ผมระลึกชาติเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ ๓ ของ สสส. เมื่อวันที่ ๗ กย. ๔๙ ผมได้ชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานที่ทำงานให้ทุนสนับสนุนจะพบภาวะวิกฤต ที่ความคาดหวังของ "ลูกค้า" หรือ "ภาคี" กับของหน่วยงานไม่ตรงกัน จึงต้องมียุทธวิธีในการจัดการความคาดหวัง
ผมเล่าให้ที่ประชุมฟังว่า ตอนที่ผมทำหน้าที่ ผอ. สกว. วาระที่ ๒ ผมสังเกตเห็นว่ามีปัญหาความคาดหวังของนักวิจัย ไม่ตรงกันกับนโยบายที่ผู้บริหาร สกว. ได้รับมาจากคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการวิจัย ซึ่งถ้าสภาพเช่นนั้นดำรงอยู่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างกันก็จะไม่ดี ผมได้ดำเนินการแก้ปัญหา หรือเราใช้คำใหม่ว่าดำเนินการสร้างความสัมพันธ์กับนักวิจัย หรือภาคี โดยเราจัดการประชุมปรึกษาหารือกับนักวิจัยเป็นกลุ่มๆ ปีละ ๑ - ๒ ครั้ง โดยบอกวัตถุประสงค์ของการประชุมว่า สกว. ต้องการคำแนะนำยุทธศาสตร์ในการทำงาน โดยที่เราได้รับข้อกำหนดทิศทาง (direction) และผลลัพธ์ที่ต้องการจากคณะกรรมการนโยบายฯ ไว้แล้ว
ผมได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อกำหนดทิศทาง (direction) และผลลัพธ์ที่ต้องการ ที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายฯ ไปให้ภาคีที่เราเชิญเข้าร่วมประชุมอ่านล่วงหน้า เพื่อให้เขารู้ว่า สกว. ก็ไม่ได้ทำงานตามอำเภอใจ มีคณะกรรมการนโยบายคอยกำหนดทิศทาง และลำดับความสำคัญ รวมทั้งคอยติดตามตรวจสอบการดำเนินการและผลงานด้วย
ตอนประชุม ผมจะใช้เวลาประมาณ ๓๐ - ๔๕ นาทีนำเสนอสภาพปัจจุบัน (ในขณะนั้น) ว่าที่ผ่านมามีผลงานด้านนั้นๆ อย่างไรบ้าง ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนดทิศทาง และลำดับความสำคัญ อย่างไรบ้าง และแจ้งต่อที่ประชุมว่า การประชุมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อขอคำแนะนำว่าจะสนับสนุนการวิจัยให้บรรลุทิศทาง เป้าหมาย ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด ได้อย่างไร
ผมได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นว่า วิธีการของผมได้ผลสองต่อ คือได้ผลด้านการจัดการความคาดหวังของภาคี และได้ใช้สติปัญญาของภาคีในการวางยุทธศาสตร์การทำงานด้วย
หมออำพล จินดาวัฒนะ ผู้เป็นกรรมการและร่วมประชุมอยู่ด้วย ชมว่า "ลีลาเหลือร้าย" จึงเกิด "พลังบ้ายอ" นำมาโม้ต่อ
วิจารณ์ พานิช
๗ กย. ๔๙
ไม่มีความเห็น