เมื่อหลายปีก่อน ระหว่างเดินทางไป แสงอาทิตย์ยามเช้า ปลุกให้ตื่นบนรถ สีสันยามนี้สวยเป็นพิเศษอยู่แล้ว ภาพนอกหน้าต่างที่ค่อยเลื่อนขณะรถแล่นผ่าน สร้างความประทับใจให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า ป่า และภูเขา ทั้งสองข้างทาง
เมืองน่านที่คนโจษจันถึงวัฒนธรรมและวัดวาอารามต่างๆ จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดภูมินทร์ ทิวทัศน์เบื้องหน้าพระพุทธรูปที่วัดพระธาตุเขาน้อยในภาพ ฯลฯ ดึงดูดความสนใจผมยิ่งขึ้นอีก ครั้งแรกนั้น แค่ไปทำธุระที่อำเภอเวียงสาแล้วก็กลับ ความเสียดาย ความระลึกถึงยังคุกรุ่นเสมอ วันนี้มีโอกาส จึงหวนสู่เมืองน่านอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องของหัวใจ
ผมและภรรยาออกเดินทางตั้งแต่เช้า เส้นทางช่วงแรกพิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่ เราคุ้นเคยดี แต่จากแพร่ไปน่านเป็นความแปลกใหม่ เพราะเคยไปอยู่หนก็นานเต็มทีแล้ว ภูมิประเทศทั้งสองข้างเป็นป่าไม้และภูเขา แต่ก็ไม่วกวนและสูงชันนัก การขับขี่จึงไม่ถึงกับต้องระแวดระวังจนเกินไป
ถึงเวียงสาแวะเข้าไปยังตัวอำเภอ วันนั้นกลางลำน้ำน่าน มีงานประเพณีแข่งเรือออกพรรษา เสียงประกาศจากโฆษกดังโหวกเหวก แม่ค้าแม่ขาย กองเชียร์เรียงรายสองฟากฝั่ง ผู้คนหนาแน่นมากบนสะพานข้าม สร้างบรรยากาศคึกคักสนุกสนานได้ไม่น้อย แต่ผมก็ทำได้เพียงขับรถแล่นผ่าน
วัดบุญยืนที่เวียงสา เป็นวัดแรกที่ได้สัมผัสเมืองน่านครั้งนี้ ที่มาของชื่อวัดชาวบ้านเรียกตามพุทธลักษณะพระประธานในพระวิหาร ซึ่งแปลกกว่าทั่วๆไป เพราะเป็นพระพุทธรูปปางประทับยืน และระหว่างก้มๆเงยๆชื่นชมประตูวิหารไม้สักแกะสลัก เป็นภาพพระอินทร์ พระพรหม และเทวดาอันงดงามอยู่นั้น ชาวเวียงสาคนหนึ่งเข้ามาย้ำถึงความเก่าแก่ พร้อมเน้นความศรัทธาของตัวเองว่า ประตูวิหารแห่งนี้สวยกว่าที่วัดภูมินทร์อันเลื่องชื่อเสียอีก
ขับรถต่อไปอีกไม่นาน ก็เข้าสู่เมืองน่าน สังเกตเห็นถึงความสงบเงียบ รถราไม่พลุกพล่านเหมือนในเมืองใหญ่ ระหว่างนั้นซ้ายมือมีป้ายบอกไปวัดพระธาตุเขาน้อย ผมเปิดไฟเลี้ยว ชะลอรถ หักพวงมาลัยเข้าไปตามทางซึ่งแคบลง ความรู้สึกแรกเหมือนวัดทางเหนือธรรมดา แต่องค์พระธาตุสีขาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้งกลางบริเวณวัด เด่นสะดุดตามาก
เนื่องจากวัดพระธาตุเขาน้อยตั้งอยู่บนดอยสูง พื้นที่ทางเดินจึงมีความลาดชัน สูงๆต่ำๆ ขณะเดินรอบ เหลือบเห็นพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ ซึ่งคุ้นและเคยตื่นตาตื่นใจมาแล้วจากภาพถ่ายของคนอื่น รวมทั้งเป็นจุดประสงค์สำคัญหนึ่งในการเดินทางครั้งนี้ด้วย องค์พระตั้งตระหง่านบนหน้าผา หันพระพักตร์ไปทางตัวเมืองน่าน ด้านหน้าจึงเป็นที่ราบโล่งสุดลูกหูลูกตา ประดับประดาแต่งแต้มด้วยบ้านเรือนเล็กๆอยู่ลิบๆ ชวนให้หลงใหล ผมเดินวน ซอกแซก เก็บภาพที่นี่อยู่นาน
ย้อนทางเดิมที่เข้ามา เลี้ยวซ้ายออกสู่ถนนใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก ชั่วครู่ก็ถึงสี่แยกกลางเมือง ผมนำรถเข้าจอดชิดทางเท้าหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งฝั่งตรงข้ามถนนเป็นวัดภูมินทร์ แล้วเดินดิ่งหลบแดดเข้าไปในบริเวณวัด อาคารแปลกตาทรงจัตุรมุข ซึ่งเป็นทั้งพระอุโบสถและวิหารโดดเด่นอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว ทิศทางแสงสวนมุมภาพโดยรวมที่ต้องการพอดี ทำให้ภาพที่ได้สลัว ไม่คมชัด ขณะนั้นในใจนึกแล้ว คงต้องมาถ่ายมุมนี้ซ้ำอีก รอเวลาและทิศทางแสงเปลี่ยนก่อน
เมื่อเช้าแปลกกับองค์พระประธานในอุโบสถวัดบุญยืน ซึ่งประทับยืนมาครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับองค์พระประธานในอุโบสถวัดภูมินทร์แห่งนี้แปลกไม่น้อยไปกว่า เพราะประกอบด้วยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ถึง 4 องค์เลยทีเดียว ทั้งหมดหันพระพักตร์ออกทางด้านประตูทั้งสี่ทิศ ซึ่งเป็นจัตุรมุขตามที่ได้กล่าว
นอกจากนั้นภายในพระอุโบสถถูกวาด ระบาย แต้มแต่งอย่างวิจิตรตระการตา จากภาพจิตรกรรมฝาผนังอันลือเลื่อง ภาพหนึ่งคุ้นชินตา ขนาดใกล้เคียงคนจริง เป็นภาพชายหนุ่มกับหญิงสาว ในชุดแต่งกายแบบพม่าหรือไทยใหญ่ ทั้งคู่ทำท่าเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม โดยฝ่ายชายป้องปากกระซิบข้างหูฝ่ายหญิง ด้วยอาการของความรัก ความมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมไม่ขาดสาย หลายคนจึงเปรียบเปรยกระซิบนี้ ว่าดังไปไกลทั่วโลกแล้ว
บริเวณที่นี่สี่แยกกลางเมือง นอกจากเป็นที่ตั้งวัดภูมินทร์ ทัศนียภาพโดยรอบสร้างความรู้สึกให้ตัวเอง ว่านอกจากเมืองน่านจะสงบเงียบ น่าอยู่ เมืองน่านยังอบอวลไปด้วยวัฒนธรรม เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ มีช้างล้อมรอบ ศิลปะสมัยสุโขทัย ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารหลวงของวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ก็ดูโดดเด่น งดงามยิ่ง
หลังจัดแจงโรงแรมที่พักเสร็จสรรพ ช่วงเย็นเมื่อสีสันแดดเริ่มสวย อย่างที่ได้ตั้งใจไว้ ผมออกมาเก็บภาพบริเวณหน้าอุโบสถวัดภูมินทร์อีกครั้ง จากนั้นก็ขับรถอ้อยอิ่งชมเมือง น่านไม่เจริญมาก ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องเร่งรีบ ผู้คนดูอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แถมข่าวในหน้าสื่อมวลชนหลายๆคราว บอกเป็นนัยถึงความเข้มแข็งของชุมชนที่นี่ คงเพราะบรรยากาศเมือง สภาพแวดล้อม จำนวนวัดซึ่งมาก วิถีชาวพุทธ และอากาศที่ไม่ร้อนรุ่มเหมือนบ้านเรา
วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมา รีบเตรียมตัวเองและกล้อง เพื่อให้ทันแสงสวยยามเช้า ผมตั้งใจไปเก็บภาพวัดพระธาตุแช่แห้ง อีกวัดคู่บ้านคู่เมืองที่หลายคนรู้จัก เสียดายวันนั้นมีเต็นท์หลายหลังที่วัดคงใช้จัดงานออกพรรษาตั้งอยู่ มุมจะถ่ายมีไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับเสียเที่ยว ด้วยความงดงามขององค์พระธาตุเป็นทุน
ดูนาฬิกาที่ข้อมือ ยังมีเวลาเหลือ รีบบึ่งรถจากวัดพระธาตุแช่แห้งกลับเข้ามาในเมือง ที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ขณะขับรถผ่านคือวัดมิ่งเมือง วัดซึ่งเป็นที่ตั้งเสาหลักเมืองของจังหวัดน่านด้วย วิหารวัดแห่งนี้ทั้งหลังประดับ ตกแต่ง ด้วยลวดลายศิลปะปูนปั้นของช่างปูนสมัยใหม่หรือสมัยปัจจุบันอย่างวิจิตรบรรจง ผมใช้โอกาสสุดท้าย เร่งเก็บภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะลาเมืองน่านกลับ
เหนื่อยเหมือนกันกับ 2 วันเต็มๆ แต่เพลินจนลืม ไม่ได้หยุดเลย ตั้งแต่ไปถึง ตะลอนเก็บภาพตลอด จนมืดค่ำหมดแสงที่จะถ่ายแล้วนั่นแหละ จึงค่อยหาข้าวรับประทาน เข้านอน ตื่นแต่เช้า แล้วก็เริ่มอีก จนเวลาล่วงกว่าครึ่งวัน จึงได้ขับรถกลับ จะว่าไปนึกสงสัยตัวเอง นี่เราตั้งใจไปเที่ยวหรือไปทำงานกันแน่ ตั้งใจไปเที่ยวแต่ทำไม่หยุด ยิ่งกว่าทำงาน
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ห้วงเวลาหรืออารมณ์อย่างนี้ เรียกความลื่นไหล ความลื่นไหลทำให้เกิดความสุข ไปน่านครั้งนี้รู้สึกอิ่มเอมครับ แม้จะเหนื่อยอยู่บ้าง พร้อมนึกสอนเตือนตัวเอง
เที่ยวจนเพลินเหมือนทำงานได้แล้ว ทำงานก็ต้องให้เพลินเหมือนเที่ยวได้ด้วย
น่านน่ะสิ! (ฮา)
คนน่านขอขอบคุณอาจารย์ธนิตย์ที่แนะนำวัดที่สำคัญคู่บ้านเมืองน่านค่ะ " น่านน่ะ่สิ" เพราะเป็นเมืองนาน กว่าจะเป็นน่านก็ต้องรอคอย " ไม้เอกจากเมืองงาว" อิอิ เขาว่ามาค่ะ สุดยอดภาพถ่ายค่ะ เพิ่งเห็นว่าสวยงามมองจากบนดอยออกไปทางเมืองที่วัดเขาน้อย สวยงามจริงๆ นานมากที่ไม่ได้ไปเยือน ...อยากกลับบ้านค่ะ
ริมน้ำน่านบ้านนอกค่ะ
เมืองน่าน เงียบสงบ น่าอยู่ค่ะ
โหย....สวยมาก ๆ ค่ะ ชัดแจ๋ว ขอบคุณค่ะ
ถ่ายรูปได้สวยมากเลยครับ ทึ่งในฝีมือ
ชอบภาพกระซิบครับ...
ภาพงามทุกภาพ..น่าไปเที่ยวชมอย่างยิ่งค่ะ...ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกัน
...P'Ple... เข้ามาขอบพระคุณท่านอาจารย์ .... ที่พาทัวร์เมืองน่าน ....ที่อบอวลไปด้วย... ศิลปะ ..วัฒนธรรม ....วัด....เจดีย์....ที่เป็น ศิลปะสมัยสุโขทัย ...อันมากด้วยคุณค่า.... สวยงามเหลือเกินนะคะ .... เมืองไทยเรามีสิ่งดีดีล้ำค่านี้อยู่มากเลยนะคะ..... อ่านแล้ว... เสมือนได้ไปทัวร์ด้วย นะคะ .... ท่านอาจารย์... ถ่ายรูปได้ "เยี่ยมจริงๆ" นะคะ" ..... ขอบคุณและขอชื่นชนมากๆค่ะ .... โดยเฉพาะภพานี้ค่ะ
ว้าวว ฮูปถ่ายงามแต้งามว่า งามปะล้ำปะเหลือเจ้า ...... ^ _______ ^
ภาพถ่ายคมมากครับ อาจารย์ ;)...
สวัสดีค่ะอาจารย์
ชอบบันทึกนี้ค่ะ เพราะชื่อบันทึกของอาจารย์ดันไปพ้องกับชื่อเพลง "น่านน่ะสิ" ของพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ศิลปินคนโปรดของหนูค่ะ
ฟังเพลงนี้กี่ทีไม่เคยเบื่อเลยสักที น่าน....ทำให้ไปแล้วก็อยากไปอีกเช่นกัน เงียบ สงบ ดีนะคะ
มาฝากเพลงให้ฟังกันค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=Kf7EIXuy0L0