เดินหลงป่า


จำความได้ว่า เมื่อสมัยที่อยู่มัธยมศึกษาที่ 2 ได้เดินทางกลับบ้านหลังจากที่เรียนเสร็จ โดยพาเพื่อนมาด้วย สองคน หลังจากนั้นเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า อยากกลับบ้าน ไปทางลัดกันไหม ประมาณ 15 กิโลเมตรเอง วันนั้นก็คุยกันเสร็จ แล้วตัดสินใจว่า พรุ่งนี้ ตัดสินใจออกเดินทาง คืนนั้นเพื่อนๆต่างก็นอนพักที่บ้านกัน ตื่นขึ้นมาก็ทานอาหารที่แม่ได้ทำกับข้าวไว้ให้ หลังทานข้าวเสร็จก็ตัดสินใจเดินทางกัน โดยมีข้าวที่แม่ห่อให้กับปลากระป่อง ติดตัวกันไป

 ด้วยความเป็นเด็กเลยตัดสินใจเดินขึ้นดอย ทางเดินขึ้นดอยประมาณ 8 กิโลเมตร เดินไป ลุยเข้าป่าไป ช่วงที่เดินก็ได้เห็นวัดเก่าบ้าง หมูป่าบ้าง เลยพักทานข้าวกัน หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปจนเกือบถึงยอดเขาลูกนั้น มีนามว่า ดอยแม่จอก

นับว่าเป็นความโชคดีมากๆที่เดินขึ้นถึงยอดดอย หลังจากนี้จะได้เดินลงดอยเสียที แต่ปรากฎว่า หาที่ไปบ้านไม่เจอ เราก็นึกว่าเราเก่ง เลยแบ่ง โอวาแปะ กันว่า ถ้าใครชนะ ได้ไปทางนั้น ถ้าทั้งๆที่รู้ว่า สองทางที่เพื่อนเลือกนั้นไม่ใช่

ปรากฎว่าข้าพเจ้าชนะ ข้าพเจ้ายังบอกว่าที่ข้าพเจ้าจะไปนั้นไม่ใช่หรอก เลยลองตัดสินใจเดินลงไปตามทางที่เพื่อนข้าพเจ้าอีกคนจะเดินไป ปรากฎว่าทางปิด ไม่สามารถไปได้ ทั้งๆปกติก็ไปได้ เลยคิดว่าเมื่อไปไม่ได้ ลองเดินลงไปอีกทางสิ ซึ่งไปทางที่ฝังศพคุณทวดข้าพเจ้า เดินจนเหนื่อย บอกเพื่อนว่า นี่ไม่ใช่หรอก 

เลยกลับมาที่เดิน ที่เดิมนั้น มีศาลผีปู่ย่า พี่น้องเผ่าม้ง ข้าพเจ้าลงบอกว่าให้ไปทางนี้ล่ะ ถูกต้องแล้ว ปรากฎว่า ข้าพเจ้าเดินไปได้ 3 ก้าว เอง ถึงกับเดินต่อไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย เลยคลานกับดินเพื่อที่จะเดินต่อไป แต่เดินไม่ไหวจริงๆ เลยมองขึ้นไปมองต้นไม้ ปรากฎว่า เห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมาก มาแบบจะมาเอาชีวิตเลย เพื่อนๆสองคน เรียกให้ข้าพเจ้าตื่นๆๆลากข้าพเจ้าขึ้นไปจนถึงสันเขา อาการก็ไม่ดีขึ้น โชคดีที่มีไม่ขีดไฟมาด้วย จึงตัดสินใจเอาไม้ขีดไฟ จุดขึ้นมาแล้ว เผ่าขนหน้าแข้งทันที เพื่อให้รู้สึกเจ็บ ปรากฎว่า สักพักทุกอย่างก็หาย

เมื่อมองลงไปก็เห็นหมู่บ้านของเพื่อน อยู่ใกล้ๆนี่เอง ดีใจกันใหญ่เลย เลยคิดว่าวิธีว่าจะลงไปทางไหนดี

เพื่อนๆต่างคนก็บอกว่า ขึ้นไปสันเขาโน้น ค่อยลงไปอีกสันเขาหนึ่ง เป็นลุกๆไป เดี๋ยวก็ถึง ปรากฎก็เดินไปตามนั้น แล้วเริ่มเดินลงไป เดินลงไปทีไรก็เจอแต่น้ำห้วย ขึ้นอีกเขาหนึ่งเดินลงไปก็เจอห้วยอีก อย่างไม่น่าเชื่อ ที่นั่นเป็นป่าดงดิบหมดเลย

สุดท้ายไปไปเจอถ้ำงูเหลือมอันขึ้นชื่อ เดินไปเจอหมูป่า ผลไม้ที่หมูป่ากันกัน ที่สำคัญที่ๆน่า ว่าตำนานว่า ปีศาจขาเดียวกินคน เส้นทางเดินปกติก็จะเดินไปถึงบ้านเพื่อนเขาเลยนะครับ แต่ปรากฎว่าเดินไปเดินทาง เส้นทางหายไปเลย เดี๋ยวก็เจอเส้นทางใหม่ เป็นแบบนี้นานมาก แบบไม่น่าเชื่อเลย

ในขนาดที่เดินฝนก็โปรยลงมาอย่างหนักเลย ข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็เดินกันต่อไป จนไปถึงที่ฝังศพช้าง เป็นที่เล่าลือกันว่า น่ากลัวไม่เบา เมื่อเดินมาถึง ก็เดินผ่านไป เพื่อนอีกคนหนึ่งรู้สึกหิว ก็เลยแกะปลากระป๋องออกมาทาน ปรากฎว่า อยู่ๆเพื่อนก็พองขึ้นมาคนเดียว โดยไม่รู้ว่ามาจากอะไร เลยงงกันอยู่ไม่เบาเลย หลังจากนั้นเดินลัดลงดอยก็ไปถึงบ้านเพื่อนคนนั้นอีกที

เมื่อเดินไปถึงบ้านก็เล่าเรื่องให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านก็บอกว่า เจอผีเจ้าป่าเล่น ปกติถ้าเจอแบบนั้น ให้ตะโกนออกไปว่า พ่อแม่ช่วยด้วย แล้วมันก็จะทำอะไรเราไม่ได้ แล้วตลอดทางเดินทที่เราต่างเดินลงมากัน ก็มีอะไรลึกลับให้ได้ฟังกันเยอะเลย 

หมู่บ้านที่จะไปนั้นเมื่อก่อน ชาวบ้านมักเห็นพระและแสงสว่าง ผ้าเหลือง ออกมาในวันเดือนเพ็ญ คนที่เห็นส่วนใหญ่ กลับมาแล้วก็ตายกันหมดเลย ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโบสถ์คริสต์คาทอลิก รอบๆก็มีแต่ วัตถุโบราณ อันได้แก่เจดีย์สถานต่างๆ 

บางทีเรื่องบางอย่างก็มีตำนานนะครับ เก็บเรื่องราวของสามเณรน้อยสามรูปมาฝากเท่านี้ก่อนนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #ป่า
หมายเลขบันทึก: 519899เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2013 09:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2013 09:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

นมัสการพระคุณเจ้า เล่าได้น่าสนใจมาก ตอนนี้ป่าหายไปเกือบหมดแล้วนะครับ

ใช่ครับ กลายเป็นดอยที่ไร้ซึ่งต้นไม้ไปแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท