ความสุขเกิดได้ง่าย...เมื่อเข้าใจบริหารสมอง

                                           

                                                            

          ปัจจุบัน...จากความก้าวหน้าในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา  เป็นที่ยอมรับกันว่า  จิตใจ  อันหมายถึง  “สิ่งที่ทำหน้าที่รับรู้  รู้สึก  นึกคิด  จดจำ  และสั่งการ”  นั้น  เป็นผลมาจากการทำหน้าที่ของอวัยวะที่เรียกว่า  “สมอง”

        สมองมนุษย์มีโครงสร้างและกลไกที่ซับซ้อน  จนกลายเป็นสัตว์โลกที่  “จำเก่ง  คิดเก่ง  มีอัตตา (ego) สูง”  และมี  “ระบบคิด”  จึงมักมีความเห็นแก่ตัว  ชอบแสวงหาความสุขสบาย  เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าผลระยะยาว  รับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยอารมณ์ก่อนเหตุผล  และชอบคิดในเชิงลบมากกว่าบวก

                                                 

          นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบใหม่ว่า  เซลล์สมองหาใช่เสื่อมตายทางเดียวไม่  หากแต่สามารถงอกใหม่ได้  ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหนก็ตาม  และวงจรเชื่อมต่อของเซลล์สมองหาใช่เป็นสิ่งตายตัวไม่  หากแต่สามารถปรับเปลี่ยนวงจรใหม่ได้ตลอดเวลาจนกระทั่งตาย

                                                                                              

       คนเราสามารถเรียนรู้  ปรับเปลี่ยนจิตใจ  นิสัย  บุคลิกภาพ  และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต  ตรงกับคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ว่า  มนุษย์เป็นเวไนยสัตว์

                                                

       คนเราสามารถพัฒนาสมองและจิตใจให้สมบูรณ์  และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขสงบเย็น  โดยการกระตุ้นการงอกใหม่และการปรับเปลี่ยนวงจรใหม่ของเซลล์สมอง  ด้วยการปฏิบัติตัว  ดังนี้

   1.  หมั่นออกกำลังกาย  อย่างน้อยสัปดาห์ละ  5 วัน  พบว่ามีส่วนกระตุ้นให้หลั่งสารโปรตีน  (ที่มีชื่อว่า  BDNF)  ซึ่งส่งเสริมกระบวนการงอกใหม่และการปรับเปลี่ยนวงจรใหม่ของเซลล์สมอง

   2.  หมั่นทำสมาธิและเจริญสติทุกวัน  มีการวิจัยพบว่า  ผู้ที่ฝึกสมาธิเป็นประจำ  มีเปลือกสมองส่วนหน้าหนาตัวมากขึ้นมากกว่าคนที่ไม่ได้ฝึกหรือฝึกมาน้อยกว่า  เพียงเริ่มฝึกทำสมาธิทุกวัน  นานเพียง  2-3 สัปดาห์  ก็พบว่าสมองบางส่วนหนาขึ้นและมีการหลั่งสารเคมีที่ทำให้มีความสุขสงบมากขึ้น

   3.  กินผัก  ผลไม้  ให้มาก ๆ  กินปลาและอาหารทะเล  (ที่มีโอเมก้า 3)  วันเว้นวัน  ช่วยในการสร้างเซลล์สมอง  เช่น  ปลาดุก  ปลาช่อน  ปลาสวาย  ปลาสลิด  ปลาสำลี  ปลากะพงขาว  ปลาเซลมอน  ปลาทูน่า  ปลาทู  เป็นต้น

   4.  นอนหลับให้เพียงพอ  วันละ  6-8  ชั่วโมง

   5.  หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ  เช่น  อ่านหนังสือ  ค้นคว้า  ฟังบรรยาย  แล้วหัดบันทึกสิ่งเรียนรู้จนเป็นนิสัย

   6.  ฝึกใช้สมองบ่อย ๆ  เช่น   เล่นเกม  หมากรุก  หมากฮอส  ต่อภาพ  ต่อคำศัพท์  เล่นไพ่  เป็นต้น

   7.  หมั่นคิดดี  พูดดี  ทำดี  เพื่อปรับเปลี่ยน  “ระบบคิด”  ให้เป็นด้านบวกแทนที่ด้านลบให้มากขึ้น

   8.  หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำลายเซลล์สมอง  เช่น  ความเครียด  การอดนอน  สุรา  ยาสูบ  สารเสพติด  การบาดเจ็บ  หรือกระทบกระเทือนศีรษะ  เป็นต้น

                         

                                        

            ขอให้ทุกท่านมีฉันทะและวิริยะ  ในการบริหารสมองให้เปลือกสมองส่วนหน้าโต  เพื่อบรรลุความสุข  สงบเย็น...กันเถอะ

              ขอขอบคุณ  นิตยสารหมอชาวบ้านฉบับที่  405 มกราคม 2556

               

                                                                     

                                           

 

ครูสุภาภรณ์

 

   

                                                      

                                       ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย

                                     โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ)

                                                                               

[ครูอ้น]

ดีจัง ได้สาระค่ะ

[ครูสุภาภรณ์]

   สวัสดีค่ะ  คุณ  ครูอ้น  ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยมชม  อย่าลืมบริหารสมองด้วยนะคะ

[ลูกหมูเต้นระบำ]

ขอบคุณสาระดีๆที่นำมาแบ่งปันครับ จะพยายามฝึกตามขั้นตอนที่แนะนำมาครับ..

[ครูสุภาภรณ์]

  สวัสดีค่ะ  คุณ  ลูกหมูเต้นระบำ  ลองปฏิบัติตามดูนะคะ

[นงนาท สนธิสุวรรณ]

...ขอบคุณข้อแนะนำดีๆเพื่อชีวีเป็นสุขค่ะ...

[ครูสุภาภรณ์]

   สวัสดีค่ะ  คุณ  นาง นงนาท สนธิสุวรรณ  ขอให้มีความสุขมาก ๆ ค่ะ