อยากเล่าจริง ๆ มี 2 เรื่องคือ
เรื่องที่ 1 คือวันที่ 13 ตุลาคม 2549 เป็นอีกวันหนึ่งที่ทีมท่าน ดร.สุวัฒน์ เงินฉ่ำและคณะนักวิจัยส่วนกลางมาติดตามเยียมเยียนทีมแกนนำนักจัดการความรู้ สพท.นม.1 ซึ่งวันนี้ได้ไปเยื่ยมทีมงานของโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา และสุขานารี
ผลการเยี่ยมยามถามข่าวครั้งนี้ทำให้ทีมแกนนำนักจัดการความรู้ของทั้งสองโรงเรียนมีกำลังใจและมั่นใจในการทำงานตามแผนปฏิบัติการที่ได้วางแผนไว้ นอกจากนั้นยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินการอีกด้วย
เรื่องที่สองคือความสำเร็จระยะแรกของพวกเรา (สพท.นม.1 เทศบาล 4 บุญวัฒนา อัสสัมชัญและสุขานารี) วันนี้จะเล่าของโรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
1. ความเข้มแข็งของทีมงาน
เทศบาล 4 มีทีมงานที่เข้มแข้งมีความสามัคคีมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ว่าอะไรว่าตามกัน บวกความความมุ่งมั่นของผู้บริหารแล้วทำให้การทำความเข้าใจการใช้ "KM" เป็นเรื่องไม่ยาก
2. การให้ความสำคัญและให้เวลากับ KM"
สมาชิกใช้เวลาในการศึกษาความรู้ "KM" หลังเลิกเรียนวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และใช้เวลาวันหยุด 1 วันประชุมปฏิบัติการจนทุกสายชั้นได้ตารางอิสรภาพ ภายใต้ห้วปลา ""การเพิ่มประสิทธิภาพบุคลกรด้านการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ" และใช้เวลาหลังเลิกเรียนประเมินตนเองทั้งเป็นกลุ่มระดับสายชั้นและประเมินเป็นรายบุคคล
3. ให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เทศบาล 4 ใช้กระบวนการนิเทศภายในในการการแลกเปลี่ยนเรียนรุ้ซึ่งกันและกันทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยทุกคนจะมี "บันทึกการแลกเปลี่ยนเรียนรุ้หน้าเดียว" (ความรู้เรื่องอะไร ได้จากใคร นำไปใช้และสรุปเป็นองค์ความรู้ได้อย่างไร) ซึ่งผู้บริหารจะเป็นผู้ชื่นชมผลงานของครูด้วยการตรวจสอบเป็นระยะ ๆ และให้กำลังใจพร้อมให้ข้อเสนอแนะ
4. เคล็ดลับของโรงเรียนนี้ก็คือการยอมรับและศรัทธาในผู้นำ รวมทั้งยอมรับซึ่งกันและกันของคณะครู การมีส่วนร่วมของบุคลากรทั้งโรงเรียน และความเป็นนักบริหารจัดการที่มีคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา
อยากเล่าก็เลยเล่าเสียยืดยาว โอกาสหน้าจะเล่าความสำเร็จของพวกเราให้ฟังอีก
ไม่มีความเห็น