เช้าวันนี้นักเรียนชั้น ๓ ออกเดินทางไปสัมผัสชีวิตจิตใจของกวีพื้นบ้าน อ.ศิวกานท์ ปทุมสูติ หรือ ครูกานท์ ที่ทุ่งสักอาศรม ต.จรเข้สามพัน
อ.อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี เป็นเวลา ๒ วัน ๑ คืน และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน คุณครูตั๊ก – รัตดารา มกรมณี ก็พิมพ์ต้นฉบับมาลงจดหมายข่าวทันทีด้วยความประทับใจในบรรยากาศการเรียนรู้ด้วยกระบวนการซึมซับจากความงามของคำ การไปภาคสนามครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางไปฝึกตนของทั้งครูและเด็ก
:::เพลงอาศรมร่มรัก:::
คำร้อง-ทำนอง : ศิวกานท์ ปทุมสูติ
เรียบเรียงเสียงประสาน-ขับร้อง : ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
ใบสักกวักมือเรียกฉันและเธอเข้ามา มาสู่ชายคาอาศรมร่มเงามิ่งไม้
ดั่งนกน้อยน้อยบินคล้อยมาตามฝันใฝ่ ดวงใจงดงามนำฝ่าฟัน
ประดู่สะเดาแดดลมและทิวทุ่งทอง โอบกอดตระกองประคองฟักฟูมอุ้มฝัน
ปลุกรักให้รู้ดูแลรักข้ามคืนวัน ผูกพันฉันเธอเป็นหนึ่งเดียว
เมฆขาว...ดาวใส...อยู่ในท้องฟ้า ดวงชีวาของเราไม่เปล่าเปลี่ยว
ใบไผ่...สายธาร...ทอรักและถักเกลียว รุ้งเรียวอรุณทิวาจะมาเยือน
ใบสักเริงรำระบำฤดูแผ่นดิน คืนถิ่นไร่นาศรัทธานี้ใครจะเหมือน
สู้ฝนสู้ฟ้าน้ำตามาตกเตือน ปีเดือนของเรายังก้าวเดิน
......................................
.
เสียงเพลงจากครูกานท์ และครูก้อย ดังกังวาน เป็นการกล่าวต้อนรับและทักทายเด็กๆ ทันทีที่เด็กๆ เพลินพัฒนาก้าวสู่บริเวณทุ่งสักอาศรม
ครูกานท์แนะนำวิถีปฏิบัติของที่นี่ต่อสมาชิกใหม่ทุกคนว่า เราต้อง ถือศีล ๓ ข้อ คือ ซื่อสัตย์ เราจะต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และต่อสถานที่ ต่อทุกสิ่งและต่อโลก สงบ เราจะนิ่ง สงบ อยู่กับเรา อยู่กับเพื่อน อยู่กับพื้นที่ ปิดเครื่องมือสื่อสาร และ งอกงาม คือ มีจิตใจงอกงาม รู้สึกดี ทำสิ่งที่ดีต่อชีวิต
จากนั้นครูกานท์จึงพาเด็ก ๆ เข้าสู่กิจกรรมแรก : ชวนคิด โดยการตอบคำถามง่าย ๆ เกี่ยวกับ “ใบไม้แห้ง ๑ใบ” คำตอบของหลายคนตอบออกมาชวนให้ชื่นใจนักว่าพวกเขาช่างคิด และคิดลึกซึ้งเป็น
“ก่อนจะมาเป็นใบไม้แห้ง เคยเป็นอะไรมาก่อน” “ถ้าไม่มีคนปลูก ไม่มีการดูแล เอาใจใส่ ต้นไม้ก็ไม่เติบโต ไม่มีใบไม้ที่เหี่ยวแห้งตกลงมาจากกิ่ง แล้วก็ถูกลมพัดปลิวลงสู่พื้นดินให้ครูกานท์เดินไปหยิบมา” ...ลึกซึ้งทีเดียวเชียว
ก่อนพักทานของว่าง ได้ยินเสียงเด็กๆ เปรยออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “ครูกานท์ สนุกจัง” จากที่ครูตั๊กแอบกังวลลึกๆ ว่าการออกภาคสนามเชิงวิชาการ กับการอ่าน คิด เขียน เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ เป็นครั้งแรก เด็กๆ จะชอบหรือไม่ จะเบื่อหรือเปล่า ได้ยินแบบนี้ครูตั๊กเองก็คลายความกังวลไปมากทีเดียว
ระหว่ารอของว่าง โอวัลตินร้อนๆหอมกรุ่น และตะโก้เผือกชิ้นโต (โตมาก) ครูกานท์ เล่านิทานเรื่อง “เม็ดฝนของเด็กชายปลายดินสอ” ภาพผู้ชายแก่ ๆ ไว้หนวด ดูแล้วน่าเกรงขาม กลับกลายเป็นคุณลุงแก่ ๆ ใจดี ยิ้มแย้ม ส่งเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างมีจังหวะจะโคน เล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง เด็กๆ ก็นั่งฟังกันตาแป๋ว สะกดให้เด็กๆ อยู่กับคนเล่า จดจ่อไปกับเนื้อเรื่อง มากกว่าภาพวาดในหนังสือนิทานซะอีก...อารมณ์ ความรู้สึกครูตั๊กตอนนี้ คือ ยิ้มๆ ...สงบ...สุขใจจัง
หลังกลับจากรับประทานอาหารว่างมื้ออร่อย ครูกานท์พาเด็ก ๆ เขียนบันทึกความรู้ ด้วยคำถามง่ายๆ “ไหนลองเขียนซิว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาในทุ่งสักอาศรม พวกเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง” ...เพียงเท่านี้ เด็กๆ ก็ก้มหน้าก้มตาเขียนกันใหญ่...เอ...ทำไมตอนครูตั๊กให้เขียนบันทึก..ไม่เห็นภาพนี้เลยน้าาาา....เห็นทีต้องปรับกระบวนท่าการสอนของตัวเองขนานใหญ่แล้ว
จากนั้นครูกานท์ก็ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนกันอ่าน แล้วเลือกผลงานของเพื่อนๆ ให้ครูประจำกลุ่มออกมาอ่านให้ทุกๆ คนได้ฟัง เพื่อเป็นตัวอย่างการอ่านที่ถูกวิธี....ซึ่งเด็กๆ ของเราเขียนออกมาได้น่ารักมากๆ แถมครูกานท์ยังอ่านบันทึกที่ครูกานท์เขียนถึงพวกเราด้วย...เล่นเอาคุณครูทุกคนยิ้มแก้มปริเลย...
กิจกรรมต่อไป ครูกานท์เริ่มชวนเด็กคิดอย่างลึกซึ้งมากขึ้น โดยการปล่อยก้อนหินหนึ่งก้อนจากมือด้านบน ลงสู่มือที่รองรับอยู่ด้านล่าง พร้อมถามว่า “เธอเห็นอะไรในสิ่งที่ไม่เห็น” คราวนี้จากห้องเรียนภาษาไทยกลายมาเป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ไปทันที “เห็นพลังงานศักย์แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานกล จลน์ครับ” “เห็นแรงโน้มถ่วงของโลก” “เห็นเชื้อโรค” “เห็นซากพืชซากสัตว์ แร่งธาตุในดินที่ทับถมมาเป็นก้อนหิน” ฯลฯ
แล้วก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน ด้วยเมนู ข้าวสวย ต้มข่าซี่โครงหมู ไข่ต้ม ไข่เจียว น้ำพริกอ่อง และผลไม้คือมะม่วงสุกหวานเจี๊ยบ....เด็กๆ ทานกันอิ่มแปร้
ก่อนเริ่มกิจกรรมในภาคบ่าย ครูกานท์ให้เด็กๆ ผ่อนพักตระหนักรู้ โดยการร้องเพลงกล่อมเด็กเพลงเจ้าขุนทอง พร้อมบอกที่มาของบทเพลงนี้ด้วย...ครูตั๊กเองก็เพิ่งทราบวันนี้เองว่าเจ้าขุนทองที่ว่าไม่ใช่นกแต่เป็นบุคคลคนหนึ่งในหมู่บ้านบางระจันนั่นเอง....
กิจกรรมภาคบ่าย ครูก้อยลูกสาวของครูกานท์ เป็นผู้ดำเนินกิจกรรม เด็กๆ เริ่มเข้าสู่ประสบการณ์ของการ “กินครู” กันแล้ว...ช่วงนี้ครูก้อยนำบทประพันธ์บางบทจากหนังสือ “ไม้ตะปูและหัวใจ” ของครูกานท์ บางบทบางตอนมาให้เด็กๆ ตีความ เด็กๆ ของเราส่วนใหญ่ตีความตรงๆ จากบทประพันธ์ที่อ่าน มากกว่ามองเห็นความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ ซึ่งครูก้อยเองก็พยามยามอธิบายและชวนเด็กๆ มองให้ลึกซึ้งขึ้น บทหลังๆ เด็กๆ เริ่มเห็นความลึกซึ้งได้มากขึ้นตามลำดับ....จบช่วงกิจกรรมภาคบ่าย...ครูตั๊กว่าเด็กๆ ของเรา...งอกงาม...มากขึ้นค่ะ
ต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไรติดตามต่อนะคะ....เดี๋ยวจะส่งตามมาเป็นระยะ....ขอปล่อยให้เด็กๆ พักผ่อนสักครู่
ไม่มีความเห็น