"เหตุผลของคนอ่านหนังสือ"
ผมอ่านหนังสือ Try ไปเรื่อย ๆ สงสัยว่าจะอ่านข้ามปี
มีข้อเขียนที่ติดใจอยากนำมาลงเอาไว้ในบันทึก
"หนังสือเป็นออมสิน" เป็นมุมมองของพี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
ที่เล่าเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ว่า
"หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมาแต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นคล้าย ๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้..."
"หนังสือเป็นออมสิน" ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับการอ่านมายาวนาน ผมคิดว่าวลีนี้เป็นคำเปรียบเปรยที่ "คมคาย" และ "เป็นจริง" อย่างยิ่ง
ตั้งแต่เป็นเด็ก การค้นพบโลกแห่งการอ่าน สำหรับแล้วเปรียบเสมือนนักเดินเรือที่ล่องเรือไปค้นพบทวีปใหม่ การได้เที่ยวท่องไปในโลกมหัศจรรย์ของตัวหนังสือบนแผ่นดินกระดาษอันกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้ผมมีความสุข สนุกสนาน ตื่นเต้น สะเทือนใจ
สำคัญกว่านั้นคือ หนังสือจำนวนมากได้บ่มเพาะความคิดความอ่านและกล่อมเกลาจิตใจผม จากที่เคยพร่องหายให้ "เต็ม" ขึ้น
ผมชอบเปรียบเทียบการอ่านกับการเดินทาง ในความคิดผม ทั้งสองกิจกรรมคือ "การผจญภัย" เหมือน ๆ กับ การหยิบหนังสือสักเล่มมาพลิกเปิด แล้วลงมือจดจ้องสายตาและสมาธิไปกับตัวอักษรในนั้น มันคล้ายกับการได้รู้ได้เห็นเรื่องราวแปลกใหม่ที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน เราอาจไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในหน้าต่อไปหรือแม้กระทั่งในบรรทัดถัดไป และบ่อยครั้ง กว่าเราจะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้น "บอก" หรือ "ให้" อะไรกับเรา ก็ต่อเมื่อพลิกมันไปจนหน้าสุดท้าย
เช่นเดียวกับการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง-การออกเดินทางโดยลำพัง แบ็กแพ็กเกอร์ผู้เจนโลกมีความเห็นพ้องต้องกันอย่างหนึ่งว่า ไม่มีประสบการณ์การเดินทางของใครที่จะ "ซ้ำ" กับใคร แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางไปยังสถานที่แห่งเดียวกันและในเวลาเดียวกันก็ตาม
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกการเดินทางจะสวยงามน่าประทับใจไปเสียทั้งหมด บางการเดินทางก็น่าเหนื่อยหน่ายและเต็มไปด้วยอุปสรรค กระทั่งอาจถึงขั้นอันตราย เช่นเดียวกัน, หนังสือบางเล่มสั่งสอน ปลอบโยน และให้กำลังใจเรา แต่บางเล่มก็น่าเบื่อ เปล่าประโยชน์ที่จะเสียเวลาให้ร้ายที่สุด คือ มันแอบอาบยาพิษที่ฉุดให้เราคิดไปในทางต่ำ
ก็คงเหมือนกับทุกอย่างในโลกนี้ ที่มีสองด้าน--ด้านดีและด้านร้าย มองในแง่บวกคือ ที่สุดแล้วเรายังมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับอะไร และมองในแง่ดี บางครั้ง สิ่งเลวร้ายก็สามารถให้แง่คิดที่มีคุณค่าแก่เราได้เหมือนกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยผ่านทั้งสองสิ่งมาพอสมควร ทุกวันนี้ผมแทบจะเชื่อโดยไม่มีกังขาใด ๆ แล้วว่า มีอยู่สองสิ่งในชีวิตที่ยิ่งเราลงมือทำมากเท่าไหร่ มันจะสะสมบ่มเพาะจนส่งผลให้เราเป็นคนที่ "เหนือชั้น" มากขึ้นเท่านั้น
.........................................................................................................................................................................
ผมเองก็เป็นคนติดหนังสือ
การอ่านหนังสือที่ำเราได้เรียนรู้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
แน่นอนว่า การติดตามอ่านจนจบ
มันเป็นความตื่นเต้นเหมือนการ "ผจญภัย"
ซึ่งไม่ต่างจากการเดินทาง
ที่ผมจะหาเรื่องใช้เวลาเดินทางด้วยตัวเอง
อย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้ไปดูว่า มันเป็นยังไง
แอบไปแนบชิดสนิทกับธรรมชาิติ วิถีชีวิต
นอกเหนือจากการทำงานประจำที่ทำอยู่เสมอ
ผมเชื่อมั่นว่า "ในหลวงของเรา" ท่านก็ทรงเป็นเช่นนั้น
ท่านเป็นนักอ่านที่ใช้ประโยชน์ทุกอย่างจากหนังสือ
พี่โหน่ง วงศ์ทนง ก็เช่นกัน
ประสบความสำเร็จในชีิวิตเพราะจากการอ่านหนังสือ
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
.........................................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ
วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์. Try. พิมพ์ครั้งที่ ๗. กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, ๒๕๕๕.
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับในคลังความรู้จากการอ่านหนัีงสือ มีความสุขมากๆ นะครับ
ขอบคุณมากครับ อาจารย์ Dr. Pop ;)...
น่าสนใจนะคะ
ขอบคุณที่นำของดีๆ มาฝากเสมอค่ะ
ยินดีและขอบคุณมากครับ พี่ Bright Lily ;)...