ภาวะจิตเดิมแท้ “ความไร้เดียงสา” พัฒนาจิตภาคี สสส.


สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเหมือนมีแรงผลัก ไม่รู้ตัว ในขณะที่สิ่งหนึ่งเป็นการระลึกรู้ที่หาคำอธิบายไม่ได้ ปัญญานั้นเกิดจากการปฏิบัติ ขัดเกลา จนเกิดสติ

ยิ่งเจริญเติบโตทางร่างกาย ทางสติปัญญา จิตใจกลับยิ่งสวนทางห่างไกลจากความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของจิตเด็ก ซึ่งเป็นจิตเดิมแท้  อันเป็นจิตที่ปราศจากทั้งกิเลสและปัญญา  


เมื่อจิตเด็กมีพัฒนาการกลายเป็นจิตผู้ใหญ่สัมผัสโลก มีสิ่งที่มากระทบอายตนะ มีเปลือกห่อหุ้ม แน่นหนาด้วยอาสวะกิเลส คิดปรุงแต่ง  ความรู้สึกสุข ทุกข์มากมายทำให้จิตเดิมแท้ค่อย ๆ หายไป กิดการยึดมั่นถือตัวตน มีโลกทัศน์ของตนเอง มีเกราะกำบังป้องกันตัวตนเอาไว้


ข้อค้นพบที่ผู้เขียนได้มองเห็นจากกิจกรรม “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข” ของกลุ่มศูนย์กายในภาคี สสส.  คือการตกผลึกจากการระดมความคิดรวบยอดความทุกข์ ความสุขของพวกเขาออกมาเป็นภาพนี้


     เมื่อต้องเติบโตขึ้นมาสิ่งที่เขารู้สึกถูกกระทบ และถูกปกป้อง

                  

   

 ความทุกข์ที่เกิดจากการได้รับผลไม่ตรงกับที่คาดหวัง 

 ความสุขที่เห็นผลจากการที่ได้ปลูกต้นกล้าเจริญเติบโตงดงามตามที่คาดหวัง 

                     


                          การทำงานร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

                 

                               

                     เมื่อพวกเขาต้องอธิบายในสิ่งที่กระทำ

             

   ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง  ตาต่อตา ฟันต่อฟัน จึงจะดำรงอยู่ได้

 

                  เส้นบาง ๆ ระหว่างสัญชาตญาณกับปัญญา
                          Instinct VS Intuition
                         


มันเกิดขึ้นเป็นประกายแว่บ ๆ ชั่วขณะ ไม่ได้ตั้งอยู่นาน


แต่สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเหมือนมีแรงผลัก ไม่รู้ตัว  ในขณะที่สิ่งหนึ่งเป็นการระลึกรู้ที่หาคำอธิบายไม่ได้


                       ปัญญานั้นเกิดจากการปฏิบัติ ขัดเกลา จนเกิดสติ

                      

                   

            การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเรา ฝ่าอุปสรรคขวากหนามมากมาย


เราอยากให้คนอื่นยอมรับความเป็นเราว่าเราเป็นคนไม่มีอะไร ซื่อตรงต่อความเป็นตัวตนของเราเอง


เราอยากกลับไปสู่ภาวะดั้งเดิมแท้ของวัยเยาว์ แต่ยิ่งเป็นเด็กไร้เดียงสากลับไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม

                                                             

                                           ความเป็นศูนย์กลาง

                                          เราจะรักษาสมดุล สุข – ทุกข์ได้อย่างไร

                         

                        

                       การสื่อสารของพวกเราผ่านการกระทำมากกว่าความคิด

                                 คำอธิบายเป็นรูปธรรมชัดเจน ตรงไปตรงมา

 หากว่ามาจากปัญญาแทนที่สัญชาตญาณนั่นคือความไร้เดียงสาได้กลับมาแล้ว

                     กลับมาด้วยการเป็นจิตเดิมแท้เคียงคู่กับสติ+ปัญญา 

                

                                ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ

 

                                 

เจตนารมณ์ของบันทึกนี้เป็นการถอดบทเรียนการจัดอบรมการพัฒนาจิตด้วยศาสตร์นพลักษณ์ของภาคี สสส. ค่ะ สืบเนื่องจากบันทึกที่เกี่ยวข้องสองบันทึกตามลิงค์ข้างล่างค่ะ


                               ----------------------------------------------- 

หมายเลขบันทึก: 540191เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2013 17:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2013 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

" เราอยากกลับไปสู่ภาวะดั้งเดิมแท้ของวัยเยาว์ แต่ยิ่งเป็นเด็กไร้เดียงสากลับไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม " 

เป็นเช่นนี้จริง ๆ นะคุณศิลา


ปัญญานั้นเกิดจากการปฏิบัติ ขัดเกลา จนเกิดสติ


ต้องเพียรพยายามปฏิบัติ ขัดเกลา จนกว่านั้น วันที่เกิดสติค่ะ

เราเติบโตไปทุกวัน ..........ความทุกข์และความสุขถาโถมเข้ามาในชีวิตเราทุกวัน

          ............บางครั้งอยากกลับไปเป็นเด็กวัยใส.....ไร้ประสบการณ์แห่งทุกข์ค่ะ.................


  วัยลิงโลด เบิกบาน เหมือนกล้วยไม้ช่อนี้ค่ะ

การระดมความคิด มักก่อเกิดสิ่งที่เกินความคาดหมายนะคะอาจารย์ Sila

ขอบคุณค่ะคุณชำนาญ เขื่อนแก้ว ที่แวะมาทักทายและให้ความเห็นที่มีค่า

คุณมะเดื่อก็อยากกลับไปเป็นเด็กที่ใสบริสุทธิ์เหมือนกันเลยใช่ไหมคะ เราปฏิบัติอย่างมีปัญญาได้ แต่เส้นทางที่ยาวไกลมากค่ะ รู้สึกว่าตัวเองก็ยังล้มลุกคลุกคลาน หัวขมำอยู่ค่ะ ปักธงไว้เป็น ideal ก่อน แล้วค่อย ๆ ก้าวไป วันนี้ไม่มีใครเดินเคียงข้าง แต่วันหน้าไม่รู้สึกโดดเดี่ยวค่ะ

ละเอียดอ่อน ลึกซึ้งยิ่งนักนะคะ

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ

กายอินทรีย์ที่เติบใหญ่ ต้องเพียรฝึกจิตให้แกร่งกล้าด้วยความรู้เท่าทันอุปกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง..ขอบคุณการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในพื้นที่ happy Ba คะ

ชอบบันทึกเรียบง่ายและเปี่ยมสาระนี้ค่ะ

และยังชอบคอมเม้นท์ของ อ.ชำนาญ เขื่อนแก้ว มากเป็นพิเศษด้วย... ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุและปัจจัยค่ะ  :)

ส่วนตัวชอบคำที่ว่า ... จงกล้าหาญและเติบโต แต่อย่าละทิ้งความเยาว์แห่งจิตใจไว้เสมอค่ะ


รพีพร ธรรมรัตน์วัฒนา

ความสุข ความทุกข์  อยู่ในใจของเราเอง  ถ้าเราเลือกรับแต่สิ่งดี ๆ ประพฤติแต่สิ่งดี ๆ มีหลักธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ  ให้ประพฤติชอบ  ปฏิบัติชอบ  ความสุขใจ  จะมาหาเราเอง 

"จิต..นั้น..ประภัสสร"...เวลา..ย้อมจิต..บวก..คิดไป.....ย้อนกลับ..เมื่อ..นั้น..หมดวัน..และเวลา....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท