เมื่อก่อนนี้ครูอ้อยจะไม่ค่อยมีสมาธิในการอ่าน จะอ่านอะไรสักที ต้องเงียบห่างจากผู้คนมากๆ จึงจะอ่านจับใจความได้ดี
และมีความประทับใจในเนื้อเรื่องในการอ่านแต่ละคราว
วันนี้ลูกสาวของครูอ้อยมาเยี่ยม มาตั้งแต่เช้า มาตัดเล็บเท้าให้ กินข้าวกลางวันกัน คุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นครูเหมือนกัน พอลูกกลับบ้านไปแล้ว ครูอ้อยรู้สึกมีความสุขมาก
อ่านหนังสือด้วยความสุข อ่านเรื่องนี้จนร้องไห้
เรื่อง.....หมาขี้เรื้อน เปลี่ยนคนใจดำ
เรื่อง มีอยู่ว่า.. พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับ
ชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อยแต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมาแกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก(ไม่สนโว้ย)
เมื่อราว 15 ปีก่อน
มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไปครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย
เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อย ๆ แต่กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก 'กินไม่ ลงว่ะ'แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า
แต่มันรอดได้ทุกครั้ง มันไปหาของกินบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้
คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป
พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุน ๆ
ไปแกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที
(แกบอกว่าหากตีตรงจุด
แค่ใช้ไม้บรรทัดก็ตาย)แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้นจึงกลับบ้านไปเตรียมของ
(แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้ ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู
(ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย)มันไปจริงครับหายวับไป
พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่แต่ลุงผม
แกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อม บ่น ' ทำไมมันไม่ตายวะ '
พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่าแกตามทันทีพอไปถึงภาพที่เห็น
..............................................
หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง
5 ตัว วัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่
บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก
ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก แม้น้ำนมแห้งกรัง เอาอาหารไปให้ลูกมัน
เรียกลูกๆเพื่อให้นม ให้อาหารเป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดี ที่สุด
มันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง
ขอให้มัน ให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย
ไม่อยากเชื่อนั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย
พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้น เดินเข้าไปดูแม่หมานั่น
ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน
แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ
สายตาอ่อนโยนลง ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้
แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า
' ขอโทษ ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย
เราช่วยกันฝังแม่หมา
แกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ ทั้ง 5 ตัวตั้งแต่นั้นแกกลายเป็นคนใจดีไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก ' มันอาจมี
ลูกรออยู่ก็ใด้ '
เมื่อ 12 สิงหา 2 ปีที่แล้ว
แกเอามะลิร้อยเป็นพวงไปให้แม่ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำ พูดกับแม่ว่า
' แม่ตอนผมอายุ16 แม่สอนผมยังไงนะสอนอีกหนใด้ไหมครับ '
แม่แกน้ำตาคลอพูดไม่ออก
ไม่อยากเชื่อแม่หมาขี้เรื้อนตายไป 1 ตัว กลับทำให้คนใจดำอย่างแกเปลี่ยนไปขนาดนี้.....
รักแม่...หาสิ่งดีๆไปหาและกราบท่านบ้างนะ
รีบแสดงความรักท่าน ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
อย่าไปรักท่านตอนที่ท่านไม่ได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้นะจ้ะ .....รักแม่มากๆนะ
อ่านแล้วคิดว่าทุกคนคงจะรู้สึกคล้ายๆกันแต่ว่า... อย่ากระนั้นเลย เอาเวลามีค่าตรงนี้ ลุกไปทำสิ่งดีๆที่จะมอบให้ใครบางคนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต
ขณะนี้ เรากำลังทำอะไรได้อยู่บ้างนะ รีบทำซะ เก็บความรู้สึกดีๆ เปลี่ยนเป็นพลัง คาดว่าต่อจากนี้ คงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ทีเดียว หนึ่งไปสิบ และขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ
-สวัสดีครับครู..
-อ่านบันทึกนี้แล้วซึ้งใจมากเลยครับ..
-"แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า ' ขอโทษ ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย"
-"ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ สายตาอ่อนโยนลง ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้"
-ขอบคุณบันทึกนี้มาก ๆครับ
สวัสดีค่ะ
เคยอ่านแล้ว อ่านอีกก็น้ำตาคลออีก และไม่ว่าอ่านกี่ครั้ง...ก็คงเป็นแบบนี้
ขอบคุณค่ะ
ึซึ้งมากค่ะ....น้ำตาคลอเช่นกัน
เศร้ามากเลย
เคยอ่านเหมือนกัน ซึ้งมากค่ะ
บางครั้งเจอเหตุการณ์มามากมาย แต่ไม่ช่วยให้คิดได้..
ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะครูอ้อย
อ่านแล้วขนลุก ตื้นตัน ขอบคุณครับ