หนทางชีวิตขรุขระอีกครั้ง


แม่เลี้ยงใจร้าย พ่อเลี้ยงรังแก  เป็นคำพูดที่ญาติของเราทั้งสองฝ่ายกล่าวหาเราทั้งคู่  เราเข้าใจดีว่า  เมื่ออยู่ในสังคมก็ต้องถูกกลืนเข้าไปหากเรายึดติดกับมันมากจะทำให้เราไม่มีความสุข  เกิดความระแวงทั้งสองฝ่าย  ดังนั้นเราต้องมีทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น  


ย่าของเด็กๆคงจะบอกกับหลานแบบนี้  ลูกของเราจึงมองแม่ไปในทางไม่ดี  เราพยายามพูดกับลูกหลายๆครั้งแต่ลูกก็ไม่เข้าใจ  คิดแต่ว่าแม่ไม่รัก ตัดพ้อต่อว่าที่แม่แต่งงานใหม่  และเราก็รู้ว่าทำไมลูกจึงมีคำถามแบบนี้มาให้เราเสมอๆ  แต่เราไม่อยากจะโทษหรือโกรธใครอีกต่อไป  ก้มหน้าก้มตาดำเนินชีวิตไปในสิ่งที่ถูกต้อง  อะไรที่เราเลือกแล้ว  เราก็ต้องอดทนกันไป  ขออย่างเดียวคนที่เราเลือกเข้าใจและปฏิบัติตามที่เราขอร้อง  


ญาติทางฝ่ายสามีก็คิดว่าเราเ็ป็นเหมือนแม่เลี้ยงใจร้าย  ทั้งๆที่เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกเรื่อง  แต่จะไปคิดทำไมกัน  ในเมื่อเราเลือกหนทางชีวิตของเราเอง   ความดีน่ะทำยาก  แต่เราก็จะทำ  นั่งฝันหวานไว้ว่า  ถึงจะลำบากตรากตรำอย่างไร  แต่ขอให้มีคนเข้าใจและอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา  อย่าปล่อยให้เราลำบากรับผิดขอบแต่เพียงคนเดียว


ขอเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์  เหมือนคำพังเพยกล่าวไว้ว่า  หนทางพิสูจน์ม้า  กาลเวลาพิสูจน์คน  ถึงจะใช้เวลานานมากก็ตาม  ด้วยใจบริสุทธิ์กับความรักที่มีอยู่

 

คุณสมนึก กับลูกๆมาอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่  ที่พวกเขาเรียกว่า คุณตาคุณยาย  เราพยายามที่จะทำหน้าที่ออมชอมทุกเรื่อง  ด้วยดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่  ที่เราจากไปหลายปี  ตั้งแต่ พ.ศ.2523 จนถึง 2537  เราพอรู้ว่า ท่านไม่ค่อยจะพอใจที่เราออกรถคันใหม่ให้ลูกเขานั่ง  แต่ลูกตัวเองไม่ได้นั่ง  


สาเหตุที่ออกรถใหม่  ก็เพราะหนทางการเดินทางไกลมาก  ตัวเราเองจะได้พาลูกทั้งสองไปโรงเรียนด้วย  ตัวเองไปทำงานด้วย  จะได้ไปในทางเดียวกัน หนทางในกรุงเทพฯลำบากมากกับการเดินทาง  เลือกแบบนี้  เสียสละแบบนี้  เห็นว่าจะดีกว่า  แม่ของคุณสมนึกก็คิดว่าหลานตัวเองต้องมาลำบากในกรุงเทพฯ  การตัดสินใจแบบนี้  เท่ากับว่า เราเสียสละ  อย่างน้อย  ญาติทางสามีอาจจะรักและชอบเราบ้าง


ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของเราสิมีปัญหามาก  คิดเล็กคิดน้อยไปทุกเรื่อง  ด้วยกลัวเราจะลำบาก  ถ้าไม่แต่งงานใหม่เราก็สบายไปแล้ว  ทำไมต้องมานั่งซักผ้า  รีดผ้าให้ลูกติดด้วย   การอยู่ด้วยกันก็มีการกระทบกระทั่งกัน  แต่เราถือว่า  ได้มาอยู่กับพ่อแม่  ได้หาให้อยู่หาให้กินตามประสาลูกที่มีต่อพ่อแม่  


แต่หนทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ   ทุกวันทุกคืน  ผ่านไปอย่างช้าๆ  ด้วยความระมัดระวังตัว  และวาจาเสมอ  พร้อมกับปลอบใจสามีเสมอว่า  อดทนนะคุณ  และคุณสมนึกก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรเลย  ตั้งใจทำงานมีอะไรที่พอช่วยเหลือได้เขาก็ทำทุกอย่าง  งานลำบากยากเข็ญแค่ไหน  เขาก็ทำไป  จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น  คุณแม่มีปากเสียงกับเรา  แบบไม่เข้าใจ  เราจึงถามคุณสมนึกว่า  เราไปอยู่ตามประสาของเราเถอะ  หนทางนี้ขรุขระเกินที่เราจะเดินต่อไปแล้ว  เราเลยถามเขาว่า  มีบ้านพักให้เราอยู่ไหม  เขาตอบว่า  มีตั้งนานแล้ว  ได้ขอบ้านแฟลตได้ตั้งนานแล้ว  แต่เห็นเราอยู่กับพ่อแม่ดีแล้วจึงไม่อยากขัดใจ   เท่านี้เราก็รู้แล้วว่า คุณสมนึกยอมเสียสละ  ลำบากใจอยู่กับเราที่บ้านเรา  ทั้งๆที่บ้านพักเขาก็ขอได้  เราเลือกเขาไม่ผิดเลย


และแล้วเราก็ย้ายบ้าน  มาอยู่บ้านแฟลตเป็นครอบครัวเดี่ยวแบบคนในกรุงเทพฯเขาปฏิบัติกัน

หมายเลขบันทึก: 519099เขียนเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2013 21:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2013 21:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

มาให้กำลังครูอ้อย ค่ะ สู้ สู้  ต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท