ขี้เลื่อยในอดีตจัดเป็นวัสดุหาง่ายในท้องถิ่นพอๆกับแกลบ เพราะยังไม่มีผู้ที่จะนำไปดัดแปลงปรับปรุงประยุกต์ใช้กับวิชาสาขาอาชีพอื่นๆได้มากนัก จึงถือว่าเป็นวัสดุที่หาง่ายใช้คล่อง นำไปใช้ได้กับการเพาะเห็ด ปุ๋ยหมัก เชื้อเพลิง ฯลฯ ซึ่งก็นับว่ามีประโยชน์อยู่มากพอควร ในอดีตนั้นวงการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะหมูหรือสุกรก็มีการเลี้ยงกันมากแถบจังหวัดราชบุรี, ฉะเชิงเทรา ปัญหาที่พบและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนก็คือกลิ่นจากมูลหมูหรือสุกร สามารถส่งผลต่อระบบนิเวศน์ชุมชนได้ไกลหลายกิโลฯ ท่านอาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติจึงได้รณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ขี้เลื่อยนำมาปูพรมรองพื้นอีกชั้นหนึ่งเพื่อลดกลิ่นเหม็น ลดก๊าซแอมโมเนีย, ไฮโดรเย่นซัลไฟด์ ที่สร้างความมึนงงให้แก่สัตว์และมนุษย์รวมถึงตัวเจ้าของและเพื่อนบ้าน ก็นับว่าแก้ปัญหาไปได้มากโขอยู่ทีเดียว
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นแกลบหรือขี้เลื่อยต่างก็หายากและมีราคาแพงด้วยกันทั้งคู่ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นวงการเพาะเห็ด วงการชีวมวล (Bio Mass) หรือวงการอัดแกลบและขี้เลื่อยทำเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ส่งผลทำให้ภาคเกษตรขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตชนิดราคาย่อมเยาว์ให้ลดน้อยถอยลงไปอย่างมาก การทำการเกษตรในปัจจุบันจึงต้องมีต้นทุนที่สูงและผู้ผลิตยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นมาด้วย
ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีมากขึ้นจึงทำให้ค้นพบและขุดค้นวัสดุจากธรรมชาตินำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในวงการสาขาอาชีพอื่นๆได้มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หินแร่ภูเขาไฟนั้นนับว่ามีประโยชน์อย่างสูงในภาคการเกษตร แทนที่จะเป็นดินถมถนนสร้างทางเพียงอย่าวเดียว ก็สามารถนำไปปรับปรุงดัดแปลงได้ในหลายวงการ ทั้งบ้านและสวน, หินประดับตกแต่ง, เครื่องสำอางค์และเกี่ยวกับภาคการเกษตรโดยเฉพาะในเรื่องการจับกลิ่นและของเสียในคอกสัตว์ เราสามารถใข้หินแร่ภูเขาไฟ ซีโอฟาร์ม (Zeo Farm) ช่วยจับกลิ่นลดกลิ่นเหม็นในคอกสัตว์ทดแทนแกลบและขี้เลื่อยได้โดยที่ยังมีคุณสมบัติในการจับกลิ่นสูงกว่าแกลบและขี้เลื่อย
ช่วยให้สัตว์หายใจสะดวก โล่งปลอดโปร่ง ปลอดภัยจากก๊าซพิษของเสียที่ทำให้สัตว์เครียดมึนงง น้ำตาไหล ระคายเคือง เยื่อบุตาอักเสบ ไม่กินอาหาร เกษตรท่านใดสนใจวิธีใช้หรือรายละเอียดเพิ่มเติมโทรมาที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 0-2986-1680-2
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ http://www.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น