สิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชา คือ
1. ต้องดำเนินการขออนุญาตต่อกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชนประเภทกวดวิชา พ.ศ. 2534 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
2. พระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองเด็ก 3.กฎหมายแรงงานและสวัสดิการ
ตัวอย่าง ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน ประเภทกวดวิชา
โรงเรียนกวดวิชา
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน
ประเภทกวดวิชา
พ.ศ. ๒๕๔๕
---------------------------
ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เห็นสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน ประเภทกวดวิชา พ.ศ. ๒๕๔๔
ให้เหมาะสมและเอื้อประโยชน์แก่ผู้เรียนและสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๑๗ และมาตรา ๔๕
แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.๒๕๒๕
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า
“ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน
ประเภทกวดวิชา พ.ศ. ๒๕๔๕”
ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน
ประเภทกวดวิชา พ.ศ. ๒๕๔๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ
และคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้
หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “โรงเรียน” หมายความว่า
โรงเรียนกวดวิชาที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกวดวิชา
บางวิชาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการในระดับประถมศึกษาปีที่ ๕
ถึงระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ และระดับมัธยมศึกษา
“สื่อ” หมายความว่า เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน เช่น เครื่องวีดีทัศน์
ระบบโทรทัศน์วงจรปิด เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ
ที่สามารถถ่ายทอดสัญญาณภาพ
และเสียงจากสถานที่แห่งหนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้
“เจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียน” หมายความว่า
บุคลากรทางการศึกษาหรือครูผู้ช่วย
ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความประพฤติของนักเรียนและรักษาระเบียบแบบแผนของห้องเรียน
ดูแลการใช้สื่อและสามารถให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อ ๕ ลักษณะการจัดการเรียนการสอน
๕.๑ จัดการเรียนการสอนโดยใช้ครูเป็นผู้สอน
๕.๒ จัดการเรียนการสอนในลักษณะผสม
โดยมีทั้งครูผู้สอนและสื่อ
๕.๓ จัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อ
ข้อ ๖ สถานที่ตั้งโรงเรียนและอาคาร
๖.๑ สถานที่และบริเวณที่ตั้งโรงเรียนต้องมีลักษณะกว้างขวางและเหมาะสม
พอแก่กิจการของโรงเรียน โดยต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า ๑๐๐
ตารางเมตร ไม่ขัดต่อสุขลักษณะหรืออนามัยของนักเรียน การคมนาคมสะดวก
ตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีไม่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม
ที่อาจเกิดภัยอันตรายใด ๆ
หรืออยู่ใกล้สถานที่อื่นที่ไม่เหมาะสมแก่กิจการของโรงเรียน
๖.๒ ต้องมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือกรณีเช่าต้องมีสัญญาเช่าอาคาร
จากผู้มีสิทธิในการให้เช่า มีกำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี
โดยระบุวัตถุประสงค์การเช่า เพื่อใช้จัดตั้งโรงเรียน
ยกเว้นกรณีการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ที่ราชพัสดุ ที่ศาสนสมบัติกลาง ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่องค์การของรัฐ
หรือรัฐวิสาหกิจ
๖.๓ อาคารต้องเป็นเอกเทศ หรืออาคารร่วมต้องแยกเป็นสัดส่วน
ไม่ปะปน
กับกิจการอื่น
และเป็นอาคารที่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะใช้จัดการเรียนการสอน
๖.๔
ต้องเป็นอาคารที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างหรือใบอนุญาตต่อเติมอาคารจากทางราชการ
ให้ใช้เป็นอาคารเรียนเพื่อการศึกษา
เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถหาเอกสารจากทางราชการได้
ให้วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร
ข้อ ๗ ห้องเรียน
๗.๑ ห้องเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้ครูเป็นผู้สอน
ใช้เกณฑ์คำนวณความจุ ๑ ตารางเมตรต่อนักเรียน ๑ คน
จำนวนนักเรียนไม่เกินห้องละ ๔๕ คน
๗.๒ ห้องเรียนที่จัดการเรียนการสอนลักษณะผสม
โดยมีทั้งครูผู้สอนและสื่อ ใช้เกณฑ์คำนวณความจุ ๑ ตารางเมตร
ต่อนักเรียน ๑ คน จำนวนนักเรียนไม่เกินห้องละ ๙๐ คน
๗.๓ ห้องเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อ ใช้เกณฑ์คำนวณความจุ ๑
ตารางเมตร ต่อนักเรียน ๑ คน จำนวนนักเรียนไม่เกินห้องละ ๙๐
คน
๗.๔ ห้องเรียนที่จัดแบบห้องบรรยายขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นครูผู้สอน
อาจมีนักเรียนเกินห้องละ ๙๐ คน ใช้เกณฑ์คำนวณความจุ ๑
ตารางเมตรต่อนักเรียน ๑ คน และจะต้องเพิ่มสื่อ
และเจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียนตามสัดส่วนนักเรียน
ข้อ ๘ การจัดอาคารสถานที่และความปลอดภัย
๘.๑ ห้องเรียน ห้องประกอบ
ต้องมีแสงสว่างพอเพียงและมีระบบถ่ายเทอากาศที่ถูกสุขลักษณะ
๘.๒ มีห้องธุรการและหรือห้องพักครูแยกต่างหากจากห้องเรียน
๘.๓
จัดให้มีพื้นที่หรือห้องสำหรับพักผ่อนให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่ตามสมควร
๘.๔ จัดให้มีน้ำดื่ม
น้ำใช้ที่สะอาดถูกสุขลักษณะให้เพียงพอตามจำนวนนักเรียนที่มีอยู่
๘.๕ มีห้องส้วมแยกชาย-หญิง โดยถืออัตราส่วนจำนวนนักเรียน ๓๕ คน ต่อ ๑
ที่ สำหรับการเปิดสอนในแต่ละรอบเกิน ๒๐ คนขึ้นไปให้เพิ่มอีก ๑
ที่
๘.๖ ต้องจัดให้มีทางหนีไฟตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
หรือให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒
ในเรื่องการป้องกันอัคคีภัย
ข้อ ๙ เจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียน และการใช้สื่อ
๙.๑
ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียนตลอดเวลา
ที่มีการจัดการเรียนการสอนในอัตราส่วน ๑ คน ต่อนักเรียน ๑
ห้อง
๙.๒ สื่อโทรทัศน์หรือฉากรับภาพ ต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้นักเรียน
สามารถมองเห็นและเข้าใจเรื่องราวที่สื่อนำเสนอได้อย่างชัดเจน
โดยจะต้องให้มีสื่ออย่างน้อย ๑ เครื่องต่อนักเรียน ๑๕ คน
ข้อ ๑๐ คุณสมบัติของครู และเจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียน
๑๐.๑ ครูจะต้องมีความรู้ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนด
ความรู้และประสบการณ์ของผู้ขอรับใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่
และความรู้ของผู้ขอรับใบอนุญาต ให้เป็นครูโรงเรียนเอกชน พ.ศ.๒๕๒๖
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
๑๐.๒
เจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียนต้องมีความรู้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา
หรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และมีทักษะในการใช้สื่อ
ข้อ ๑๑ ค่าธรรมเนียมการเรียน
๑๑.๑ การเก็บค่าธรรมเนียมการเรียน จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาเอกชน โดยให้เก็บได้ในอัตรา ดังนี้
การเรียนการสอนโดยใช้ครูผู้สอน
ให้เก็บในอัตราที่สูงกว่าการเรียนการสอนโดยใช้สื่อผสมครู
ส่วนการเรียนการสอนโดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือจะต้องเก็บในราคาต่ำสุด
๑๑.๒ กรณีที่นักเรียนได้ชำระค่าธรรมเนียมการเรียนแล้ว
มีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถเข้าเรียนตามหลักสูตรที่สมัครเรียน
ให้ผู้รับใบอนุญาตคืนเงินค่าธรรมเนียมการเรียนให้แก่นักเรียนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในระเบียบการของโรงเรียน
ส่วนอัตราการคืนเงินให้เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนกำหนด
ข้อ ๑๒ ให้ผู้รับใบอนุญาตติดประกาศให้เห็นได้ชัดเจนในเรื่องต่อไปนี้
คือ
๑๒.๑
ใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงเรียน
๑๒.๒ ใบอนุญาตให้เก็บค่าธรรมเนียมการเรียน
๑๒.๓ เกณฑ์มาตรฐานการจัดตั้งโรงเรียน
๑๒.๔ ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น รายชื่อครูอาจารย์
และหลักสูตรการเรียน
ข้อ ๑๓
โรงเรียนจะต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการเสนอต่อผู้อนุญาตทุกปี
และจะต้องมายื่นขอต่อใบอนุญาตทุก ๆ ๓ ปี
ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนกำหนด
ข้อ ๑๔ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน รักษาการตามระเบียบนี้
และให้มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาอันเนื่องมาจากการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ปองพล อดิเรกสาร
(นายปองพล อดิเรกสาร)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้ความรู้มากค๊ะแต่อยากรู้ว่ามีระเบียบปี2549ออกมาใหม่อยากให้ส่งมาให้ดูด้วยค๊ะขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ สวัดดี
ถ้าไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนกวดวิชา เเต่ เป็นประเภทแฟรนไชส์ เเล้วขึ้นป้ายว่าโรงเรียนจะผิดใหมครับ ช้วยต่อบที
บทความนี้ ดีมากครับ
ถ้าเปิดคอสการบ้านสอนบางวิชาในระดับประถมต้องตั้งเป็นโรงเรียนหรือไม่คะ
อยากเรียนเกี่ยวกับกฎหมายเรียนที่ใหนคะ
กรณีเป็นครูสาขาการศึกษาพิเศษ ต้องการเปิดบ้านเพื่อให้บริการด้านการช่วยเหลือ แก้ไข และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก โดยการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสอดคล้องกับกำหนดที่กล่าวมา แต่ไม่อยู่ในระดับ โรงเรียนหรือสถานศึกษา ต้องดำเนินการ อย่างไรบ้างขอบคุณคะ