ออกจากวัด คุณมะเดื่อก็มุ่งหน้าสู่บ้านริมลำธารกลางหุบเขาของเพื่อนรักทันที ถนนลูกรังที่ค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อ เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อต้นเดือนประกอบกับเส้นทางมุ่งหน้าข้ามเินินเขา ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับรถเก๋ง เรียกว่าต้องค่อย ๆ คลานไป
ไปได้ครึ่งทาง เพื่อนก็ให้จอดรถทิ้งไว้ที่บ้านญาติของเขา แล้วนั่งรถกระบะของเพื่อนต่อไป ตามเส้นทางที่ผ่านสวนปาล์ม สวนผลไม้ และถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อมากกว่าตอนที่เข้ามา
( บ้านของเพื่อนเมื่อมองจากเนินเขา )
บ้านเล็ก ๆ กลางแมกไม้ริมลำธารกลางหุบเขาของเพื่อน แสนจะเงียบสงบ ร่มรื่น รายรอบบ้านด้วยสารพัด สารพันต้นไม้ ทั้งยืนต้นตามธรรมชาติ สวนผลไม้ และต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร
บริเวณหน้าบ้าน เป็นลำธารที่ไหลมาจากน้ำตก ช่วงหน้าฝนน้ำจะเยอะใส เย็น น่าอาบ แต่ช่วงนี้ฝนทิ้งช่วง น้ำจะน้อย คุณมะเดื่อเคยเดินท่องน้ำย้อนไปต้นลำธารที่ไหลมาจากภูเขา ( เทือกเขาตะนาวศรี) ตั้งใจจะไปให้ถึงน้ำตก ต้นลำธาร แต่ไปไม่ถึง ไปเจอกระท่อมชาวสวนหลังหนึ่ง มีกังหันน้ำตก เหมือนกระท่อมของฝรั่งที่เคยเห็นในภาพ แต่เพื่อบอกว่า ตอนนี้กระท่อมนั้นถูกรื้อไปแล้ว น้ำตกต้นลำธารนี้ชาวบ้านเรียกว่า " น้ำตกขาอ่อน " หมายถึง เดินจนขาอ่อนหมดแรงก็ยังไม่ถึง น่านน่ะซิ...ถึงมะเดื่อจึงไปไม่ถึงน้ำตกอ่ะนะ
ที่บ้านของเพื่อนนี้ ชุ่มชื้นขนาดไหน ดูต้นเฟิร์นตรงนี้สิ ขึ้นอยู่กับโอ่งใบใหญ่ข้างบ้านเลย แทนที่จะขึ้นบนพื้นดินอ่ะนะ
ทีนี้มาดูรอบ ๆ บ้านกันว่ามีอะไรบ้าง
นี่ก้อ...ส้มโอจ้ะ ลูกดกเต็มต้น
นี่ก้อ ท้อญี่ปุ่น ( ถ้าคุณมะเดื่อจำไม่ผิด ถ้าผิดขออภัยจ้ะ)
นี่...เสาวรส ผลสุกหล่นเกลื่อนพื้น...เสร็จคุณมะเดื่อละ
ผ่าออกมาแบบนี้
เหยาะน้ำปลาลงไปสักครึ่งช้อนชา คลุกเคล้าให้ได้ที่...รสชาติจี๊ดจ๊าดดด...ตาสว่างทันที..ลดไขมันในเส้นเลือดได้ด้วยนะ
ไปดูสวนผลไม้กันต่อ...เสียดายไม่ใช่หน้าผลไม้ จึงไม่มีให้ได้ชิมกัน
มีแต่ ลองกอง เพิ่งจะติดผล
มังคุด มีแต่ใบเต็มต้น
เงาะ ก็มีแต่ใบ
ขนุน พอจะเห็นผลอ่อน
กระท้อน ก็ไม่มีผล
แต่กล้วยหอม ออกผลแล้ว
ลองมาดูไม้ริมลำธารกันบ้าง
บอนน้ำใบงามมีขึ้นอยู่มากมาย เพื่อนบอกว่าแกงส้มได้ แต่ถ้าทำไม่เป็นละก้ออย่าเสี่ยงเพราะจะ..คันคะเยอ..ทีเดียวเชียวแหละ
ต้นเฟิร์น มีอยู่ทั่วไปเช่นกัน
พลูด่าง ขึ้นงามอยู่ตามแนวลำธารเต็มไปหมด คุณมะเดื่อจึงขอ...เก็บเอามาถุงหนึ่ง จะเอาไปใส่ขวดในห้องสมุด ต้นที่เลี้อยขึ้นต้นมะพร้าว ใบใหญ่โตมโหฬาร ... อย่างนี้ ร้านขายต้นไม้มาเห็นคงยิ้มแป้นชอบใจแน่ ๆ
นี่ก้อ..บัวบกยักษ์ หรือ บัวบกเกษตร จิ้มน้ำพริกอร่อยมาก ๆ
ต้นนี้ " บุกลอ" คุณมะเดื่อเรียกบุกยักษ์ ต้นอ่อน ๆ อย่างนี้แกงได้จ้ะ แต่ต้องแกงให้เป็นอีกแหละ มิฉะนั้นก็จะคัน
นี่คือ เมล็ดของบุกยักษ์ ซึ่งเกิดจากดอกที่โรยไปแล้ว เพื่อนบอกว่า ดอกของบุกสวยดี แต่เหม็นร้ายกาจ
ต้นนี้ เพื่อนบอกว่า เป็นตันตีนตุ๊กแก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นญาติ ๆ กับย่านลิเภาหรือเปล่า หน้าตาคล้ายกันมาก
เดินไปเดินมา เจอญาติตัวเอง...อิอิ...มะเดื่อปล้องจ้ะ
มาดูต้นไม้รอบ ๆ บ้านบ้าง
ข้างบ้านมีบ่อปลา ( แต่ไม่มีปลาแล้ว)
ข้างบ่อปลา มีต้นกาแฟ ที่มีทั้งดอก และผล
ต้นนี้เพื่อนบอกว่าเป็นต้น กะหลอ ใบมีประโยชน์ในการเอาไปผสมกับน้ำยางพาราทำให้ยางมีสีสวย
สวนยางพาราของเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ บ้าน
โรงทำยางแผ่น
ยางแผ่น ที่ใต้ถุนบ้านของเพื่อน
มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว ดอกหญ้าบานสะพรั่ง ผีเสื้อบินกันขวักไขว่
ได้เวลามื้อเที่ยง วันนี้ทุกคนช่วยกันทำอาหารกลางวัน คุณมะเดื่อมีปลากะพงไปฝากเพื่อนด้วย 3 ตัว จึงทำ "ปลากะพงยำสมุนไพร"
ปลากะพงทอดกรอบได้ที่ (ฝีมือทอดของคนอื่นนะ ไม่ใช่ฝีมือคุณมะเดื่อ)
พี่ยุ่ง...พ่อบ้านของเพื่อน ลงมือซอยมะม่วง ตะไคร้ให้ (ถ้ารอคุณมะเดื่อคงอีกนาน หรืออาจจะไม่ได้กิน อิ อิ )
นี่แหละ " ปลากะพงยำสมุนไพร " ฝีมือปรุงรสของคุณมะเดื่อ อร่อยหรือเปล่าไม่รู้ แต่บทสรุปไม่เหลือแม้ก้างอ่ะนะ
มีกุ้งต้มน้ำปลา ด้วยกับแกงจืดสำหรับเด็ก ๆ ด้วยนะ
เสาวรสกับส้มโอ ที่หิ้วกลับบ้านด้วยจ้ะ
บ่าย 3 โมงเย็น จึงลาเพื่อน และทุก ๆ คนเดินทางกลับบ้าน ขากลับแวะที่วัดอ่างสุวรรณ ทับสะแก เพื่อชมโบสถ์ไม้ตาล และไหว้พระด้วยจ้ะ.......
ติดตามชม โบสถ์ไม้ตาลที่สวยที่สุด (ในโลก เพราะคงมีที่นี่ที่เดียว ) ในบันทึกต่อไปจ้ะ
...............................................................................