"ความรัก" หลายคนเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว คงมีความรู้สึก หรือให้ความหมายที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าผู้ที่คิด ผู้ที่รู้สึกอยู่ในเพศไหน วัยใด ผ่านเรื่องสุขเรื่องทุกข์กับเรื่องราวของความรักมาอย่างไร
ในมุมมองของหญิงวัยย่างเข้า ๔๕ ปี ผ่านเรื่องราวความรักมาหลายรูปแบบ เพราะโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวคุณแม่และคุณพ่อที่ดูแลเลี้ยงดูมาอย่างดี ดื่มนมคุณแม่นานถึง ๑๓ เดือน แถมคุณพ่อบอกเสมอว่ารักและเป็นห่วงลูกเสมอ ความรักจากคุณแม่คุณพ่อเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่ช่วยเยียวยารักษากับความเสียใจ ความผิดหวังกับความรักในรูปแบบหนุ่มสาวในชีวิตเราได้จางคลายสลายไป
"ผู้ใหญ่สอนความรัก" ในมุมของเราคิดว่า ผู้ใหญ่ต้องแสดงความรักให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการครองชีวิตด้วยความรักถึงจะสอนความรักกับเด็กๆ เยาวชน หรือวัยรุ่นในยุคนี้ได้ ผู้ใหญ่ในที่นี้ก็คงเป็นคุณแม่คุณพ่อ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เป็นผู้นำในสังคม ผู้ใหญ่ที่สร้างสื่อผ่านภาพ ผ่านเสียง ผ่านการแสดง ความรักงดงามเสมอ หากผู้ที่สื่อ ผู้ที่สอนได้อยู่กับความรักด้วยความเข้าใจธรรมชาติ ยอมรับความจริงแท้ของชีวิต
โชคดีที่ทุกครั้งที่ได้พบกับความรัก เกิดความทุกข์ ความเศร้า ความคิดวิตกกังวล ตนเองยังมีคุณแม่ คุณพ่อ ผู้ให้ชีวิตอยู่เคียงข้าง ได้ระบายกับญาติมิตรทางธรรมที่รับฟังและเตือนสติให้ข้อคิด หนังสือและเสียงบรรยายธรรมจากครูบาอาจารย์ทางธรรม เช่น ท่านพุทธทาส ท่านติช นัท ฮันห์ อาจารย์อมรา มลิลา พระไพศาล วิสาโล ท่านจันทร์ สันติอโศก พระมิตซูโอะ คเวสโก คุณดังตฤณ เป็นต้น ที่ช่วยให้เห็นความจริงแท้ของชีวิต รักและเข้าใจตนเอง รักและเข้าใจผู้อื่น ทำให้รู้จักรักแบบไม่ไปยึดมั่นถือมั่น ไม่ไปครอบครองจนทำให้คนที่เรารักต้องอึดอัด ขาดอิสรภาพ
ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านฝนมานาน พอจะเข้าใจในเรื่องของความรัก ให้นิยามของรักแท้ คือ รักที่เข้าใจ เรียนรู้ สนใจ ใส่ใจ สังเกตรับฟังคนที่เรารัก พร้อมที่จะก้าวเดินบนเส้นทางรักด้วยจิตที่ตื่น รู้ และเบิกบานในการใช้ชีวิตนี้อย่างไม่ประมาทและรู้คุณค่า เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาที่จะรักได้อีกนานเพียงใด รู้เพียงว่าทำให้รักเิกิดขึ้นในทุกลมหายใจ ในทุกขณะปัจจุบันที่รู้ทัน ร่วมกันฝึกพัฒนารักด้วยการรู้ทันอารมณ์ความรู้สึก เพื่อสร้างสังคมแห่งรักด้วยสติและปัญญากันนะค่ะ ^__^
บันทึกไว้ วันอังคารที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ แรม ๑๐ ค่ำเดือน ๒ เวลา ๑๐.๒๘ น.