เด็กชายพรรณเชษฐ์ ก็ไม่ต่างจากเด็กทั่วไป ที่เจอสิ่งล่อใจอะไรก็จะตามกระแสทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น รถแข่งที่วิ่งในราง มาถึงรถกระป๋อง แต่ด้วยค่าครองชีพของผมนั้น น้อยนิดเสียนี่กระไร เลยได้แต่ดูรถเพื่อนๆ ที่เขาแข่งกัน มันเร็วได้ใจจริงๆ เพราะว่า ถ้าต้องการให้รถของเราเร็ว และ แรง นั้น ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะครับ
ช่วงนั้น ก็มีเกมส์เพลเสตชั่น 2 เค้ามาเปิดร้าน จ่ายค่าชั่วโมงสำหรับการเล่น ราคาค่าบริการนั้น เด็กอย่างผมก็พอสู้ไหว แลกกับการอดขนม แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะเล่นได้ง่ายนะครับ เพราะเครื่องมีอยู่น้อย จึงต้องแย่งกัน เลิกเรียน ใครวิ่งเร็วกว่า ก็มีสิทธิ์ได้เล่น ไปช้าเนี่ย ต้องรอลุ้นว่า เครื่องไหนจะออก เขาจะต่อเวลาไหม ต้องไปจองคิว ความคิดของผมตอนนั้น ถ้ารอเลิกเรียน เราก็อดเล่น เพราะเราอาจจะวิ่งช้า และผมได้เห็นเพื่อนปีนกำแพงรั้วข้างโรงเรียน พูดง่ายว่า หนีเรียน ไปเล่นเกมส์ ผมเลยขอลองบ้าง เอาละซิครับ ได้เล่น โดยไม่ต้องแย่งใคร จากเคยตามเพื่อนๆ ไป กลายเป็น แกนนำพาเพื่อนไป
ปกติพ่อผมจะมารับที่โรงเรียน ก็ประมาณ สี่ - ห้า โมงเย็น ไม่เกินนี้ แต่วันนั้น พ่อผมจะพาผมไปทำธุระอะไรผมจำไม่ได้ รู้แต่ว่า ผมกลับจากเล่นเกมส์กะเวลาแล้ว สี่โมงนิดๆ คงมาถึงก่อนพ่อมา แต่ต้องตกใจ เพราะเห็นพ่อนั่งอยู่ศาลาข้างประตูโรงเรียน “ลูกไปไหนมา พ่อมารอตั้งแต่ บ่ายสามโมงแล้ว ไปหาที่ห้องก็ไม่เห็น” T T ผมสารภาพผิดทั้งหมด ไม่แก้ตัวสักคำ พ่อไม่ได้โกรธ หรือโมโหร้ายใส่ผมแม้แต่น้อย เพียงแค่...ถึงบ้านปุ๊บ “ไปเอาคันเบ็ดในยุ้งมา ทั้งกำเลยนะ” เป็นคันเบ็ดไม้ไผ่ ที่เขาไว้ใส่ปลาในนาข้าว ทั้งกำมือ ผมน่าจะโดนไป สิบกว่าที ทุกทีต้องเปลี่ยนเบ็ดคันใหม่ เพราะว่า มันหัก T T แล้วแม่ ก็เอายามาทาตูดให้ผม
ผมไม่รู้สึกโกรธพ่อเลยที่ทำอย่างนั้น วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า อะไรที่ผิด อะไรที่ถูก เพราะพ่อไม่เคยดุผม ไม่เคยตีผมเลยสักครั้ง นี้เป็นครั้งแรก แล้วถึงตอนนี้ พ่อก็ยังไม่เคยตีผมเลยนะ (ไม่รู้เพราะผมเป็นเด็กดี หรือว่าพ่อจับไม่ได้ก็ไม่รู้ ล้อเล่นนะครับ)
โดนพ่อตีเหมือนกัน ไม่บ่อย แต่โดนแต่ละครั้งก็ทำให้จำเป็นประสบการณ์เตือนตัวเองมาโดยตลอดครับ ...