มีคนส่ง อีเมล์มาดังนี้
กราบสวัสดีปีใหม่ท่านอาจารย์ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ดิฉัน เป็นอาจารย์ ปัจจุบันกำลัง
ศึกษาต่อปริญญาเอก สาขาวิชาการบริหารการศึกษามหาวิทยาลัย และมีความสนใจศึกษาทำ
ดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับ PLC โดยมุ่งหวังที่จะนำมาใช้ให้เกิดในวิทยาลัย
จึงขอเรียนปรึกษาอาจารย์เกี่ยวกับทิศทาง หรือหัวข้อในทำดุษฎีนิพนธ์ว่าควรเป็นอย่างไร เนื่องจากที่
วิทยาลัยมีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ แต่ยังไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ดิฉัน
เห็นว่า PLC น่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีค่ะ จึง
ใคร่ขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
นี่คือคำถามที่ผมแจ้งมาหลายครั้งแล้วว่าผมจะไม่ตอบ เพราะการตอบคำถามแบบนี้เป็นการทำลายสังคมไทย ด้วยการช่วยให้คนจบปริญญาเอกคิดเองไม่เป็น
คำถามที่ผมยินดีตอบ คือคำถามที่ผู้ถามมีคำตอบของตนเองด้วย และต้องการถามเพื่อตรวจสอบว่า ที่ตนเองศึกษามาจนตกผลึกความคิดในระดับหนึ่งแล้วนั้น ตนมองเห็นช่องว่างความรู้ในสังคมไทยอย่างไร และคิดโจทย์วิจัยว่าอย่างไร ทำไมจึงคิดโจทย์นั้น จะทำวิจัยอย่างไร (research methodology) หากถามโดยคิดมาก่อนอย่างนี้ผมยินดีตอบ
สถาบันที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเอก ควรสอนหรือแนะนำ นศ. ของตนว่า ห้ามถามหรือปรึกษาคนอื่นแบบตนเองสมองว่างเปล่าแบบนี้ เพื่อเป็นการฝึก นศ. ให้รู้จักค้นคว้าและคิดเอง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดของคนอื่น
ผมจึงตอบกลับไปดังนี้
ขอแนะนำให้ศึกษาเรื่อง PLC ให้กว้างขวาง แล้วคิดโจทย์วิจัยของตนเอง และปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมทั้งคิดต่อด้วยว่าหากทำวิทยานิพนธ์ตามโจทย์นั้น จะใช้ research methodology อะไร หากมีความคิดของตนเองถึงขั้นนั้น แล้วปรึกษาผมมาอีกครั้ง ผมก็จะให้คำแนะนำได้ครับ
วิจารณ์
เท่ากับผมตั้งหลักการว่า ผมไม่ให้คำแนะนำ นศ. สมองว่างเปล่า จะให้คำแนะนำต่อเมื่อเขามาขอความช่วยเหลือแบบ Peer Assist
ได้ผลอย่างไม่คาดฝัน ท่านผู้นี้ตอบมาว่าจะทำอย่างที่ผมแนะนำ และจะกลับมาปรึกษาผมเมื่อได้ศึกษาและคิดเองไปชั้นหนึ่งแล้ว ทำให้ผมคิดในใจว่า หลักสูตร ป. เอกของสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่แห่งนี้ ไม่มีหลักการให้คำแนะนำง่ายๆ ที่มีค่ายิ่งแก่การเรียนรู้แบบพึ่งตนเองของ นศ. แปลกแท้ๆ
วิจารณ์ พานิช
๒ ม.ค. ๕๖
สนับสนุนความคิดเห็ยของอาจารย์ค่ะ แต่เคยตอบอย่างแล้ว คนถามมักหายเข้ากลีบเมฆ แล้วบอกว่าอาจารย์โหดค่ะ