ผลกระทบจากการที่เมียนมาร์หยุดจ่ายก๊าซหรือพลังงานเชื้อเพลิงให้แก่ประเทศไทยเพียงไม่กี่วันก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความโกลาหลวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเท่าที่ได้รับข้อมูลจากสื่อหลากหลายแขนง ทั้งตลาดหุ้นหรือ ตลาดหลักทรัพย์และอีกหลายหน่วยงานที่ต่างออกมาชี้แจงแถลงไขว่าสามารถที่จะมีพลังงานไฟฟ้าสำรองใช้ได้นานเป็นสัปดาห์ ไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการดำเนินงานในแต่ละองค์จนทำให้ภาคประชาชนเดือดร้อน จึงไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินเหตุ
ในส่วนของเกษตรกรนั้นถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกับคำว่าตลาดหุ้น, ตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทย
แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีอำนาจและอิทธิพลของพลังงานไปได้
โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานที่ใช้กับเครื่องยนต์เครื่องจักทั้งรถแทรกเตอร์, รถดำนา, รถเกี่ยวข้าว, เครื่องวิดน้ำ, รถบรรทุกผลิตผล, เครื่องพ่นยา และยานพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวันล้วนแต่ต้องพึ่งพิงอิงอาศัยพลังงานแทบทั้งสิ้น
แถมยังเป็นส่วนของต้นทุนที่ทำให้ผลกำไรของพี่น้องเกษตรกรลดน้อยถอยลงทุกวัน
การหันมาทบทวนเอาใจใส่ในการปลูกพืชพลังงานอย่างสบู่ดำ, ปาล์มน้ำมัน, อ้อย, ละหุ่ง, มะพร้าว ฯลฯ โดยไม่ต้องเน้นปลูกพื้นที่มากและขาย
ให้ปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนาหรือแบ่งพื้นที่ไว้ให้เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้พลังงานในการผลิตพืชผลทางการเกษตร
เมื่อพืชพลังงานพวกนี้ให้ผลผลิตก็นำมาหีบ บีบ คั้น
เก็บเล็กผสมน้อยแบบอุตสาหกรรมครัวเรือนเก็บไว้ใช้ยามที่ราคาน้ำมันและไฟฟ้าแพง ไม่ต้องรอคอยยืมจมูกคนอื่นหายใจแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนที่รัฐบาลไทยรอจากฝั่งเมียนมาร์
เพราะเพียงแค่เขาเป็นหวัดเราก็แทบจะตายกันเลยทีเดียว
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
สภาเกษตรกรลงนามทำMOU เพื่อสนับสนุนการปลูกปลามน้ำมัน ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เรื่องปลามน้ำมันพอมีข้อมูลมั้ยครับอาจารย์