New Year New You: แผนพัฒนาตัวเองปี 2556


ครอบครัวนึงๆ ของชาวนาทุกวันนี้มีผู้สืบทอดการทำนาน้อยเต็มที ครอบครัวหนึ่งของชาวนาจะมีลูกที่สนใจจะรับช่วงทำนาต่อจากพ่อแม่แทบจะคนหรือ 2 คนหรือแทบจะไม่มีเลย นอกนั้นก็มุ่งหน้าสู่เมืองกรุงหรือเมืองใหญ่เพื่อหางานทำที่ได้เงินเร็วและสบายกว่านั้น

ต้องขอบคุณเว็บไซต์ Go To Know ที่สร้างกิจกรรม New Year New You ชวนเพื่อนๆ สมาชิกเขียนสิ่งที่อยากทำ 5-10 อย่างเพื่อการปรับปรุงพัฒนาตนเองในปีใหม่ปีนี้ เพราะช่วยกระตุ้นคนเกียจคร้านแบบผู้เขียน ที่เกือบจะถึงวันสิ้นปีแล้วที่ผลัดวันประกันพรุ่งกับการเขียนแผนพัฒนาตัวเองในปีหน้ามาจนถึงวันนี้ที่เหลืออีก 10 วันก็จะข้ามปีกันแล้ว

ตอนคิดถึงแผนพัฒนาตัวเองในหลายๆ ปีที่ผ่านมา แผนในปีหน้าที่เขียนส่วนใหญ่ถูกใส่ไปเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวที่ไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ในปีที่ผ่านมา เหมือนเป็นการผลัดเรื่องที่ทำไม่สำเร็จออกไปเรื่อยๆ ปีนี้เลยตั้งใจใหม่ว่าจะทำแผนพัฒนาตัวเองให้ส่งผลกับภาพของตัวเองใน 5 ปีข้างหน้าอย่างจริงจังเสียที เริ่มจาก

 

1. การเรียนภาษาจีนทั้งพูด อ่าน เขียนให้คล่องแคล่วขึ้นพอจะเอาตัวรอดในประเทศจีนหรือพูดคุยกับเพื่อนคนจีนได้ดีกว่านี้ (สารภาพว่าถึงปัจจุบันผู้เขียนยังไปได้ไม่ไกลกว่าบทที่ 12 ที่เป็นการสนทนาในชีวิตประจำวัน ช่างน่าผิดหวังเสียนี่กระไร ทั้งที่ทำงานจีนมาหลายปี หลายคนคงสงสัยใช่ไหมล่ะค่ะ จริงๆ แล้วเมื่อผู้เขียนเดินทางไปทำงานที่ประเทศจีน เพื่อนผู้เขียนที่เป็นคนจีนกลับเป็นคนพูดภาษาไทยและภาษาอังกฤษโต้ตอบกับผู้เขียนและคณะแทนค่ะน่าอายไหมล่ะคะ เฮ้อ... )

2. เดินทางไปประเทศใหม่ๆ หรือเมืองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 ประเทศ ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นเหมือนผู้เขียนบ้างไหมค่ะ การเดินทางเปิดโลกและเปิดมุมมองในการใช้ชีวิต และส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองให้ผู้เขียนได้อย่างดีทีเดียว เพราะเราจะสัมผัสได้ถึง“ความแปลกใหม่” หรือ “ความไม่รู้” ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จนผู้เขียนหลงรักที่จะเดินทางไปรอบๆ โลกเพื่อศึกษาผู้คน ชีวิตความเป็นอยู่ บ้านเมือง และอะไรต่ออะไรในโลกใบนี้อย่างมากค่ะ

3. ทำบันทึกการใช้เงิน และ เก็บเงิน(เงินออม)ให้ได้เยอะขึ้นเป็น 20% ของรายได้(เสียที) อันนี้เป็นนิสัยเสียส่วนตัวที่ชอบการพบปะสังสรรค์และเดินทางเป็นที่สุด ที่ทำให้กระเป๋าของผู้เขียนไม่นิ่งและไหลไปตามเหตุจูงใจใหม่ๆ ตลอดเวลาเลย ปีหน้าจะตั้งใจ ตั้งใจ และตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้สำเร็จค่ะ

4. พาพ่อกับแม่ไปกินข้าวนอกบ้านหรือไปเที่ยวใกล้ๆ แบบ one day trip อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง อันนี้ต้องมีหมายเหตุด้วยว่าผู้เขียนต้องเป็นเจ้าภาพ ไม่ใช่พ่อแม่พี่หรือน้องเป็นสปอนเซอร์จ้า

5. ปลูกต้นไม้ใหม่ในบ้านให้ออกดอกสวยๆ ซัก 4-5 ต้น เรื่องนี้เป็นความเก็บกดส่วนตัวของผู้เขียนที่ไม่สามารถเลี้ยงต้นไม้แล้วทำให้มันออกดอกสวยๆ ด้วยตัวเองได้เลย มันมักจะน้อยใจกับความใจร้อนและไม่สม่ำเสมอของผู้เขียน โชว์แต่ใบอันเขียวชะอุ่มหรือชิงลาจากไปก่อนเสียทุกครั้ง ขณะที่ดอกไม้ของเพื่อนที่ซื้อพร้อมๆ กันออกดอกสวยมาเยาะเย้ยให้ผู้เขียนเจ็บใจอยู่บ่อยๆ ตั้งใจจะเริ่มต้นปลูกต้นไม้และดูแลกันตั้งแต่เดือนมกรากันเลย ใครสนใจโปรเจ็คนี้ส่งรูปมาอวดกันได้ไม่หวงห้ามค่ะ ^^

6. นั่งสมาธิหรือสวดมนต์ก่อนนอนอย่างน้อยวันละ 5 นาที ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน (ไม่ต่ำกว่า 20 นาทีต่อวัน) เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน

7. อ่านหนังสือใหม่ๆ รู้จักคนใหม่ๆ หรือทำสิ่งแปลกใหม่(ที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม) อย่างน้อยเดือนละ 2 อย่าง ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องใหม่ๆ ในชีวิตจะนำเราออกจาก comfort zone หรือพื้นที่สุขสบายส่วนตัวที่จะทำให้เราเคยชินและแทบจะหนักไปทางเกียจคร้านได้ง่าย มีหมายเหตุเล็กน้อยสำหรับการอ่านหนังสือใหม่ๆ ทุกเดือนว่าต้องหาโอกาสเล่าเรื่องที่น่าสนใจของหนังสือนั้นๆ ให้ผู้อื่นได้มีโอกาสรับรู้ด้วย เพราะเรื่องราวน่าสนใจจริงๆ แล้วก็มีโอกาสที่จะกระตุ้นหรือสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ได้เช่นกัน

8. หาโอกาสขึ้นไปทำนาหรือทำให้ตัวเองสามารถรู้และสามารถปลูกข้าวกินเองได้ภายในปี 2556 เล่าให้ใครฟังคงไม่มีใครเชื่อว่าบ้านทางฝั่งคุณพ่อของผู้เขียนเป็นชาวนาที่ปลูกข้าวได้ปีละหลายๆ ตัน เป็นข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา คุณภาพดี แต่ผู้เขียนแทบไม่รู้อะไรเรื่องนาของตัวเองหรือเรื่องข้าวแต่ละชนิดที่รับประทานอยู่เลย ครอบครัวนึงๆ ของชาวนาทุกวันนี้มีผู้สืบทอดการทำนาน้อยเต็มที ครอบครัวหนึ่งของชาวนาจะมีลูกที่สนใจจะรับช่วงทำนาต่อจากพ่อแม่แทบจะคนหรือ 2 คนหรือแทบจะไม่มีเลย นอกนั้นก็มุ่งหน้าสู่เมืองกรุงหรือเมืองใหญ่เพื่อหางานทำที่ได้เงินเร็วและสบายกว่านั้น ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเข้าอบรม “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องเมื่อกลางปีที่ผ่านมา คำที่ต้องท่องเสมอหน้าเสาธง คือ “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาซิ(โว้ย)ของจริง” ยังก้องอยู่ในหูของผู้เขียนเสมอ และตอกย้ำด้วยความน่าอายในชั่วโมงเอาตัวรอดด้วยตนเองเมื่อถูกปล่อยให้หาอาหารกินเองในพื้นที่กว้างหลายไร่ของมาบเอื้อง ว่าคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่รู้จักพืชที่กินได้หรือไม่สามารถแม้จะหาอาหารประทังชีวิตตัวเองให้อยู่รอดได้ถ้าไม่มีเพื่อนๆ คนเก่งคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อนจากภาคอิสานที่จับอะไรขึ้นมาก็แทบจะมาทำเป็นอาหารได้เสียทั้งหมด ถ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นในวันใดที่เงินเป็นของไม่มีค่าเสียแล้ว ผู้เขียนก็นึกไม่ออกว่าตัวเองจะเอาตัวรอดได้อย่างไร จึงเริ่มคิดจะปลูกหรือเข้าใจอาหารสามัญของคนไทยอย่างข้าวให้สำเร็จเป็นอย่างแรกค่ะ เชื่ออย่างแน่แท้ว่าปลูกข้าวได้ คงไม่อดตายแน่นอน

9. ฟื้นความรู้และใช้สมุนไพรป้องกันและรักษาโรคให้ได้อย่างน้อย 20 ชนิดเพื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยคนในวันข้างหน้าที่เกิดภัยพิบัติ การแพทย์แผนตะวันตกใช้ไม่ได้ หรือ ยาแผนปัจจุบันไม่ช่วยอีกต่อไป (ผู้เขียนจบเภสัชฯ และเคยหลงรักการใช้สมุนไพรอย่างจริงจังช่วงหนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนสายการทำงานมาเป็นการตลาดและการค้าการลงทุนในปัจจุบัน)

10.จับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการไทยและจีนให้สำเร็จอย่างน้อย 3 ผลิตภัณฑ์ในปี 2556 ฟังเหมือนตั้งเป้าหมายไว้น้อยมาก คือ แค่ 3 ผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าใครได้มีโอกาสได้อ่านบทความของผู้เขียนเรื่องการค้าขายกับเพื่อนชาวจีนแล้ว จะส่งใจเชียร์ผู้เขียนอย่างมากให้ 3 รายนี้ประสบความสำเร็จค่ะ เพราะมันยากเหลือประมาณทีเดียว

 

10 ข้อคงเพียงพอสำหรับการเขียนเป็นบทความในวันนี้แล้ว ผู้เขียนจะไปทำภาคต่อบนสมุดบันทึกส่วนตัวอีก ส่วนตัวมีความยินดีและอยากร่วมแบ่งปันความสุขและความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ เมื่อแผนพัฒนาตัวเองของใครสำเร็จไปถึงขั้นไหนแล้วในปีหน้าค่ะ แล้วเรามาเล่าให้กันฟังอีกทีนะคะ ^^




หมายเลขบันทึก: 513681เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2012 21:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม 2012 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณบันทึกดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน และส่งความสุขปีใหม่ ๒๕๕๖ ค่ะ

  ภาพจากสายบริหารงานสื่อสารองค์กร SCB  

  • สวัสดีปีใหม่ 2556 ครับ...ขอให้คุณสิริปรียา พบแต่ความสุข ความสมหวังตลอดปีและตลอดไปครับ

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณนงนาท คุณสามสักและเพื่อนๆ GTK ทุกท่าน ปีใหม่นี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้คุณนงนาท คุณสามสักและทุกๆ ท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง คิดทำการสิ่งใดให้สำเร็จดังสมหวังตั้งใจนะคะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท