เจอของกลาง.....คนไข้เบาหวาน

ความหลากหลายของพฤติกรรมคนไข้ มีให้ศึกษาตลอด และนักสร้างสุขภาพ ก็ต้องมองให้เห็นโอกาส แห่งการปรับปรุงตัวเองและวิธีการ ที่สอดคล้องกับปัญหา

เช้าวันนี้สะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ ราว 7 โมงเช้า จากอสม.น้าถวิล โทรมาบอกว่า บัญจบถึงโรงพยาบาลแล้ว หมอมาหรือยัง ตกใจหมดเลย ก็เมื่อวานออกชุมชน โดยซ้อนมอร์เตอร์ไซด์ ลมและแดดทำให้เพลียมาก เมื่อคืนหลับลึกมาก แถมตื่นสาย จนน้าถวิลต้องโทรมาตามเพราะนัดกันไว้

บัญจบ ซึ่งพิการขาขาด ที่ผู้เขียนเคยเล่าไว้ว่ามีปัญหาตาต้อกระจก วันนี้หมอนัดผ่าตัด

ตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องควบคุมน้ำตาลให้บัญจบเพราะเพิ่งตรวจเจอว่าน้ำตาลสูงมาก 400 กว่า แต่เมื่อศุกร์สุดท้ายที่ผ่านมา บัญจบมาพบแพทย์ที่ รพ.สต. ผลน้ำตาลในเลือดเหลือ 150แพทย์อนุญาตให้ไปผ่าตัดตาได้

ย้อนกลับมาเล่าต่อว่าเมื่อน้าถวิลเพื่อนบ้านผู้ใจดี ตามมาดูแลบัญจบช่วงสามสัปดาหฺผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ ผู้เขียนกุลีกุจออาบน้ำแต่งตัว จะตามไป แต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน น้าถวิลก็โทรมาบอกว่า บัญจบผ่าตัดไม่ได้เพราะน้ำตาลในเลือดสูง ให้กลับบ้นไปก่อน ดังนั้นผู้เขียนจึงตามไปที่บ้านบัญจบ

เมื่อมาถึงบ้าน ก็เจอบัญจบนอนหมดอาลัยตายอยาก เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ผ่าตัด ผู้เขียนจึงเชิญ คนในครอบครัวของเขา และพี่จรินทร์ ภรรยาน้าถวิลมานั่งคุยกัน ส่วนน้ำถวิลออกไปขับสามล้อตุ๊กๆแล้ว

บัญจบตอบทุกคำถามที่ผู้เขียนถาม แต่ไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ เช่น กินข้าวได้เยอะไหม เขาจะบอกว่า กินไม่ค่อยลง แต่ภรรยาของบัญจบ ทำชู4นิ้วให้ผู้เขียนดู หมายความว่า บางมื้อถึง 4 จาน อ้า กินแป้งมากไปละ ถามอีกว่ากินขนม เครื่องดื่ม กาแฟ บ้างหรือไม่ เขาตอบว่ากินบ้าง แต่ภรรยาก็ชูนิ้วขึ้นมา 4 นิ้วอีก บอกว่า วันละ 4 แก้ว เป็นกาแฟ 3 in 1เสียด้วย ขนมนมเยนนั้นชอบมาก
แต่บอกว่าน้ำอัดลมไม่ชอบดื่ม ทันใดภรรยาก็บอกว่า ดื่มแต่เฮลบลูบอย

ผู้เขียนจึงออกสำรวจของกินรอบๆตัวบัญจบ ก็พบของกลางมากมาย เดี๋ยวจะให้พี่จรินทร์ นำไปชมนะคะ

ทำไมบัญจบจึงควบคุมน้ำตาลไม่ได้ อาจเป็นเพราะการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่เขาไม่ดีพอ และไม่ได้สำรวจตรวจตรา ของกินต่างๆให้เรียบร้อย ซึ่งการเห็นของตัวอย่างจะช่วยให้เขาเข้าใจยิ่งขึ้น มากกว่าแค่อธิบายให้ลดโน่น ลดนี่

สุดท้ายวันนี้ผู้เขียนแจกแจงละเอียดยิบ ถึงว่า ตับอ่อนผลิตน้ำย่อยน้ำตาลได้น้อย ดังนั้นจึงต้องกินน้ำตาลน้อยๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาลมาก จนคั่งค้างในเลือด การกินอาหารพวกแป้ง เมื่อย่อยแล้วก็จะกลายเป็นน้ำตาลด้วย ดังนั้นกินแป้งมาก น้ำตาลก็มาก

การผ่าตัดใดๆ ร่างกายต้องพร้อม เลือดต้องเดินสะดวก น้ำตาลในเลือดมาก เลือดข้น การไหลเวียนไม่ดี เลือดไปเลี้ยงแผลก็ไม่ดีไปด้วยหรือมีน้ำตาลในเลือดสูง ก็ทำให้มีการอักเสบของแผลที่ผ่าตัดได้ง่าย เพราะความหวานทำให้เชื้อโรคเติบโต ดังนั้นหมอเขาจึงไม่ผ่าตัดให้คนเป็นเบาหวาน ที่น้ำตาลในเลือดสูง

ผู้เขียนยกเอาเหตุผลที่เข้าใจง่ายๆ มาให้เขาฟัง ซึ่งที่จริงอาจมีเหตุผลมากมายกว่านี้ แต่สำหรับบัญจบต้องสั้นๆ จำง่าย และให้นึกภาพตามไปได้ง่าย เห็นอันตรายซึ่งๆหน้าอย่างนี้

สุดท้าย ก็ต้องยกหน้าที่ให้กับครอบครัว คือภรรยาและลูกสาว(คนนั่ง)และน้ำจรินทร์ อสม.เพื่อนบ้านจะเป็นคนคอยเชคน้ำตาลในเลือดให้บัญจบ ตั้งเป้าว่า 2-3 สัปดาห์ บัญจบจะปกติ และไปผ่าตัดตาได้ตามที่ปรารถนา ส่วนทางโรงพยาบาลนั้น ได้โทรไปแจ้ง และขออยู่ในโครงการสมเด็จย่าต่อไปได้

การเกิดและได้แก้ปัญหาร่วมกัน เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ การเยี่ยมติดตาม ทำให้เห็นคนไข้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ความหลากหลายของพฤติกรรมคนไข้ มีให้ศึกษาตลอด และนักสร้างสุขภาพ ก็ต้องมองให้เห็นโอกาส แห่งการปรับปรุงตัวเองและวิธีการ ที่สอดคล้องกับปัญหา เป็นรายๆไป

วันนี้บัญจบยังต้องกลับมานับหนึ่งกันใหม่ แต่ผู้เขียนจะให้เขาได้นับสอง สาม...ฯลฯ ไปจนถึงจุดหมายให้ได้เลยค่ะ

เขียนใน GotoKnow โดย ตันติราพันธ์
ใน เล่าสู่กันฟัง

คำสำคัญ (Tags): #การควบคุมน้ำตาลในเลือด#โรคเบาหวาน#ผ่าตัดต้อกระจก#ศึกษาวิถีชีวิตคนไข้เบาหวาน

หมายเลขบันทึก: 536828เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2013 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2013 23:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน