เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะที่เรากำลังอยู่ในระหว่างการหยุดพักผ่อนประจำปี ก็มีรายงายข่าวตามเวปไซด์และเป็นหัวข้อในการสนทนาตามสื่อต่างๆ ว่าผู้คนในสิงคโปร์เป็นผู้คนที่ไม่มีความสุขที่สุดในโลก (ร้อยละ 46) ในขณะที่คนไทยมีความรู้สึกดีมากอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก (ร้อยละ 83) ประเทศไทยและสิงคโปร์อยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงสองพันกิโลเมตร แต่ทว่าดีกรีความรู้สึกนั้นต่างกันแทบจะเรียกได้ว่าสุดขั้ว
จากการสำรวจของบริษัท Gallup Inc ซึ่งได้ออกแบบสอบถามผู้คนใน 148 ประเทศทั่วโลก ประเทศละ 1000 คนในปีที่ผ่านมา ด้วยคำถามซึ่งใช้เป็นดัชนีบ่งบอกถึงความสุขชุดเดียวกันเช่นว่า เมื่อวานคุณพักผ่อนเพียงพอมากน้อยแค่ไหน เมื่อวานคุณได้รับความเคารพนับถือจากบุคคลรอบข้างมากน้อยแค่ไหน คุณยิ้มหรือหัวเราะบ่อยแค่ไหนในวันที่ผ่านมา เมื่อวานคุณได้เรียนรู้หรือทำในสิ่งที่น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เมื่อวานคุณมีความรู้สึกสุขใจมากน้อยแค่ไหน...
ผลการสำรวจแสดงประเทศที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลกตามลำดับคือ ปานามา, ปารากวัย (85%) เอลซัลวาดอร์, เวเนซูเอลา (84%) ทรินีแดดและโทบาโก, ประเทศไทย (83%) กัวเตมาลา, ฟิลิปปินส์ (82%) เอกวาดอร์, คอสตาริกา (81%) ประเทศที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในโลกส่วนใหญ่คือประเทศแถบละตินอเมริกา ประเทศไทยและฟิลิปปินส์เป็นสองประเทศในแถบเอเชียที่ติดอันดับแรกๆ
โพลแสดงสถิติของผู้ที่ไม่มีความสุขที่สุดในโลกดังนี้ สิงคโปร์ (46%) อาร์มีเนีย (49%) อิรัก (50%) จอร์เจีย, เยเมน, เซอร์เบีย (52%) เบลารุส (53%) ลิธัวเนีย, มาดากัสการ์ (54%) อัฟกานิสถาน, ไฮตี, อาเซอร์ไบจัน, โตโก และมาซีโดเนีย (55%)
อีกครั้งที่โพลบ่งชี้ว่าผู้คนที่มีความสุขที่สุดไม่ได้อยู่ในประเทศที่รวยที่สุดในโลกเช่นการ์ต้า ไม่ใช่ในประเทศที่เป็นมหาอำนาจอย่างอมริกา ไม่ใช่ประเทศที่มีผู้คนที่อายุยืนที่สุดอย่างญี่ปุ่น ไม่ใช่ประเทศที่มีจำนวนผู้เรียนจบปริญญาสูงที่สุดอย่างแคนาดา แต่ผู้คนในละตินอเมริกาซึ่งอาจไม่ได้อยู่ในข่ายประเทศที่ีความเป็นอยู่ที่ดีมากเท่าไหร่ แม้แต่กัวเตมาลาซึ่งจมอยู่ภายใต้สงครามกลางเมืองมานานนมและมีอัตราการฆ่ากันตายมากที่สุดในโลกซึ่งองค์การสหประชาชาติแสดงความเป็นห่วงอย่างมากก็ยังมีผู้คนที่มีความสุขมากกว่าประเทศที่ขึ้นชื่อว่าพัฒนาแล้วทั้งหลาย
นอกจากกลุ่มประเทศที่ตกอยู่ในภาวะสงครามและการแบ่งแยก สิงคโปร์ประเทศที่มีความปลอดภัยในสังคมสูง มีรายใด้ต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่ดีมากที่สุดที่หนึ่ง กลับกลายเป็นประเทศที่ผู้คนบอกว่าเขาทำงานหนักจนไม่มีเวลามีความสุข เป็นเช่นนั้นจริงหรือ? ใครคนหนึ่งถามเพราะเห็นว่าฉันมาเรียนและทำงานอยู่ในประเทศนี้มานานพอสมควร...
...
ฉันบอกไปตามตรงว่าออกจะรู้สึกแปลกใจกับรายงานอยู่มากเหมือนกัน และหากใช้เพียงไม้บรรทัดของตัวเองวัด ฉันเองกลับรู้สึกมีความสุขกับทุกสิ่งที่มี ณ ที่นี้ ถึงแม้จะได้รับรู้ข่าวคราวและจากการพูดคุยกับผู้คนที่รู้จักและจากประสบการณ์ตรงว่าหลายๆ คนที่นี่รู้สึกเครียดกับสภาวะความเป็นอยู่ที่กดดัน กับการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุต่างๆ เพื่อความรู้สึกมั่นคงของชีวิตในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเลวร้ายถึงขั้นติดอันดับแรกของโลก แต่แน่นอนว่าสังคมนี้ประกอบขึ้นมาจากหลากหลายวัฒนธรรม ต่างความนึกคิด มากด้วยความรู้สึก และที่สำคัญทัศนคติที่ต่างกัน
จริงอยู่ผู้คนที่นี่ทำงานกันหนัก มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่ในทุกจังหวะของการกระโดดโลดเต้นไปนั้นฉันเชื่อว่ามันแฝงความสุขจากการเรียนรู้ ความภูมิใจของการทำวันนี้ให้ดีขึ้นกว่าวันวาน รอยยิ้มให้กำลังใจตัวเอง เสียงหัวเราะของความสำเร็จ และความพึงใจจากรางวัลจากการทำงานอันหนักหน่วงนั้นเสมอ อย่างน้อยก็เป็นคำตอบของสามในห้าข้อของคำถามนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นความสุขเหล่านั้นหรือไม่ เปิดใจมองหาความสุขที่มีรอบตัวมากน้อยแค่ไหน
เขียนมาถึงตรงนี้ฉันนึกถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งซึ่งยืนเล่นไวโอลินอยู่ที่สถานีรถไฟในกรุงวอชิงตันดีซีในเช้าอันเหน็บหนาวของเดือนมกราคม เขาเล่นเพลงของบาค 6 เพลงใช้เวลาทั้งหมด 45 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วนในยามเช้าอย่างนี้โดยเฉลี่ยจะมีผู้คนเดินผ่านเขาไปประมาณ 1100 คน แต่ละคนก็เร่งรีบที่จะไปทำงาน ตลอดระยะเวลาของการบรรเลงมีคนหยุดฟังดนตรีในระยะเวลาสั้นๆ แค่ 6 คน เด็กๆ สองสามคนหยุดฟังแต่ก็โดนผู้ปกครองดึงลากฉุดให้เดินต่อไป มีคนหยุดให้เงินเขาประมาณ 20 คนแล้วเดินจากไป เขาได้เงินทั้งหมด 32 เหรียญ
เมื่อเขาเล่นดนตรีจบทุกอย่างก็เข้าสู่ปกติทุกคนตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปยังปลายทางของตน ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีคำชื่นชม ไม่มีแม้กระทั่งคนสังเกต ไม่มีใครรู้ว่าชายที่เล่นดนตรีคนนั้นคือ Joshua Bell นักไวโอลินที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งในโลก เขาบรรเลงเพลงที่แสนจะไพเราะด้วยไวโอลินราคา 3.5 ล้านเหรียญ สองคืนก่อนหน้านั้นชายผู้นี้บรรงเพลงชุดเดียวกันในโรงละครในบอสตัน ซึ่งมีผู้ชมล้นหลามด้วยบัตรเข้าชมที่นั่งละ 100 เหรียญ
แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนในเมืองที่เร่งรีบ หากเราไม่เปิดโอกาสและให้เวลาตัวเองหยุดฟังดนตรีที่ไพเราะมากที่สุดชิ้นหนึ่งในโลก ไม่มีเวลาฟังเสียงนกร้องในยามเช้า ไม่มีเวลาชมดอกไม้ใบไม้ต้นไม้ในสวนที่สวยงามทั่วเมือง เราคงพลาดที่จะมองสิ่งดีดีและความสุขรอบตัวอีกมากมาย
ไม่มีอะไรดีในวันที่ใจเราร้าย และไม่มีอะไรร้ายในวันที่ใจเราดี ท่านชุติปัญโญเขียนไว้ในหนังสือสุขอย่างไรให้ถึงใจ ช่างน่าประทับใจนัก จากสถิติทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในแวดล้อมของผู้คนไม่ค่อยมีความสุข เช้านี้ฉันจึงถามตัวเองว่าวันนี้ใจดีหรือยัง?
ปล. ขอบคุณหนังสือ สุขอย่างไรให้ถึงใจ จากท่านอาจารย์ Wasawat Deemarn ค่ะ ทำให้คิดว่ามิน่าล่ะเมืองไทยจึงมีแต่คนมีความสุข ;)
นำเพลงอันไพเราะของ Joshua Bell มาฝากนะคะ....
ผมไม่เคยเชื่อผลสำรวจนี้เลย ไม่มีความสุขที่สุด คือ สิงคโปร์.....
สุขจากบันทึกแห่งรอยยิ้ม...ของคุณปริม
สุขจากการใช้พื้นที่...ที่เจือด้วย
มิตรภาพ...ไฟฝัน และแรงบันดาลใจ
...
ขอบคุณคุณปริมมากนะครับ
ที่ช่วยละลาย..ความคิด .....ของคนบางคน ที่ยังค้นหาความสุขไม่ค่อยเจอ
ยินดีครับ อาจารย์ปริม ;)...
หนังสือเย็น ๆ กับคนเย็น ๆ ครับ ;)...
หากใจดี..ซ้ะอย่าง..เรื่องร้ายๆคงจะไม่มีโอกาศเกิด..แน่..เพราะคงเหมือน..บ้านที่อยู่ในความสุข..คุ้มอย่างดี...ยายธี.....มาส่งความสุขเจ้าค่ะ
เพราะไม่ทุกข์กับการแข่งขันแย่งชิงแสวงหาอำนาจวาสนาและความร่ำรวย...จึงเป็นสุขเพราะความเป็นอยู่พอเพียง..สุขที่ใจด้วยการแบ่งปัน...โลกเราย่อมร่มเย็นอย่างยั่งยืนนะคะ
ความเร่งรีบทำให้คนมีความสุขน้อยลง...เชื่อมโยงกับบันทึกที่แล้วของคุณปริมนะคะ รีบเพราะพะวงถึงอนาคต ลืมสิ่งสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ณ ปัจจุบันขณะที่จะช่วยปลอบประโลมชีวิตให้สดชื่น มีความหวัง มีพลัง
ยิ่งเราตระหนักว่ากำลังอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่ค่อยมีความสุข ก็ต้องช่วยกันเจริญเมตตา กรุณา แบ่งปัน สร้างสุขให้ผู้คน ให้สังคมและโลกตามกำลังของเรา พี่เชื่อเช่นนี้ค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวที่ให้ข้อคิดค่ะ
พรใดอันประเสริฐบันดาลดล
ดั่งเม็ดฝนเย็นฉ่ำพรมใจท่าน
สุขสมหวังปีใหม่ในวานวัน
กาลปัจจุบันสงบรู้สู่ชีวิต...
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณปริม....
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณปริม...ความสุขอยู่ที่ใจ ความทุกข์ก็อยู่ที่ใจ...ขอให้คุณปริมมีแต่รอยยิ้ม ชีวิตสุขสดใส หัวใจเบิกบาน สุขภาพแข็งแรง ถึงฝั่งฝันตามจิตตั้งมั่นค่ะ...
สวัสดีปีใหม่ ค่ะ ท่านอาจารย์ ปริม ทัดบุปผา
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ชยันต์
ผู้คนที่นี่โดยเฉลี่ยมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าคนบ้านเราค่ะ สาธารณูปโภค การคมนาคมอะไรๆ ก็ดีกว่า แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพชีวิต เขาอาจมีไม่มากเท่าไหร่ถ้าหากไม่เปิดใจกว้างชื่นชมสิ่งที่มีจริงๆ ค่ะ
ระยะหลังมานี้มีกระแสต่อต้านการบริหารงานของรัฐมากขึ้น ผู้คนออกมาแสดงความคิดเห็นมากขึ้นก็เลยดูเหมือนว่าจะมีคนไม่มีความสุขมากขึ้นค่ะ แต่ที่ไหนๆ ก็เหมือนกันคือคนที่ปะปนกันไปค่ะ ;))
แต่ปริมยังมีความสุข สงบดีอยู่ทุกวันค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ;))
สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี
ภาพนกบินตัวนี้สวยมากๆ มีพลังมากมายเลยค่ะ ชอบๆๆๆๆๆ
ขอให้คุณแสงมีพลังในการค้นหาความสุขนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วัส
ถึงจะเย็นแต่ก็ยังมีไฟอ่อนๆ ให้พออบอุ่นค่ะ ;))
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณยายธี
ขอบคุณความสุขที่ส่งมาค่ะ วันนี้จึงสงบสุขจังเลย
คุณยายมีความสุขดีนะคะวันนี้
สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่
การรู้ว่าสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในชีวิตคืออะไร บางทีก็ช่วยให้ความทุกข์ที่เกิดจากการไขว่คว้านั้นลดลงค่ะ
ขอบคุณข้อคิดจากพี่ใหญ่ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณปริม
ปล. ขอสวัสดีปีใหม่ก่อนนะคะ บันทึกยังไม่ได้อ่าน ...แล้วจะกลับมาย้อนอ่านอีกครั้งนะคะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ยุวนุช
ขอบคุณพี่นุชที่ช่วยชี้แนะค่ะ ปริมจะพยายามทำตามค่ะ ด้วยเมตตา ด้วยเข้าใจ และจะแบ่งปันความรู้สึกดีดี สงบเย็นตามกำลังค่ะ
ผู้คนที่นี่ตามที่สังเกตที่ไม่มีความสุขดูแล้วเพราะกังวลถึงอนาคตค่ะ ทุกคนอยู่กับความอยากได้ อยากมี พยายามไขว่คว้าให้มาก เลยไม่ได้ซึมซับความงดงาม สิ่งที่มีในปัจจุบันสักเท่าไหร่
ขอบคุณความเมตตาที่ส่งผ่านค่ะพี่นุช
;))
สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้มีความสุข สดชื่น สมหวังนะครับ
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณพิชัย
ขอบคุณสำหรับพรอันประเสริฐ ขอพรนั้นเป็นของคุณพิชัยเช่นกันนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีปีใหม่นะคะคุณน้อย
ขอบคุณสำหรับพรอันประเสิรฐค่ะ ขอให้พรนั้นเป็นของคุณน้อยด้วยค่ะ
สุข สดชื่น สมหวัง มีพลังชีวิตนะคะ
;))
สวัสดีปีใหม่ค่ะครูทิพย์
สุข สดชื่น สมหวัง มีพลังชีวิต ตลอดปีนะคะ
;)))
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณหนูรี
ปีใหม่พร้อมชื่อใหม่นะคะ ;)
ขอให้คุณหนูรีมีความสุข สดชื่น สมหวัง มีพลังชีวิตตลอดปีนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณลุงชาติ
ขอบคุณสำหรับพรอันประเสริฐค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณ tuknarak
ขอให้สิ่งดีดีเป็นของคุณ tuknarak ในปีใหม่นี้นะคะ
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มามองเห็นความสุขรอบตัว มีสุขในปัจจุบันขณะ สุขในสิ่งที่มีในทุกวันดีดีของชีวิตไปด้วยกันนะคะ
สุขสันต์บ่ายวันศุกร์ค่ะ
-สวัสดีครับ...
-แวะมาเยี่ยมส่งความสุข...
-สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ...
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ดีใจที่ได้่อ่านบันทึกของคนใจดี ขอบคุณทุกบันทึกที่ทำให้มีความสุข ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ปริม
ไม่มีอะไรดีในวันที่ใจเราร้าย และไม่มีอะไรร้ายในวันที่ใจเราดี
เอ......อ่านแล้วต้องกลับมาคิดอยู่หลายรอบ ว่าวันนี้ใจเราดีบ้างหรือยัง?
ขอบคุณบันทึกที่ให้ ใครบางคนต้องย้อนมาดูตัวเองค่ะ
ดัชนีชี้วัดความสุข คงใช้วัดเรื่องที่ลึกซึ้ง ปัจเจก และเป็นนามธรรมได้ยากนะคะ
กลับมาอ่านอีกครั้ง
เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องดีๆที่น่าคิดเหมือนกัน
สวัสดีปีใหม่ มีความสุขมากมายเช่นกันค่ะคุณเพชรน้ำหนึ่ง
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณแจ๋ว
ขอบคุณคุณแจ๋วใจดีเช่นกันค่ะที่มาอ่านบันทึกของปริมเสมอ มีกำลังใจเขียนมากมายค่ะ
มีความสุขทุกวันนะคะ ;)
สวัสดีค่ะน้องกล้วยไข่
พี่ว่าน้องกล้วยไข่ใจดีเสมออยู่แล้วค่ะ เพราะใจดีถึงได้มีพลังมากมายในการทำงานจิตอาสาไงคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะพี่หมอภูสุภา
เป็นที่พูดถึงกันเยอะพอสมควรกับดัชนีความสุขที่ใช้ค่ะ บางคนนอนน้อยแต่ก็มีความสุขเพราะมีไฟมีพลังเยอะ อะไรทำนองนั้นค่ะ แต่ยังไงสถิติก็ไม่อาจชี้ชัดได้ถูกทังหมดค่ะ คนที่ให้คำตอบ คนในเมืองนั้นๆ จะรู้อยู่แก่ใจว่าเข่มีความสุขแค่ไหนนะคะ
ขอบคุณมากค่ะพี่หมอ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ธนิตย์
ขอบคุณสำหรับมุมมองดีดีที่แจ่มชัดค่ะ ความสุขที่ว่าคงขึ้นอยู่กับคำจำกัดความของแต่ละคนนะคะ ซึ่งจริงๆ แล้ว คิดว่าในทุกที่กับทุกๆ คนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกใบนี้ คงไม่มีใครที่สุขสุดขีดอยู่ตลอดเวลาและคงไม่มีใครที่ทุกข์สุดยอดตลอดไปเช่นกัน ในบางครั้งที่เราคิดว่ากำลังทุกข์แต่มันก็มีความสุขปะปนมาอยู่เสมอนะคะ วันที่ทำงานหนัก เหน็ดเหนื่อยมันก็ยังมีความภูมิใจกับการลงมือทำมาเป็นข้อต่อรองว่าเราไม่ได้ทุกข์มากมาย
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นความสุขในความทุกข์นั้นไหม หรือเฝ้าแต่ล้างสมองตัวเองว่าทุกข์ถึงใจในทุกวันหรือเปล่า
ท่านอาจารย์มีความสุขในการสอนเช่นกันนะคะ ;)
ขอบคุณลุงชาติที่มาอ่านอีกครั้งนะคะ ;))
สวัสดีปีใหม่เจ้าพี่ครูตูม
ก็ไม่ถึงกับสุขเสมอ ตลอดเวลาไม่มีความทุกข์เลยค่ะพี่ครูตูม แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าสุขดีมากเจ้า อิอิอิ สุขภาพกายใจยังคงแข็งแรง ยังมีไฟยังมีพลังเหลืออยู่ในทุกๆ วัน มองเห็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสุขใจอยู่ทุกวันค่ะ
เมื่อรู้สึกดี จึงพอที่จะบ่งปันค่ะ
พี่ครูมีความสุขมาก ๆ เช่นกันนะคะ ;)
สวัสดีค่ะคุณปริม...
ความสุขอยู่ที่กาย + ใจ เรานี่แหล่ะค่ะ ต่อให้เราเร่งรีบแค่ไหน ถ้าตัวเราปรับและเปลี่ยนแปลงตัวเราให้เข้ากับสภาพหรือสถานการณ์ได้ เราก็โอเคแล้วค่ะ คล้ายกับจิ้งจกนะคะ ขนาดจิ้งจกมันยังเปลี่ยนสีได้ตามสภาพ แล้วเราซึ่งเป็นมนุษย์ทำไมจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้จริงไหมค่ะ เราฉลาด + เก่งกว่าจิ้งจกตั้งเยอะเน๊าะ คริ ๆ ๆ
มาสวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ พร้อมกับมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมกับที่จะสู้งานต่อไปด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณบุษยมาศ
ว่ากันว่าสิ่งที่ทำได้ยากมากคือการเปลี่ยนแปลงค่ะ การปรับตัวคือการเปลี่ยนจากความเคยคุ้น หลายๆ คนไม่กล้าที่จะขยับตัวออกมาจากความเคยชินค่ะ
ขอบคุณข้อคิดและกำลังใจดีดีท่่นำมาฝากนะคะ
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ
ผมเชื่อนะครับ
คนสิงคโปร์เครียด เพราะเอาจริงเอาจัง ตั้งความหวังกับตัวเองและคนรอบข้างสูง
ผิดกับพี่ไทย .... ไม่เป็นไร คิดได้ก็จบ