"ผมว่ามนุษย์มีหางนี่แปลกนะ
ที่แปลกกว่านั้นมันเสียบปลั๊กกับต้นไม้ได้ มันเหมือนมีเส้นประสาทอยู่"
อ.ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
4 กพ. 2553
(เป็นคำพูดของอาจารย์ เมื่อการประชุมคณะกรรมการสภาองค์กรชุมชน ที่พอช.)
คุณลูกหมู เขียนไว้ว่า…
จากประโยคของอาจารย์เรื่องหนังอวตารนี่เอง "ผมก็มานึกเอาเองว่าหากเรามีหางที่สามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้ รับรู้ความรู้สึกระหว่างกันบ้างก็น่าจะดี เพราะบางครั้งการที่เราไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกคนอื่นได้ สิ่งนั้นเองก็ทำให้คนอื่นก็ไม่เข้าใจเราเองเช่นกัน" เพราะคิดว่าหนังเรื่องนี้แม้แต่อาจารย์เองก็สนใจต้องมีอะไรดีแน่
คำพูดของอาจารย์ไพบูลย์ ที่ท่านพูดไว้ เมื่อ ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งข้าพเจ้าดูสีหน้าและแววตาของท่านจากภาพที่คุณลูกหมูถ่ายไว้แล้ว รับรู้ได้ว่า....... ท่านกำลังแสดง "ความรู้ฝังลึก" ที่มีอยู่ในตัวของท่าน ผ่านถ้อยคำที่แสนง่าย สั้นๆ แต่ทว่า…แอบแฝงแง่คิดที่กว้างยังกะห้วงมหาสมุทร ไว้ให้ผู้คนที่เข้ามานั่งฟังท่านพูด ได้เก็บถ้อยคำเหล่านี้นำกลับไปคิดกันแบบฝุ่นตลบเลยทีเดียว ด้วยความอยากรู้ว่า……… "ทำไมท่านถึงพูดเช่นนั้น"
วันนี้ ขอถอดบทเรียนจากประโยคทอง 2 ประโยค ที่อาจารย์ไพบูลย์ และคุณลูกหมู ได้กรุณาทิ้งไว้ให้ข้าพเจ้านำมาคิด วิเคาระห์ในแบบฉบับลูกชาวสวนคนหนึ่ง
อาจารย์ไพบูลย์ท่าน…เผื่อแผ่ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของท่าน ท่านอยากแลกเปลี่ยนความคิดของท่าน ด้วยความคิดที่หลากหลายของผู้ฟัง เกิดคำตอบ เชิงใฝ่รู้ต่อว่า…..ทำไม? ท่านจึงพูดเช่นนั้น ถ้าท่านไม่พูดประโยคนี้ละ ท่านพูดประโยคอื่นละ? มันจะมีค่า มีความหมายเท่าประโยคนี้ไหม?
ข้าพเจ้า….อดอึ่ง ทึ่ง ไม่ได้ว่า….ความคิดของอาจารย์ร่วมสมัยสุด ๆ เลย
คุณลูกหมู ตอบโดนใจข้าพเจ้าสุด ๆเช่นกัน … ว่า หากเรามีหางที่สามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้ รับรู้ความรู้สึกระหว่างกันบ้างก็น่าจะดี เพราะบางครั้งการที่เราไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกคนอื่นได้ สิ่งนั้นเองก็ทำให้คนอื่นก็ไม่เข้าใจเราเองเช่นกัน
นี่คือ…หนึ่งบทเรียนที่ดี ของการพูด เพื่อให้พวกเราคิดพิจารณาสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยบริบทง่าย ๆ ของการใช้ชีวิต
การสื่อสารด้วยคำพูด อาจไม่ทรงพลังเท่า กับการสื่อสารจากการกระทำ การสื่อสารจากการกระทำอาจไม่ทรงพลังเท่า กับการสื่อสารกันด้วยจิตวิญญาณ
และจิตวิญญาณตัวนี้นี่เอง ที่อาจารย์ไพบูลย์ ท่านอยากให้พวกเราคิดได้ นั่นคือ “จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์” ผ่านวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของตัวละครในหนัง สอดคล้องวิถีของธรรมชาติ ที่รังสรรค์หัวใจของสัตว์สังคมในหนังเรื่องนี้
เมื่อธรรมชาติถูกทำลาย เราก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน หากเราเห็นใจธรรมชาติ นั่นเท่ากับเราเห็นหัวใจของเราเช่นกัน ใจเป็นหนึ่ง ธรรมชาติย่อมเป็นหนึ่งด้วย
ด้วยความศรัทธาที่มีต่ออาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แง่คิดดี ดี จากคุณลูกหมูเต้นระบำ…บทเรียนวันนี้ คือ….แง่งามของชีวิตที่อยู่ในตัวเรานี่เอง
ขอบคุณคุณลูกหมูมากนะครับ
ขอบคุณคุณอักขณิช มากนะครับ ผมเพิ่งเขียนเสร็จเมื่อกี้เองครับ
ขออนุญาตตรวจทานต้นฉบับอีกครั้ง นะครับ
ขอร่วมรำลึกถึงคุณไพบูลย์คนดีของแผ่นดิน ผู้เข้าถึงจิตวิญญาณของชุมชน สู่การขับเคลื่อนการยกระดับความเป็นอยู่ บนความมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งและยั่งยืนค่ะ
ขอบคุณมากครับพี่แสง อ่านความคิดของผมละเอียดยิบไปหมดครับ 55 ขอบคุณในการนำมาถ่ายทอดต่อ และการได้ทำงานกับอาจารย์ครั้งหนึ่งนั้นถือว่ามีประสบการณ์ดีๆมากมายครับ... ประโยคนี้สำหรับผมทรงพลังมาก
"การสื่อสารด้วยคำพูด อาจไม่ทรงพลังเท่า กับการสื่อสารจากการกระทำ การสื่อสารจากการกระทำอาจไม่ทรงพลังเท่า กับการสื่อสารกันด้วยจิตวิญญาณ "
อ่านบันทึกนี้ ทำให้ผมอยากดูหนัง อวตาร เสียแล้ว
ขอบคุณครับ
ขอรำลึกถึงคุณไพบูลย์ด้วยคนครับ ขอบคุณคุณแสงและคุณลูกหมูมากครับที่นำมาเผยแพร่
ลึกซึ้งไปถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ และจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ค่ะ
อ่านแล้วอวตารสมชื่อค่ะ ฉุกคิดใหม่ เกิดใหม่
ใจตรงกันนะคะ
ถอดบทเรียนบันทึกเดียวกัน
แต่คนละมุมมองค่ะ