กู้สองล้านล้าน...สร้างระบบรางให้ต่างชาติขนเงินกลับบ้านสะดวกขึ้น (ตอน ๔)


ถ้านายกปูอยากเป็นวีรสตรี ตายแล้วมีอนุสาวรีย์ก็ไม่ยากเลย เงินสองล้านล้านนี้ซื้อความเป็นวีรสตรีได้เลย


การกู้เงินสองจุดสองล้านล้านบาทนั้น ถ้าใช้อย่างฉลาดชาติคงเจริญ แต่ถ้าไม่ฉลาดชาติฉิบหายแน่นอน  และที่จะเอาไปทำระบบรางนั้นผมว่าฉิบหายมากกว่าเจริญ เนื่องเพราะมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรปานนี้ ค่อยทำไปใช้เวลาสัก ๕๐ ปียังได้


สร้างระบบรางมาสวยหรูเต็มประเทศ แต่ชาติล้มละลายถูกขายทอดตลาด แล้วใครจะไปใช้ระบบรางที่สร้างไว้ล่ะ  มันจะกลายเป็นมหาสาวรีย์ประจานคนสร้างเสียเปล่านะ ...เราเตือนท่านแล้ว

เรื่องคอขาดบาดตายที่ต้องทำด่วนสุดในวันนี้มีสี่เรื่องคือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร  การพัฒนาธุรกิจคนสัญชาติไทย การกระจายความเจริญสู่ชนบท และการลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการเกษตร...ซึ่งทั้งสี่เรื่องนี้ทำดีๆ บูรณาการให้เป็นเรื่องเดียวกันได้อีกด้วย


ปัญหาหนักของชาติไทยตอนนี้คือ เราน่าจะเป็นประเทศอันดับหนึ่งของโลกในการที่รายได้ประชาชาติมีสัดส่วนเป็นของต่างชาติมากที่สุด (ประมาณถึง ๗๐ ปซ.) ซึ่งมันอันตรายมาก แต่ไม่เห็นมีนักเศรษฐศาสตร์คนใดออกโรงมาเตือนรัฐบาลสักคน (ทั้งที่ ดร. เต็มประเทศ)  ปล่อยให้ผมเตือนอยู่คนเดียว เตือนมานานเป็นสิบปีแล้วด้วย  ผ่านบทความกระจอกๆ ที่ไม่เคยได้รับการลงตีพิมพ์ที่ไหนกะใครเขา

ที่สัดส่วนมันเป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลทุกยุคมีนโยบายส่งเสริมให้นายทุนต่างชาติมาลงทุน มีองค์การบ๋อย (boi) คอยปูพรมแดงบริการรับใช้อย่างกะเจ้านาย  แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง ก็เป็นเพราะว่าคนสัญชาติไทยเองมีรายได้น้อยมากอีกด้วย

ถ้ายังอยากเอาใจนายต่างชาติอยู่ มองไม่เห็นอันตรายก็ทำไป ขี้เกียจเตือนแล้ว แต่ยังควรน่าจะเพิ่มรายได้ของคนไทยเราได้อยู่ทำคู่ขนานกันไปก็ยังดี

ที่เห็นชัดคือสินค้าเกษตรสองตัว คือ  ยางพาราและมันสำปะหลัง ที่ขณะนี้ผลผลิตส่วนใหญ่ส่งออกขายตปท.แบบดิบๆ  ด้วยราคาถูกๆ 


ทำไมไม่เอาเงิน ๒.๒ล้านๆนี้มาตั้งโรงงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าสองตัวนี้ ก่อนส่งขายต่างประเทศ

ดูตัวอย่างยางพารา เราส่งออกยางดิบกับผลิตภัณฑ์ยางด้วยราคาประมาณ ๓แสนล้านบาทต่อปี  พอๆ กัน รวมทั้งหมดได้ ๖ แสนล้านบาท ทั้งที่  ๙๐ ปซ. ส่งออกดิบๆ คำนวณกลับ แสดงว่าสินค้าแปรรูปเพิ่มมูลค่าได้ประมาณ ๒๐ เท่า (เช่น ถุงมือ ถุงจู๋ ยางรถยนต์)  ดังนั้นถ้าเราแปรรูปทั้งหมดก่อนส่งออก จะได้ราคา ๖ ล้านๆ บาท มากกว่าเดิม ๕.๔ ล้านบาท

ถ้าเก็บภาษีที่เพิ่มนี้ได้ ๑๕ ปซ. รัฐจะมีรายได้เพิ่มปีละ ๘ แสนล้านบาท ภายใน ๓  ปีก็จะใช้หนี้ ๒ ล้านล้านที่ไปกู้เขามาได้แล้ว


นี่ยังไม่รวมมันสำปะหลัง ปาล์ม และอื่นๆ เช่น มันสปล. เอามาทำพลาสติกชีวภาพ มูลค่าเพิ่ม ๒๐ เท่า แต่นี่รัฐปล่อยให้บริษัทต่างชาติบุกมาสร้างโรงงานยักษ์ผลิตสารตั้งต้นพลาสติกชีวภาพในไทยแล้ว (บ๋อยก็คอยรับใช้ตามเคย)  ปล่อยให้คนไทยขายมันสปล. ให้พวกนี้โลละ ๒ บาท (จนเหมือนเดิม)  ส่วนคนพวกนี้เขาเอาไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้โลละ ๔๐ บาท  ส่วนต่างผลกำไรเขาก็โกยกลับประเทศแม่เขา  ....ส่วนรัฐบาลไทยใจดี ยังลงทุน ๒ ล้านล้าน สร้างระบบรางช่วยพวกเขาขนเงินกลับบ้านอีกต่างหาก!!!


ที่ว่ามานั้นคือส่วนที่จะต้องเพิ่มรายได้  ส่วนการลดรายจ่ายก็ต้องทำ โดยเฉพาะพวกปุ๋ยเคมี และสารเคมีดิบนำเข้า ที่เอามาทำสุกให้เป็นปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งเรื่องนี้คนไทยเราโดนสองเด้งคือ เสียเงินซื้อเขามาปีละหลายแสนล้าน และยังเสียสุขภาพ จนคนไทยตายด้วยมะเร็งสูงมาก และจนสมองเด็กไทยฝ่อ ไอคิวต่ำเลยลิงไปหน่อยเดียวเท่านั้นหมดแล้ว จะไปแข่งกับใครเขาได้

รัฐบาลต้องสกัดปุ๋ยและสารเคมีพวกนี้ให้หนัก แล้วตั้งโรงงานปุ๋ยชีวภาพกระจายทั่วประเทศอย่างเร่งด่วนสิ  ยาชีวภาพด้วย  เศษเงินจาก ๒ ล้านล้านเท่านั้นก็ทำเกษตรชีวภาพได้แล้ว  หรือเอามาทำโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรชีวภาพก็ยังดี

โรงงานต่างๆที่กล่าวมานั้น สามารถทำเป็นโรงงานใหญ่ๆ แต่ที่อยากเสนอคือทำเป็นโรงงานขนาดกลาง ถึงเล็กๆ กระจายไปในท้องถิ่น ท้องถิ่นจะได้พัฒนา คนมีงานทำ ไม่ทิ้งท้องถิ่น ลูกเต้า ไปหากินไกลๆ ซึ่งก่อปัญหาสังคมตามมา


ถ้านายกปูอยากเป็นวีรสตรี ตายแล้วมีอนุสาวรีย์ก็ไม่ยากเลย เงินสองล้านล้านนี้ซื้อความเป็นวีรสตรีได้เลย  ด้วยการทำอย่างที่ผมว่าไปแล้ว อีกทั้งจัดตั้งระบบบริหารโรงงานท้องถิ่นเหล่านี้เสียใหม่ ให้เป็นโรงงานที่คนงานมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วย โดยลงทุนถือหุ้นด้วยแรงงาน ตามสัดส่วนที่ยุติธรรม  ถึงปีมีกำไรก็มีโบนัสให้ตามสัดส่วนแรงงาน (แต่ถ้าขาดทุนก็ต้องโดนตัดเงินด้วยนะ ก็เป็นเจ้าของก็ต้องรับผิดชอบสิ)  .... แบบนี้คนจะรักโรงงาน จะทำงานกันด้วยความรัก ขยันขันแข็ง  พอทำไปนานๆ มีกำไรใช้หนี้เงินกู้ที่มาจากสองล้านๆหมดแล้ว  ก็ยกโรงงานให้ท้องถิ่นไปเลย  แบบนี้น่าจะได้อนุสาวรีย์แน่ๆ

เงินกู้สองล้านล้านคงห้ามไม่ได้แล้ว (ตามหลักเสียงข้างมากปชต.) แต่อยากกราบเท้าท่านนายกปูวิงวอนขอให้วางระบบรางไว้ก่อนได้ไหม  ค่อยๆทำไปสัก ๕๐ ปีก็ยังพอไหว  เอาเงิน (ภาษีของพวกเรา) มาสร้างชาติที่ฐานรากอย่างเร่งด่วนก่อนตามที่เสนอมาในบทความนี้ได้ไหม

...คนถางทาง (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖)


หมายเลขบันทึก: 531304เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2013 17:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2013 17:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เห็นด้วยครับ...ผมว่าคนมีความคิดคล้ายท่านก็มีอยู่มากมาย (รวมถึง สส.ในสภาด้วย เพียงแค่มองไม่เห็นประโยชน์ของตนเท่านั้นเอง .. รึเปล่า?)

ตามอ่านบันทึกไม่ลับ 2 ล้านล้าน คิดแล้วก็กลุ้มเหมือนกันนะเนี่ย..............  

ด้วยความเคารพครับ ผมเห็นว่าที่อาจารย์วิเคราะห์วิจารย์เรื่องสิ่งที่รัฐบาลควรทำด้านการเกษตรนะ ถูกเผงเลยครับด้วยเนื้อหาและตรรกะ

แต่คำวิจารย์เรื่องระบบราง ยังไม่ได้ให้ข้อมูลหรือน้ำหนักที่ถูกต้องควรแก่ค่าของมันเลยครับ เพียงแต่บอกผ่านว่าเอาไว้เป็นระบบขนเงินกลับประเทศ เหมือนจะมีประโยชน์แค่นั้นเอง

ซึ่งแน่นอนอาจารย์ย่อมไม่ได้พูดเพื่อให้อ่านแล้วเอาจริงเอาจังแน่ๆ สำหรับคำวิจารณ์นี้


ขนเงินกลับประเทศ...เสียดสีครับ ไม่ไ้ด้จริงจัง

สิ่งที่ผมว่า คือ ระบบรางมันวางไว้ก่อนได้ เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่สำคัญเร่งด่วนกว่า ดีกว่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท