องความยุติธรรมก็เป็นประเด็นร้อนๆ ที่วัย 7 ขวบพร้อมจะเข้าใจและหยิบมาใช้ในการร้องทุกข์กับคนอื่นๆ
"แบ่งขนมแบบนี้ ไม่เห็นยุติธรรมเลย"
ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่เห็นทีจะต้องชัดเจน และหากจำเป็นจะต้องอธิบาย เช่น ทำไมน้องถึงได้เสื้อผ้าแบบนี้ ส่วนลูกได้แบบนั้น ก็ควรอธิบายว่า "ยุติธรรม" นั่นไม่ใช่ว่าทุกอย่างต้องเท่ากันหมด หากแต่หมายถึงความเหมาะสมกับสภาพของแต่ละคน ลูกวัยนี้เข้าใจได้ค่ะ ถึงแม้เขาจะยึดมั่นในความยุติธรรมหนักแน่นเพียงใดก็ตาม
เขาสามารถเข้าใจเหตุผล รับฟัง แล้วก็ยินยอมตามความเห็นคนอื่นได้ (แม้จะไม่เต็มใจนัก)
จะสังเกตได้ว่า วัยนี้มี มาตรฐาน สารพัดอย่างทีเดียว รองเท้าต้องวางแบบนี้ ทำไมไม่เทนมในแก้วนี้ ดินสอสีแดงต้องวางเรียงต่อจากสีเขียวสิ ห้ามสลับ…ฯลฯ เขามีมาตรฐานของเขา และพยายามที่จะรักษาความมีมาตรฐานนั้นไว้กับตัว
นี่เป็นเรื่องดีค่ะ…อย่าเพิ่งรำคาญ เพราะนั่นหมายถึงการยอมรับกติกาและวินัยที่จะพัฒนาต่อไปในวันข้างหน้า
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
ช่วยได้มากเลยจริงๆ
ช่วงวัยเจ็ดขวบนี้สำคัญมากเลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ กำลังปวดหัวเรื่องนี้ ช่วยได้เยอะเลย พอดีเขามีน้องเล็ก ๆด้วย ก็เลยกำลังเื้อและเหวี่ยงทวีคูณ ขอบคุณจริง ๆ
ขอคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้อะไรมากมายเลยจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ
คือเป็นพ่อแม่ที่วัยรุ่นน่ะค่ะและไม่ค่อยชินกับเด็ก เวลาพูดคุยกับลูกก็จะคุยกันแบบมีเหตุผล บางครั้งเราเองยังรุ้สึกว่ามันเยอะเกินไป ตอนนี้ที่เครียดก็มีแต่เรื่องเรียนน่ะค่ะ กลัวว่าลูกจะเรียนไม่ทันเพื่อน เพราะลูกความจำสั้นแล้วเรียนหลายอย่างหลายด้าน จนลูกรับไม่ทัน คือตอนนี้ดิฉันได้มีโอกาสมาที่สวีเดน ได้เห็นคนที่นี่เค้าเลี้ยงลูกกัน และ วัฒนธรรมของที่นี่คือรักษาความเป็นเด็กให้นานที่สุด การเรียนและสังคมพูดได้เลยว่าดีกว่าบ้านเรา เด็ก10ขวบยังไม่มีการบ้านเลย ทำไมที่บ้านเราเด็ก3ขวบมีการบ้านแล้ว แล้วจะให้เด็กที่ไหนเอาเวลาไปเล่นให้สบายใจ ทำไมที่เมืองไทยเด็กจะต้องเรียนพิเศษ ลูกดิฉันเลิกเรียน6โมงเย็นเพราะโรงเรียนให้เรียนพิเศษ ควรพัฒนาเด็กบ้าง ใส่ใจเด็กๆบ้าง อย่าพัฒนาแต่หลักสูตรจนลืมนึกถึงเด็กๆ เด็ก7ขวบเดี๋ยวนี้เรียนอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไรเลย เด็กอยากเล่นค่ะ ไม่ได้อยากเรียนยันมืด
ลูกมีโลกส่วนตัวเขาไม่ชอบให้ใดรมาออกคำาสั่งแต่เวลาเรียนจะชอบวาดรูปแต่พ่อสอบก็ทำคะแนนได้ดี
เขาไม่ชอบเขียนหนังสือเวลาเรียนชอบวาดรูปแต่เวลาสอบเขาก็ทำคะแนนได้ดีลูกชายขึ้นก่อนเกณ์ตอนนี้อยู่ป.2แต่7ขวบวัยของเขายังหว่งเล่นแต่ต้องมาเรียนเย่อะเลยทำให้เขาเบื่อแต่เขาก็เรียนและอ่านได้ค่อนข้างดีแต่ก็ยังปวดหัวอยู่ดีเพราะตอนิยู่ในห้องเรียนเขาไม่ค่อยสนใจเวลาครูสั่งงาน
สวัสดีคะ มีเรื่องไม่สบายใจคะ ลูกชายตอนนี้ 7 ขวบ เค้าเป็นเด็กค่อนค้างมีเหตุผล และเซ้าซี้บ้าง อยู่กับพ่อแม่เราโอเคยังไงก็คือลูก แต่พออยู่กับคนอื่นเช่นเพื่อน ของพ่อแม่เอง เค้ามาพูดว่าลูกเราดื้อตาใส พูดไม่ฟัง บางครั้งอยู่กับคนอื่ีนทำให้คนอื่นเค้ารำคาญ บางครั้งเรารู้ว่ารู้เราเองดื้อแม่จะพยายามพูดกับเค้าด้วยเหตุผลก่อน แต่แป๊บเดี๋ยว ก็ทำอีก แต่บางครั้งเรามองว่า เด็กวัยยนี้เป็นวัยที่อยากจะทำอะไรด้วยตนเอง อยากให้บุคคลอื่นเห็นความสำคัญของตัวเอง
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ได้รับประโยชน์มาก
ลูกสาว7ขวบพัฒนาการดีค่ะ.. เรียนสอบได้ที่1ตั้งแต่อนุบาล1.ลูกสาวเป็นคนมีกฏระเบียบในตัวเอง.ชอบกำกับเด็กรุ่นน้องให้รู้จักความสะอาด.. ล้างเท้าล้างมือ.หากไม่ทำตามน้องก็จะไม่เล่นกับเด็กคนนั้นค่ะ.แต่ก็แอบคิดว่าโตขึ้นจะคบเพื่อนลำบากหรือเข้ากับผู้อื่นลำบากหรือไม่.ต้นเหตุก็มาจากคุณแม่นี่แหละค่ะ.ที่คอยสอนให้ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบของใส่ปาก.. ไว้จะมาแชร์ให้ฟังเรื่อยๆนะคะ
ลูกสาว7ขวบชอบให้แม่ทำกิจกรรมด้วยเช่นเต้นเข้าจังหวะ เล่นของเล่น แต่แม่อายุมากแล้วบางครั้งมีเรื่องเครียดๆที่แม่ต้องคิดต้องทำ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี