สอบ o-net ....หยุดสอน 3 กลุ่มสาระ 2 ใน 3 คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ


              มีบันทึกหลายบันทึก ทำการบันทึกถึงเรื่อง เด็กอ่านหนังไม่ออก     จะพูดจะเขียนหรือตะเบ็ง พูดไปก็ไม่มีใครสนใจ   คิดว่าเด็กอ่านออกแล้ว เด็กรู้เรื่องพยัญชนะแล้ว  เด็กอ่านหนังสือได้แล้ว

               เพราะฉะนั้นพอเปิดภาคเรียน  ก็สอนกัน 8 สาระ แต่ละสาระเด็กส่วนใหญ่อ่านหนังสือไม่ได้หรืออ่านไม่ออก ครูก็อ่านให้เด็กฟัง เด็กอ่านตามเสียงครู   หมดคาบครูก็ออกจากห้องไป พอสอบปลายภาคปลายปี ก็อ่านข้อสอบให้เด็กฟัง พอเด็กหุนหันเชิงว่าไม่ทราบจะตอบข้อไหน  ครูก็ใบ้ ๆ จนเด็กตอบได้ 

                ผมเคยขออนุญาตเข้าทำการศึกษา เด็ก ป.1-ป.3   โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง พบเด็กทั้งหมดอ่านหนังสือออกไม่ถึงร้อยละ 50  โรงเรียนยินยอมให้ผมแนะแนวการสอนครูเพื่อให้เด็กอ่านหนังสืออกออก สาธิตการสอนให้ดู แล้วให้ครูไปสอนเฉพาะภาษาไทยตลอดทั้งวัน ใช้เวลา 20 วัน หรือ 1 เดือน  จากการประเมินผล พบว่าเด็กอ่านได้  เกินร้อยละ 70 

               ผมเลยเสนอ  ผู้ำอำนวยการโรงเรียนว่าไม่ต้องจ้างครูสอนกลุ่มสาระ การงานอาชีพและเทคโนโลยี  สุขศึกษาและพลศึกษารวมทั้งกลุ่มสาระศิลปะ  เหตุผลคือเด็กอ่านหนังสือไม่ออกแล้วจะจ้างครูสอนให้เสียเงินทำไม  นำเงินนั้นมาจัดหาประกอบให้เด็กอ่านหนังออกเพิ่มขึ้นไม่ดีกว่าหรือ  ผู้อำนวยการโรงเรียนก็เชื่อ   ซึ่งถ้าเป็นโรงเรียนอื่น ๆ เขาเชื่อ แต่จะไมทำตามที่ผมเสนอแน่นอน

                 ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงให้ผมสำรวจชั้น ป.4-ป.6 ก็พบว่าครูปล่อยบาปให้ติดตัวเด็กมากกว่าร้อยละ 50  เช่นกัน  โรงเรียนจึงใช้วิธีเดิมคือหลักสูตรแบบ ป.1-ป.3  ใช้เวลา 20  วันเช่นกัน จากการประเมินผลพบว่าผลดีกว่า ป.1-ป.3  คืออ่านได้เกินร้อบละ 80 ที่เหลือก็พอกล้อมแกล้มไปได้แต่ก็ดีกว่าปล่อยเด็กไปตามยถากรรมดังเช่นในทุกปีที่ผ่านมา

                 ที่ผมนำมาเสนอนี้อย่าได้ตกใจว่าโรงเรียนที่ผมเสนอมานี้มีด้วยหรือ   มีครับและโรงเรียนที่แย่กว่าโรงเรียนมีอีกนับไม่ถ้วน  แต่ข้อมูลไม่มีให้ได้รู้  ให้ได้ทราบเพราะผู้ที่รับผิดชอบดูแลการจัดการศึกษาไม่ไปลงตรวจสอบติดตามในเรื่องนี้ต่างหากครับ

                  แต่ที่น่าตกใจที่ทำให้คณะครูทั้งโรงเรียนพากันสนเท่......ท่านก็คงสนเท่เช่นกัน

                  เพราะผลการสอบ o-net นักเรียนป.6 ปีการศึกษา 2555 ที่เพิ่งประกาศผลไปเมื่อมีนาคม    2556

                  ปรากฏว่า กลุ่มสาระ การงานอาชีพและเทคโนโลยี  และกลุ่มสาระศิลปะ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ  และโรงเรียนนี้มีจริงในประเทศไทยผมพร้อมยืนยันข้อมูล

                   นี่คือผลของการอ่านหนังสือออกของนักเรียนที่พัฒนาขึ้นมิใช่หรือ

หมายเลขบันทึก: 533268เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2013 22:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2013 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เด็กอ่านหนังสือไม่คล่อง มักโทษครูภาษาไทยค่ะ

เช่นกันค่ะ ที่โรงเรียน สามวิชาที่ท่านว่ามานี้ มีคะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศค่ะ

ทั้ง ๆ ที่เด็ก ๆ ที่โรงเรียนทุกคน อ่านหนังสือออกตามวัย  แต่ผลการสอบวิชาภาษาไทยยังไม่น่าพอใจนัก

แม้จะได้สูงกว่า คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ ก็ตาม


การอ่านหนังสือได้จะมีผลต่อการทำข้อสอบครับ

ผมลงช่วยสอนภาษาอังกฤษให้โรงเรียนประถมฯในทุกวันศุกร์ ผลคะแนนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมครับ


ผมอยู่ในวงการศึกษามาค่อนชีวิต วิจัยปัญหาการอ่านออกเขียนได้ของเด็กภาคสนามมาตลอด ผมฟันธงได้เลยว่า ไม่มีนวัตกรรมใดที่แก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ดีเท่ากับ "นวัตกรรมใส่ใจ" ที่ใดมีปริมาณความใส่ใจสูง ที่นั่นเป็นเลิศ ที่ใดปริมาณความใส่ใจต่ำ ที่นั่นน่าสงสาร ห่วงแต่นโยายเน้นคุณภาพที่ตัวเลข จนลืมการศึกษาที่แท้ แย่แล้วก็โทษคนโทษระบบ บ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้จริงๆครับ ...แค่ระบายไม่ได้ซีเรียสนะครับ...เพราะผมทำใจมานานแล้ว...ไม่เคยคิดท้อในการทำงานเพื่อเด็กๆ ...ไม่มีสิ่งใดมีความสุขเท่ากับได้ทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่ถนัด ในความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท