ปัญหาเรื่องค่าแรง ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทำให้กิจการต่างๆล้มหายตายจากจนต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่อาชีพใหม่ช่วยให้สามารถดำรงคงอยู่ได้ไม่เดือดร้อนจนเกินไป ถ้ามองในมุมมองของภาคแรงงานก็ถือว่าช่วยให้สามารถลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้มากจากเดิมเลยทีเดียว ถ้าภาครัฐไม่ปล่อยให้สินค้าค่าครองชีพมีราคาสูงขึ้นเกินความจำเป็นโดยขาดเหตุผลรองรับที่ชัดเจนก็จะทำให้ค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นมานั้นไร้คุณค่าเพราะค่าแรงเพิ่ม ค่าสินค้าก็เพิ่มตามมาด้วย
ในภาคการเกษตรราคาของข้าวก็ได้รับการดูแลจากภาครัฐโดยยอมรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดอยู่ที่ราคา
15,000 บาทต่อตันหรือเกวียน
ส่งผลทำให้ชาวไร่ชาวนาแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินของตนเองที่แบกรับจนหลังแอ่นมาหลายสิบปี
แต่ถ้าภาครัฐยังขืนปล่อยให้ปุ๋ยยามีราคาแพงตามขึ้นมาด้วยจนขาดความแตกต่างที่ชัดเจนก็จะทำให้โครงการนี้ไม่มีคุณค่าเพราะผลกำไรที่ชาวไร่ชาวนาจะได้จะตกไปอยู่ที่พ่อค้าปุ๋ยยาเสียหมด
ไม่เหลือส่วนต่างไว้จับจ่ายใช้สอยและเก็บออมสร้างฐานะได้
ทำได้แค่เพียงใช้ไปกินไปไม่สามารถสร้างฐานะให้ทัดเทียมกับอาชีพอื่นๆได้
ในระหว่างที่รอรัฐบาลทำการช่วยเหลือปรับปรุงแก้ไขให้ระบบต่างๆเข้าที่เข้าทาง เกษตรกรอาจจะต้องช่วยเหลือตัวเองเสียก่อนโดยยึดหลักพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ด้วยการทำปุ๋ยที่มีราคาแพงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ด้วยการนำมาทำให้กลายเป็นปุ๋ยละลายช้า โดยใช้ปุ๋ยเคมีห้าส่วนคลุกผสมกับ พูมิช (หินแร่ภูเขาไฟ) หนึ่งส่วน (หรือใช้ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ ต่อ พูมิช 1 กระสอบ) นำปุ๋ยมาพรมน้ำพอชื้นแล้วนำพูมิชใส่คลุกผสมตามลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำไปเก็บใส่กระสอบเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นปี เหมือนกับปุ๋ยที่จำหน่ายอยู่ทั่วไป
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
พื้นที่นาถูกรุกไปทำนาปลาม ความมั่นคงทางด้านอาหารพัทลุง น่าเป็นห่วง
อาชีพที่เลี้ยงคนได้ทั้งโลกกลับไม่มีใครให้ความสำคัญ