การศึกษานอกโรงเรียน หรือบางครั้งเราก็ใช้คำว่า "การศึกษานอกระบบ"บางแห่งหรื่อบางประเทศก็ใช้คำว่า การศึกษาผู้ใหญ่ (Adult Education ) หรืออาะเป็นเพราะคนส่วนใหญ่เคยชินกับคำว่า ในระบบโรงเรียน คนส่วนใหญ่ก็เลยเรียก การศึกษาที่อยู้นอกรั้วโรงเรียนว่า การศึกษานอกโรงเรียน
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมวด 3 ว่าด้วย ระบบการศึกษา มาตรา 15 ได้อธิบาย "การศึกษานอกระบบ " ว่า เป็นการศึกษามีความที่ยืดหยุ่น ในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล วึ่งเป็นเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื่อหาและหลักสูตร จะต้องมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
วิธีการจัดการศึกษา ใช้ 3 วิธี คือ 1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 2. การเรียนรู้เป็นกลุ่ม 3. การสอนเสริม โดยภารกิจหลักของครู ต้องทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกของกลุ่ม (Group Facilatator ) มีหน้าที่คอยกระตุ้นให้สมาชิกของกลุ่มได้แสดงความคิดเห็น อย่างกว้างขวาง และทั่วถึง เพราะหลักการสอนผู้ใหญ่ (Andragogy) มีความเชื่อว่า การเรียนรู้ของผู้ใหญ่ไม่เหมือนกับเด็ก เพราะผู้ใหญ่มีความแตกต่าง กับเด็กหลายประการ เช่น มโนทัศน์ของผู้เรียน ประสบการณ์ของผู้เรียน ความพร้อมของผู้เรียน ฯลฯ ดังนั้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจะต้องสอดคล้องกับความพร้อมของผู้เรียน เหมาะสมกับธรรมชาติและวิถีชีวิต การจัดกิจกรรมต่าง จึงต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม เช่นการแบ่งกลุ่มกันอภิปราย การระดมพลังสมอง (ในสมัยก่อน 20 ปีที่แล้ว หลายคนมักแอบเรียกพวกเราว่า "ครูแบ่งกลุ่ม " เพราะเวลาจัดการเรียนการสอน การอบรม ก็ต้องมีการแบ่งกลุ่ม มีแผ่นเรียนที่เป็นประเด็นปลายเปิด ให้ผู้เรียนได้ช่วยกันคิด เสมอ )ทั้งนี้ด้วยความเชื่อในศักยภาพของคน เชื่อในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนว่าเท่าเทียมกัน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการจัดการความรู้ (KM ) ที่เชื่อว่า บุคลากรเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดขององค์กร ( People are our most important asset ) โดยเชื่อมั่นว่า บุคลากรเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้องค์กรบรรลุ จุดประสงค์และเป้าหมายได้ ดังนั้นคุณค่าและประโยชน์ของการนำการจัดการความรู้มาใช้นองค์กร เพื่อให้มีกระบวนการขับเคลื่อน และเติบโต (ไม่เป็น ตอไม้ที่ตายแล้ว ) โดยใช้ระบบก่อให้เกิดวงจรของการเรียนรู้ เริ่มจาก ค้นหา สร้าง รวบรวม จัดเก็บ เผยแพร่ ถ่ายทอด แบ่งปัน เพื่อนำไปสู่การทำงาน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การฝึกอบรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน การจัดกิจกรรมเหล่านี้จะไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของการปฏิรูปการศึกษาเลย ถ้าตราบใดที่คนในองค์กร อันประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา คนงาน ภารโรง และเจ้าหน้าที่ทุกคน ยังคงมองว่า Km เป็นการเพิ่ม ภาระงาน ไม่สามารถบูณาการให้ Km เข้าไปอยู่ในวิถีงานปกติได้ .. การปฏิรูปการศึกษา ที่เราหวังจะปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ก็คงเป็นแค่นามธรรม เป็นคำพูดที่สวยหรูอยู่ใน พรบ. ฉบับใหม่
ดังนั้น การการนำ KM มาใช้ให้ประสบผลดังที่หวังนั้น อับดับแรก ต้องเริ่มต้นจากการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่ง Bob Buckman (อ้างอิงจาก วารสารสถาบันพัฒนาผูบริหาร : 13 ) ประธานบริษัท Buckman Laboratories ซึ่งได้รับรางวัล ของประเทศอังกฤษ (The Most Admird Knowledge Enterprises ) โดยเขาได้เป็นผู้ตอบคำถามที่ ว่า
คำถาม :What are the three critical factors in Knowledge Management ?
คำตอบ : Culture Culture Culture
คำสำคัญ (Tags)#เวทีแลกเปลี่ยน
หมายเลขบันทึก: 5270, เขียน: 12 Oct 2005 @ 03:30 (), แก้ไข: 18 Jun 2012 @ 14:18 (), สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ, ความเห็น: 3, อ่าน: คลิก