ครูดีต้องมีการสวมกอด(ประถม)


หมิ่นเหม่ไหมนี่ที่จะเขียนว่า  ครูที่ดีต้องมีการสวมกอดกันบ้าง  ที่วงเล็บประถมนั้น  หมายถึงนักเรียนชั้นประถมศึกษา   จะวงเล็บว่า เฉพาะครูผู้หญิง  ก็เกรงว่า  ภาษาจะไม่สวย


การสอมกอด  เป็นการแสดงความรู้สึกออกมาจากใจทางร่างกายว่า  มีความรัก  มีความปรารถนาดีให้กันและกัน  


ครูอ้อยเป็นครูสอนชั้นประถมศึกษามาตั้งแต่บรรจุเป็นครูมาใหม่ๆ  มีความเชื่อว่า  การสวมกอดก็นับได้ว่าเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่พัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนได้ดี  


ครูสุภาพสตรีจะได้เปรียบในเรื่องนี้ที่จะสวมกอดนักเรียนได้อย่างสบายใจ   เด็กนักเรียนชาย  ครูอ้อยก็จะสวมกอดเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  จากนั้นไป  การสวมกอดรู้สึกจะเป็นหมัน  ในความรู้สึกครูอ้อย  เพราะนักเรียนจะเริ่มอายในเรื่องของการสัมผัส  


จนย่างเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา  ลูกศิษย์จะถวิลหาการสอมกอดเพื่อความมั่นใจในความอบอุ่นอีกครั้งหนึ่งจากครูอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา  (นี่คือความรู้สึกของตัวเอง)  ไม่รู้สินะ  ว่าท่านอื่นๆจะมีความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดไหม  ที่ได้สวมกอดคนที่เราคิดถึง  คนที่เรารัก  คนที่เราปรารถนาดี   


ฝรั่งถือว่า"การกอด" เป็นยาบำบัดโรคอย่างดี  ไม่ว่าจะเป็นการป่วยทางร่างกายหรือจิตใจ เพราะจะช่วยให้อาการเจ็บป่วยนั้นบรรเทาลง นั่นคือ เมื่อมีคนมากอดหรือสัมผัสเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เพื่อนๆ ลูกเรา คนที่เรารู้จัก หรือคนรัก สุขภาวะของจิตใจเราจะอยู่ในสภาวะ   euphoria สมองจะหลั่งสาร   endrophin    ซึ่งเป็น    biological opioidที่ทำให้ร่างกายสดชื่นและลดความเจ็บปวดต่างๆลงได้ เด็กๆ ที่เห็นพ่อแม่กอดกันบ่อยๆ จะมีความเข้มแข็งทางจิตใจ (ทำให้ไม่มีปัญหาการขาดความอบอุ่น) เด็กๆจะไม่งอแง แม้จะตอนที่เขาไม่รู้ความ หรือเรื่องราวที่รุนแรง ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้กอดกัน


ฝรั่งจึงกอดกันบ่อย ไม่ว่าจะกอดกันตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน ไปโรงเรียน กอดเมื่อพบเจอหน้ากัน กอดเมื่อจากลา กอดแสดงความยินดี  กอดกันในวันคล้ายวันเกิด วันที่สอบได้คะแนนดีดี วันที่ได้เลื่อนตำแหน่ง วันแต่งงาน แข่งขันอะไรมาชนะ  และอื่นๆ กอดเมื่อต้องการให้กำลังใจ (ตบหลังเบาๆ ด้วย ... อย่าแรง)และกอดเมื่อต้องการกำลังใจ


อย่างเช่น  ครูอ้อยป่วย  นอนที่โรงพยาบาลบนเตียงคนไข้  ทีมงานมาเยี่ยมครูอ้อย  จะสวมกอดครูอ้อยทุกคน  เหมือนให้กำลังใจ  ตอนนี้ใกล้จะกลับไปทำงาน  ไปสอนนักเรียนแล้ว   ยังรอนับการสวมกอดว่า  จะมีนักเรียน  หรือ ครูมาสวมกอดสักกี่คน  (คาดหวังไว้สูงหรือเปล่า)


ลองดูนะคะ  ครูดีต้องมีการสวมกอดนักเรียนกันบ้าง  ผลเป็นอย่างไร  นำมาเล่ากันนะคะ


หมายเลขบันทึก: 516846เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2013 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2014 15:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ใช่แล้วค่ะครูอ้อย  กอดแล้วอบอุ่น

การกอดเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันค่ะ  นักเรียนจะชอบมากเวลาครูกอดค่ะ  แต่ไม่ค่อยจะได้ทำ เวลาเร่งรีบประมาณนั้น  อิอิ

For "male teachers", hugging children (either boys or girls) is NOT really acceptable and can lead to unintended speculations about the "hugged children", too. Touching any part of the body can be "touchy" in many situations. Touching shoulder, arm or back may be defensible but best avoided.

Better to "shake hand" or do "give me a five" (hold a palm of hand out for a child to slap hand-to-hand) or simulate a "hip-to-hip" clash (difference in heights makes real hip-to-hip awkward so simulation is enough).

I think, male teachers should use verbal (excellent, i love that, wow,...), body language (thumb up, half hook with a fist -- like tennis players do when they win a point, clap,...) or facial expressions (smile, wink, make face, ...) to make rapport ,

Lucky we do have many male teachers in primary schools now ;-)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท