พิชิตยอดเขา…เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของในหลวงเมื่อ 55 ปีที่ผ่านมา



เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 13 เมษายน 2556 หลังจากเด็ก ๆ ได้นอนพักเอาแรงกันแล้ว  สิ่งแรกที่คาดหวังไว้ นั่นคือ ..การได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า…. พระอาทิตย์ที่แสนงดงามในความรู้สึกของผู้เขียน  ซึ่งเป็นเพราะว่า...ผู้เขียนได้เคยสัมผัสบรรยายกาศยามเช้าของ ริมทะเลแห่งนี้มาแล้วนั่นเอง



วันนี้จึงไม่มีภาพความงามแห่งรุ่งอรุณมาฝาก….  แต่ภาพความงามยามเช้าของที่นี่ยังคงติดตรึงใจผู้เขียนเสมอมา


จาก...บันทึกนี้



และ..บันทึกนี้


หลังจากอาหารเช้าแล้ว …ดวงใจทวงสัญญาที่พ่อพูดไว้เมื่อวานว่า…จะให้ว่ายน้ำก่อนที่จะเดินทางต่อ



ลูกสาวเปลี่ยนชุดว่ายน้ำเร็วมาก….ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่า…คำมั่นสัญญา…ที่เราให้ไว้กับใครก็ตามนั้น มีความหมายและมีค่าต่อความรู้สึกของคนจริง ๆ เลยนะ  (ผู้เขียนรับรู้ได้ว่า…ลูกขอบคุณพ่อ…ด้วยรอยยิ้มและการแสดงออกด้วยความร่าเริงในวัยของเค้าอย่างชัดเจน….พ่อจะจำไว้นะว่า…คำมั่นสัญญานี้มีค่าและมีความหมายเพียงใด….)


สระน้ำยามเช้า มีพื้นที่ให้ลูกสาวเล่นอย่างมากมาย….  นอกเสียจากชาวต่างชาติ เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ลอยคอ เหยียดกายอยู่ริมสระ



ข้าพเจ้ารับรู้ถึงอริยบทที่ผ่อนคลายของชาวต่างชาติคนนี้  ในขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงความสุขของลูกไปด้วยในตัว

..

เสียงตีน้ำ สะบัดขาไปมา  เสียงร้องบอกให้พ่อดูนะว่า….ท่าต่าง ๆ ที่ลูกทำนั้น  ประหนึ่งว่าลูกกำลังทบทวนบทเรียนจากการสอนของครูที่โรงเรียนก็ไม่ปาน 


เวลาผ่านไปนานพอควร  สังเกตเห็นว่าปากของลูก เริ่มเขียว  ปลายมือเริ่มซีด…จึงร้องบอกกับลูกว่า โอกาสหน้าหากเราได้แวะมาที่นี่อีก เราจะมาว่ายกันใหม่นะ  …ลูกพยักหน้า ยิ้มตอบและเอื้อมมือมาให้พ่อจับ

เมื่อทุกคนพร้อม  สัมภาระถูกลำเลียงขึ้นรถ  รถเคลื่อนคัวออกจากที่พัก มุ่งหน้าออกจากตัวเมือง  ก่อนที่เราจะมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักนั้น  ลูกชายได้พูดกับผู้เขียนว่า…พ่อเห็นเขาลูกนั้นมั้ย!!…



อยากขึ้น อยากขึ้น….  พ่อจอดนะ!!


สมาชิกในรถลงความเห็นด้วยเสียง 3 ใน 4 …ตกลงคนที่ไม่ขึ้นคือ  แม่ดวงใจ..เลยต้องอาสาทำหน้าที่เฝ้ารถให้


เด็ก ๆ ฮึกเหิมกันยกใหญ่… โดยเฉพาะพี่ชายดวงใจ

ระหว่างทางขึ้นเขา  ผู้เขียนได้กลิ่นสาป ๆ โชยมาระหว่างทาง ก่อนที่จะพบอนุสาวรีย์รูปปั้นลิงตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าเขาลูกนี้   จึงรู้ได้ทันทีว่า…ที่นี่ลิงคงเยอะน่าดู!!

ป้ายข้างทางบอกว่า…สถานที่แห่งนี้คือ เขาช่องกระจก สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดของเมืองสามอ่าวนั่นเอง และที่ป้ายยังบอกอีกว่า…ที่เขาแห่งนี้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า  หากใครได้ขึ้นเขาลูกนี้ถือได้ว่า….มาถึงประจวบฯ อย่างแท้จริง


เดินไปอีกสักหน่อย….พบแผ่นป้ายที่ใหญ่กว่าเดิม  ผู้เขียนยืนอ่านแผ่นป้ายขนาดใหญ่นี้ 

ได้ความดังภาพ…



เมื่อถึงบริเวณทางขึ้น…มีแม่ค้าขายกล้วยและข้าวโพดดิบ  ยืนรออยู่  พร้อมพูดกับผู้เขียนว่า…ที่นี่ลิงเยอะ โดยเฉพาะข้างบน ซื้อไปเถอะนะ!!…ลิงที่นี่อด!!…ไม่ค่อยมีคนขึ้นไปเท่าไหร่นัก!!...

ผู้เขียนคิดในใจ  ใจหนึ่งก็กลัวลิงทำร้าย  แย่งของกินจากมือลูกสาวที่ถือขวดน้ำและขนมขึ้นไปด้วย 


ก่อนขึ้น..แม่ค้าขายกล้วยยังกำชับอีกว่า ….ให้ระวังของกิน

ดังนั้นสัมภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่พ่อ…ทั้งกล้วย ทั้งน้ำ ทั้งขนม ไหนจะกล้องของผู้เขียนอีก  พะรุงพะรังไปหมด


เมื่อเริ่มขึ้นบันได… พี่ชายวิ่งนำหน้า น้องสาววิ่งขึ้นตาม  เพียงแค่ไม่กี่สิบขั้น เด็ก ๆ ก็เริ่มเหนื่อย เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าของลูก ๆ อย่างเห็นได้ชัด   เราหยุดพักกันที่ศาลาแรก 

ที่ศาลานี้ ว่างเปล่าทั้งผู้คนและลิง  ..ผู้เขียนแอ๊ะอยู่ในใจ หรือว่า!!..คนจะกลัวลิง  จึงไม่ค่อยมีใครขึ้นมา

 

เด็ก ๆ เริ่มเดินติดกับผู้เขียนมากขึ้นโดยเฉพาะดวงใจ  เหตุเพราะเมื่อขึ้นสูง เราก็เริ่มเห็นลิงมากขึ้น



ผู้เขียนถ่ายรูปลิงไว้หลายรูป ระคนกับความกลัวเล็กน้อย เพราะในมือของผู้เขียนนั้นเต็มไปด้วยของกิน ทั้งกล้วย ทั้งขนม ทั้งน้ำ........ ของโปรดของลิงทั้งนั้น 


และก็เป็นไปดังคาด!!…. ลิงตัวหนึ่ง ก็กระโจนเข้ามาแย่งถุงกล้วยจากมือผู้เขียน 

เมื่อสติไม่อยู่กับตัว…ผู้เขียนก็ร้องอุทาน!!ออกมา  มือที่ถือถุงกล้วยยังคงอยู่  ดวงใจเกาะอยู่ข้างหลัง  พี่เพชร ทิ้งช่วงห่างออกไปข้างหน้าแล้ว เพราะขึ้นไปตัวเปล่า  ….แต่โชคได้เข้าข้างผู้เขียนที่มีแม่ค้าขายอาหารลิงอยู่บริเวณนั้น วิ่งเข้ามา พร้อมกับบอกผู้เขียนว่า….

@ อย่า!!..แย่งอาหารจากลิง

@ อย่า!!..จ้องหน้าลิง 

@ อย่า!!..เหยียบหางลิง เดี๋ยวมันจะทำร้ายเอา…


ผู้เขียนรู้สึกปลอดภัยเมื่อแม่ค้าคนนี้อยู่ใกล้  พร้อมกับมอบถุงกล้วยในมือให้แม่ค้าคนนี้ และบอกกับแม่ค้าว่า..ช่วยให้อาหารลิงแทนผู้เขียนด้วย


หลังจากมอบถุงกล้วยให้ไปแล้ว ผู้เขียนได้เก็บขนมลูกสาวไว้ในกระเป๋ากล้อง ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ควักโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าตังค์ออกมาไว้ในกระเป๋ากล้องอีกเช่นกัน  ต่อจากนั้นเอากระเป๋ากล้องคล้องคอไว้ 

คิดอยู่ในใจ…. หากลิงกระชากของไป ก็คงต้องลากตัวผู้เขียนไปด้วย ….. คิดแล้วก็พาลอดขำไม่ได้ 


แม่ค้าคนดังกล่าว… วิ่งนำหน้าชึ้นไป  พร้อมกับ โยนกล้วยให้ลิงที่นั่งระหว่างทางได้กินกัน ตัวละลูกสองลูก

ผู้เขียนคิดต่ออีกว่า….นี่คงเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ผู้เขียนอยากพาลูก ๆ ขึ้นไปให้ถึงยอดเขานี้จริง ๆ …

มันช่างเหมือนมีอะไรดลใจซะเหลือเกิน


ระหว่างทางขึ้น ผู้เขียนและเด็ก ๆ ได้มีโอกาสมองลงไปยังพื้นที่เบื้องล่าง และสองข้างทางมากขึ้น 

ลิงที่อยู่ข้างทางแลดูสงบลง นี่อาจเป็นเพราะ…อาหารบางส่วนที่พวกเค้าไปรับไปจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้แล้ว และกล้วยของผู้เขียนที่เพิ่งได้รับไปกระมัง

ลิงพวกนี้มองดูอีกทีก็น่าสงสารนะ เพราะพวกมันมีเยอะจริง ๆ 






มีหลายตัวที่มีลูกติด หลายตัวก็ผอม   มองดูน่าสงสาร....  หากเป็นอย่างที่แม่ค้าขายอาหารลิงที่อยู่ข้างล่างนั้นพูดจริงอย่างว่า…ข้าพเจ้ากลับรู้สึกสมเพชสัตว์เหล่านี้เหลือเกิน


เขาน้อยๆ ลูกนี้… อาจเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ก็ได้นะ พวกลิงเหล่านี้ถึงดำรงชีวิตอยู่กันได้  แต่ถ้าหากมิใช่ละ!   พวกมันจะอยู่กันอย่างไร?  ข้าพเจ้าสังเกตดูว่า…. ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวที่นี่ก็มิใช่จะมากมายเท่าไหร่นัก  หากประสบเหตุการณ์แบบเดียวกับข้าพเจ้าหรือเลวร้ายกว่า …นักท่องเที่ยวที่เค้าขึ้นมาเค้าจะรู้สึกอย่างไร?

..

ปริมาณลิงที่ผู้เขียนเห็นและกะด้วยสายตา .....มีมากเป็นร้อยตัวทีเดียว…

ใจหนึ่งก็คิดนะว่า…นี่คือแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด…และเป็นจุดขาย…  จังหวัดคงไม่ละเลยเป็นแน่แท้!!

เมื่อผู้เขียนคิดได้เช่นนั้น ก็พลันอุ่นใจว่า…  ลิงน้อยที่นี่!! คงไม่ได้อยู่กันอย่างลำบาก เหมือนอย่างที่แม่ค้าขายกล้วยพูดไว้ข้างล่าง …คำพูดของแม่ค้าขายกล้วยคงเป็นแค่…  กลยุทธทางการตลาด”… ที่ต้องการโปรโมทสินค้าในมือ….มันก็เท่านั้นเอง

..

..

และแล้ว.. เราก็มาถึงยอดเขาแห่งนี้



บันได 396 ขั้น ที่ผู้เขียนก้าวผ่านมาได้นั้น  ทำให้…. ผู้เขียนอดคิดถึง ความยากลำบากที่สร้างคน และทำให้เค้าประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ได้ 

ปัญหาอุปสรรคก็เปรียบได้ดั่งฝูงลิง ที่เรียงรายอยู่ตามขั้นบันได หากใจไม่สู้ กลัว หรือยอมแพ้ระหว่างทาง เหตุเพราะกลัวลิง  ไฉนเลยจะได้ชื่นชมความสำเร็จและความงดงามของชีวิตที่ตัวเองแสวงหาและไขว่คว้า เสมือนกับที่ข้าพเจ้าประสบมาระหว่างทางที่ได้พบเจอ ใจหนึ่งอยากเดินหวลกลับ หากแต่คิดว่า … เมื่อถอยกลับแล้วจะได้ชื่นชมความงามของทิวทัศน์รอบเมืองสามอ่าวนี้หรือ? 





ทิวทัศน์มุมสูงของยอดเขาแห่งนี้  ทำให้ผู้เขียนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แม้นว่า... บรรยากาศโดยรอบอาจไม่สวยงามเหมือนวันท้องฟ้าแจ่มใส  แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่ผู้เขียนรับรู้และสัมผัสได้…. ผู้เขียนก็รู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นที่สุดแล้ว

..

..

เด็ก ๆ เริ่มคุ้นกับฝูงลิงมากขึ้น พี่เพชรนั่งติดกับควงใจ พร้อมกับป้าอีกคนหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่า…พูดคุยถูกใจกับดวงใจและพี่เพชร   เห็นเค้านั่งด้วยกัน  พูดคุยกันกระหนุงกระหนิง  ข้าพเจ้าจึงเบาใจ อย่างน้อยลิงบริเวณนั้นก็มองดูเป็นมิตรกับผู้มาเยือน



และหนึ่งเหตุผลนั้นก็คือ ........อาหารที่ถูกโปรยปรายลงบนพื้น ให้พวกลิงเหล่านี้ได้เก็บกิน 


ป้าคนขายอาหารลิงที่ดวงใจพูดคุยอยู่ด้วยนั้น บอกกับผู้เขียนว่า …บนเขาลูกนี้ มีลิงอยู่หลายฝูง  หากลิงฝูงที่แข็งแรงกว่าลงมา  ลิงฝูงที่อ่อนแอกว่าก็จะล่าถอยไป  แต่อย่าตกใจให้อยู่นิ่งนิ่ง จำคำพูดที่ป้าบอกไว้…. อย่าสบตาลิง อย่าเหยียบหางลิงและอย่างแย่งของจากลิง ... แค่นี้ก็ปลอดภัย






ก่อนลงจากยอดเขา  ผู้เขียนเห็นว่า…ลูกสาวพูดคุยถูกคอกับป้าคนดังกล่าว เลยถือโอกาส….เหมาอาหารลิงที่ป้าคนดังกล่าวขายอยู่ให้ลูกสาวได้มีโอกาสให้อาหารลิงอย่างใกล้ชิด  โดยมีป้ายืนติดอยู่เบื้องหลังดวงใจ



เมื่อมีคนที่ลิงเหล่านี้คุ้นเคยและเกรงใจ…. ผู้เขียนจึงหมดห่วงและได้ภาพที่หาดูได้ยากเก็บไว้ให้ลูก ได้ดู

..


ดวงใจบอกว่า…ดวงใจไม่กลัว เพราะมีป้าเค้าอยู่ใกล้ ๆ  และดวงใจจำคำที่พ่อบอกไว้ได้ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง? อย่ามองหน้าลิง!! อย่าเหยียบหางลิง!! และอย่าแย่งอาหารจากลิง!!  แค่นี้ก็ปลอดภัยจริงๆ นะพ่อนะ

..

..

ลูกได้เรียนรู้จากตัวของลูกเอง…:ซึ่งผู้เขียนก็อดชื่นชมลูกอยู่ในใจไม่ได้ว่า  …ชีวิตลูกมันต้องอย่างนี้แหละ... เรียนรู้และผ่านประสบการณ์ชีวิตให้ได้ด้วยตัวเอง    มันถึงจะภาคภูมิใจ …และนี่คือบททดสอบความกล้าในตัวของลูกข้อหนึ่งเลยละ!!  .....ผู้เขียนคิดเช่นนั้น


และระหว่างทางที่เดินลงจากเขา ดวงใจเดินจูงมือลงมากับป้าคนดังกล่าวเพราะป้าบอกว่า…อาหารที่ป้าขายนั้นดวงใจเหมาไปหมดแล้ว

ส่วนตัวพี่เพชรเอง เดินนำลิ่ว ลงไปก่อนหน้านี้แล้ว 



ผู้เขียนเห็นความคุ้นเคยระหว่างลูกสาว กับคนในพื้นที่แห่งนี้  ทำให้ผู้เขียนเปิดใจ  ไม่มองป้าคนนี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับลูก แต่กลับมองถึงความคุ้นเคยกันดุจญาติมิตรมากกว่า  …สังคมทุกที่นะ ซึ่งผู้เขียนคิดเช่นนี้ หากเมื่อได้เปิดใจ เข้าหากัน เราเองก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าระหว่างกัน เราสามารถอ่อนโยนต่อกันได้ ..... ข้าพเจ้าภูมิใจที่ลูกได้ทำเช่นนั้น


เมื่อถึงตีนเขาก่อนที่ป้าขายอาหารลิงจะแยกทางขอกลับบ้าน

ป้าได้ถามผู้เขียนว่า…ได้เก็บใบโพธิ์ที่ในหลวงท่านทรงปลูกเอาไว้  ลงมามั้ย?

ผู้เขียนตอบไปว่า….ไม่ได้เก็บและนึกไม่ถึงเลย จริง ๆ  และยังแอบนึกอยู่ในใจอีกว่า  อย่าว่าแต่เก็บใบโพธิ์มาเลย แม้กระทั่งเข้าไปใกล้ต้นโพธิ์ที่ในหลวงท่านทรงปลูกไว้เมื่อ 55 ปี ที่แล้วนั้น ก็ยังไม่กล้า  เพราะอะไรนะหรือ? ต้นโพธิ์ที่ทรงปลูก ยั้วเยี้ยไปด้วย พ่อลิง แม่ลิง ลูกลิง อยู่ทั้งนั้น .... ใครที่ไหนจะกล้า


ผู้คนในพื้นที่ที่เค้ามาที่นี่ เค้าจะรู้กันดีว่า …หากขึ้นยอดเขาแล้วจะต้องเก็บใบโพธิ์ที่พระองค์ท่านทรงปลูกไว้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว  เพราะใบโพธิ์ที่ทรงปลูกเป็นโพธิ์จากอินเดีย  ทับเก็บไว้  นำใส่กรอบเก็บไว้บูชาได้ …..ป้าคนขายอาหารลิงพูดเช่นนั้น

หากจะให้ผู้เขียนเดินขึ้นไปอีกรอบ ก็คงทำใจลำบาก  เลยขอความเมตตาจากป้าคนดังกล่าวว่า…ให้ช่วยสงเคราะห์ผู้เขียนหน่อยได้มั้ย!!


ผู้เขียนรับรู้ถึงความเต็มใจที่ป้าเค้าอยากทำให้ …. หลังจากที่ป้าได้ดื่มน้ำที่ผู้เขียนซื้อให้แล้ว ป้าก็เดินลับขึ้นเขาหายไป

..

..

..

นานพอสมควร…กว่าที่ป้าจะเดินลงมาพร้อมกับช่อใบโพธิ์ จำนวน 9 ใบ  



ป้าบอกกับผู้เขียนว่า......เก็บใบโพธิ์นี้ไว้ให้ดีนะ…..มันเป็นสิ่งที่มีค่าต่อจิตใจทีเดียวละ


ผู้เขียนได้ให้เงินจำนวนหนึ่งไว้กับดวงใจ เพื่อมอบให้กับป้าคนดังกล่าว พร้อมพูดกับลูกว่า….ให้ลูกบอกป้านะว่า... หนูให้เงินไว้ให้ป้าซื้ออาหารให้ลิงกิน

..

ผู้เขียนเห็นรอยยิ้มจากป้าคนขายอาหารลิงที่เขาช่องกระจกแห่งนี้  และรับรู้ถึงความมีน้ำใจที่ป้าเค้าหยิบยื่นให้โดยไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน ใด ใด

หากแต่ว่า…ผู้เขียนเห็นความมีน้ำใจของป้าแกแล้ว  ผู้เขียนอดไม่ได้ที่มอบสิ่งตอบแทนเล็กๆ น้อย ๆ ที่ผู้เขียนมี

..

..

ขอบคุณป้ามากนะครับ ....สำหรับใบโพธิ์ นี้



ผู้เขียนมองใบโพธิ์นี้แล้ว..ช่างเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก  มองมีค่า...ต่อความรู้สึกในใจของผู้เขียนมากทีเดียว




และนี่คือรางวัล...ของความตั้งใจที่ผู้เขียนได้รับ …มันคือความงดงามของธรรมชาติ ที่รังสรรค์สร้างไว้เป็นของขวัญให้กับคนไทยทั้งแผ่นดินโดยแท้


ผู้เขียนถ่ายภาพนี้ไว้ก่อนที่จะลงจากยอดเขา 


และภาพถ่าย ณ มุมนี้ .. มีภาพเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย  ที่คนไทยได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่าน เมื่อครั้งเสด็จมาทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นหน่อที่นำมาจากประเทศอินเดีย (ตามที่ผู้เขียนค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต)  ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์ทรงเสค็จขึ้นยอดเขาช่องกระจกนี้  ติดตั้งอยู่รอบเมืองสามอ่าว 

จึงทำให้ผู้เขียนรับรู้ได้ว่า ..มุมภาพของพระองค์ท่านภาพนี้คือ..ภาพถ่ายที่ผู้เขียนถ่ายในมุมเดียวกัน นั่นเอง


และความบังเอิญของภาพที่ถ่ายในครั้งนี้  ถือเป็นบุญเป็นกุศล ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกภูมิใจว่า …ครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้เขียน  ผู้เขียนได้พาสมาชิกในครอบครัว “เดินตามรอยเท้าพ่อ

ผู้เขียนยังรับรู้อีกว่า….ไม่มีที่ไหนในเมืองไทยที่พ่อไม่เคยไป….แม้กระทั่งยอดเขาช่องกระจกแห่งนี้ 



                                                                                    ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  อันหาที่เปรียบมิได้

                                                                                                                                    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

                                                                                                                          ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


<p></p>

หมายเลขบันทึก: 533162เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2013 14:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2014 00:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ยังไม่เคยขึ้นไปเลยค่ะ แม้จะอยู่ประจวบฯ

เหตุผลหลัก คือเป็นคนกลัวลิงค่ะ

คุณแสงเขียนบันทึก อธิบายความได้ดีมาก ๆ ค่ะ อ่านเพลินเลย

และชอบทุกครั้งที่คุณแสงสอดแทรกคติธรรมเข้าไปในงานเขียนได้อย่างงดงาม

ขอบคุณบันทึกงดงามที่มีให้อ่านเสมอ ๆ นะคะ

สวัสดีครับ

             หลายคนนึกถึงแต่ใบโพธิ์เพื่อจะนำไปไว้ระลึกบูชานะถูกต้อง   แต่ต้นโพธิ์ที่เต็มไปด้วยลิงก็น่าคิดนะครับ 

  เพราะตันโพธิ์ตนนี้ " พ่อของแผ่นดิน"ทรงได้ปลูกไว้   .....น่าคิดนะครับ

ใช่ค่ะอาจารย์ บางครั้งสิ่งเล็กๆ ที่เราทำ สำหรับคนอื่นนั้นมีคุณค่าใหญ่ยิ่งนัก ขอบคุณบันทึกดีๆ ค่ะ

ชอบกิจกรรมการเดินตามรอยเท้าพ่อมากๆ ครับ ได้ความรู้สึกที่ชีวิตมีคุณค่า แถมสร้างความสุขผ่านธรรมชาติที่มีขั้นตอนแบบเดียวกับกิจกรรมบำบัด (วิเคราะห์และสังเคราะห์กิจกรรมจากง่ายสู่ยาก) โดยเฉพาะกิจกรรมบันทึกภาพภาษาท่าทางของลิงที่น่ารักน่าเอ็นดูครับผม ขอส่งความสุขทุกๆวันแด่คุณแสงแห่งความดีและครอบครัวนะครับ 

ประทับใจทุกอย่างครับ...แต่อิ่มมากที่สุด คือ ภาพของลูกและแม่ลิงครับ...


สวยครับ น่าเที่ยวมาก

ขอให้คุณแสงมีความสุขกับการท่องเที่ยวนะครับ....

เคยขึ้นไปเขาช่องกระจกหลายครั้งสมัยยังเป็นวัยรุ่นจ้ะ  นับบันไดได้ เกือบ ๆ 300 ขั้น (จำตัวเลขที่แท้จริงไม่ได้แล้ว )  สมัยก่อนไม่มีลิงมายุ่งยากเหมือนเดี๋ยวนี้  ตั้งแต่มีลิงมาวุ่นวายก็ไม่ได้ขึ้นไปอีกเลย  มองจากยอดเขาจะเห็นอ่าวมะนาวกับอ่าวประจวบ ฯ เป็นรูปครึ่งวงกลมสวยงามมากจ้ะ

ภาพสวยมากครับพี่...ถ้าเป็นผมผมปีไม่ไหวแน่... และยังจำเพลงนี้ได้อยู่เพราะเสมอเหมาะกับบรรยากาศดีครับ 

ขอขอบคุณดอกไม้กำลังใจที่มอบให้กับผู้เขียน  มากนะครับ

ขอบคุณครูอิงจันทร์มากนะครับ

บันทึกนี้ ผมใช้เวลาเขียนนานเลยทีเดียวครับ 

เพราะ...อยากเขียน เล่า บางอย่าง บางสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสมา

..

ขอบคุณครูอีกครั้งครับ


นาย ธนา นนทพุทธ

ผมรู้สึกเช่นคุณธนา จริง ๆ ครับ

การได้ใบโพธ์ฺจากต้นโพธิ์ ที่พ่อทรงปลูกไว้ ในครั้งนี้ ผมรู้สึกถึงบุญวาสนาที่ผมมีอยู่จริง ๆ เลยนะตรับ

..

ชาติก่อน..ผมอาจช่วยเหลือป้าคนนี้เอาไว้  มาชาตินี้ ป้าจึงได้ตอบแทนผม (ที่ผมคิดเช่นนี้ ผมก็รู้สึกสุขใจแล้ว)

..

ขอบคุณมากนะครับ


บางครั้งสิ่งเล็กๆ ที่เราทำ สำหรับคนอื่นนั้นมีคุณค่าใหญ่ยิ่งนัก

..

ขอบคุณ คุณตุ๊กน่ารักมากนะครับ


Dr. Pop

ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ ที่เชื่อมโยงภาพ ภาษาและถ้อยคำที่ผมเขียน จูนเข้ากับวงล้อของศาตร์กิจกรรมบำบัดที่อาจารย์เชี่ยวชาญ

...

รู้สึกดีจังเลยครับ

ขอให้อาจารย์มีความสุขในชีวิตเช่นกันนะครับ

ทิมดาบ

ที่คุณทิบดาบประทับใจภาพนี้

ผมรู้นะครับว่า คุณทิบดาบอยากสื่อสิ่งใด

ขอบคุณทิบดาบมากนะครับ

พ.แจ่มจำรัส

ทะเลที่นี่สวยจริง ๆ นะครับ แม้ว่า..จะเป็นช่วงมรสุม

ขอบคุณคุณ พ. นะครับที่ติดตามงานเขียนของผมมาสมำ่เสมอ

ผมต่างหากกลับไม่ค่อยมีเวลา เข้าไปอ่านบันทึกของคุณ พ. ซักเท่าไร

...

เนื่องจากการเป็นชาวสวน และไม่ค่อยสะดวก ที่จะใช้เวลากับ internet  สักเท่าไหร่

..

นอกจากเวลาที่ไปต่างจังหวัด หรือได้ไปเที่ยวอย่างคำ่่ตืนนี้

..

ขอบคุณคุณ พ. มากนะครับ

คุณมะเดื่อ

คุณมะเดื่อรู้สึกเช่นผมเหมือนกันเลยนะครับ

หากแต่ว่าเมื่อได้ผ่าน สิ่งนี้ไปได้แล้ว

..

การได้มองทิวทัศน์ของประจวบ..มุมนี้

งดงามจับใจเลยครับคุณมะเดื่อ

..

ขอบคุณมากนะครับ

ลูกหมูเต้นระบำ

ขอบคุณคุณลูกหมูมากนะครับ ที่ชอบอ่านบันทึกในแบบฉบับของผมแนวนี้

...

อาจไร้สาระบ้างนะครับ

แต่ผมก็ชอบเขียนครับ

..

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

อ่านแล้วมีความสุข

ชอบภาพนี้ของน้องดวงใจมากๆๆ


ขอบใจกับเรื่องที่เล่ากล่าวขาน...ยายธี

ขจิต ฝอยทอง 

บันทึกนี้ผมใช้เวลาในการเขียนนานทีเดียวเลยครับ อาจารย์

..

เหตุเป็นเพราะอยากเล่า ประสบการณ์ที่มาได้รู้จักเขาช่องกระจกแห่งนี้ ครับ

ปกติดวงใจเป็นเด็กขี้อ้อนมาก ติดพ่อ แต่การให้อาหารแก่ลิงครั้งนี้ ดูลูกกล้ามากกว่าพ่อ....

..

ผมรับรู้ว่า....ลูกทำได้ เพราะใจอยากเรียนรู้มากกว่า

ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ

มาเห็นผลของการให้ทาน  เป็นเมตตาะรรมค้ำจุนโลกนะครับ

ที่สิงคโปร์รัฐบาลห้ามการให้อาหารลิง เพราะมันทำให้ลิงพึ่งพาผู้คนมากขึ้น ไม่อยากไปหากินในป่า ออกมาหากินใกล้ชุมชนมากขึ้น เมื่อมีอาหารน้อยลิงก็กร้าวร้าวและทำร้ายผู้คนค่ะ สาเหตุมาจากคนที่ไม่ได้ให้อาหารเพราะความเมตตาจริงๆ เขาเพียงเอาอาหารมาล่อให้ลิงออกมาให้คนดูใกล้ๆ เท่านั้น ตอนนี้ใครโดนจับจะโดนปรับหลายตังส์เลย 

ลิงจึงต้องหัดหากินเองอีกครั้ง โดนรถชนน้อยลง มีปัญหากับคนน้อยลง สงบสุขขึ้นทั้งคนทั้งลิงค่ะ

ขอบคุณเรื่องเล่าที่ประทับใจนะคะ

มีความสุขกับบันทึกนี้จริงๆ ค่ะ มีเรื่ีองเล่ามากมายหลายบริบทค่ะ

เห็นความสวยงามของการมีชีวิตได้ชัดเจนค่ะ

อ่านแล้วอิ่มใจค่ะ

แปลกจังว่า สถานที่ที่น้องแสงไป เป็นที่ ๆ เดียวกันที่พี่เคยไปแล้วประทับใจ ทั้งสถานที่ที่ไปและตราไว้ในใจว่า ไปกับใคร...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท