เรียนรู้จากคู่กัด


พี่ชายบอกผมว่า ถ้าใครท่องภาษาอังกฤษได้ จาก a-z พอไปเข้าโรงเรียนชั้น ม. 1 เขาจะให้ขึ้นไปเรียนชั้น ม. 2 เลย

ในการดูละครแต่ละเรื่อง
หรือการเล่าเรื่องใดๆ มักจะมีการสะท้อนถึงอุปสรรคของการพัฒนา
เพื่อให้เห็นสัจธรรมของชีวิตว่า มีปัจจัยสนับสนุน และปัจจัยขัดขวาง
แต่ในทางปฏิบัติ เราสามารถเรียนรู้ได้ทั้งทั้งจากสองแบบ และใช้อุปสรรคเป็นข้อควรระวังและการเตือนใจ
ให้รู้ให้ระวังเอาไว้

ในชีวิตสมัยเด็กๆของผมที่ผ่านสมัยอยู่บ้านนอกจนเข้ากรุงเทพนั้น
ผมมี “คู่กัด” คือ พี่ชายคนเล็กของผม ที่ปัจจุบันไปตั้งภูมิลำเนาและครอบครัวอยู่ที่จังหวัดสงขลา

ในสมัยเด็กๆนั้น
ผมไม่ค่อยเจอพี่ชายคนนี้มากนัก ขณะที่ผมยังเล็ก อยู่บ้านกับแม่
พี่ชายผมก็ไปอยู่วัด เป็นเด็กวัดเหมืองลี่ พอผมไปอยู่วัดกุดปลาเข็ง
พี่ชายผมก็ไปเรียนที่อำเภอสูงเนิน ด้วยวิถีชีวิตที่ระเหเร่ร่อนของผมและพี่ชาย
ต่างคนต่างแทบไม่เคยอยู่บ้านกับพ่อแม่ ช่วงที่ผมกลับมาอยู่กับพ่อแม่ พี่ชายผมก็จะไปเรียนหนังสือ
สลับกันพอดีๆ ที่เป็นเหตุให้ครอบครัวผมไม่มีภาระทางอาหารมากนัก
เพราะส่วนใหญ่แทบไม่เคยพร้อมหน้าครบกันเลย

แต่ทุกครั้งที่พบกัน
พี่ชายผมจะสร้าง “วีรกรรม” ไว้ในความรู้สึกผมเสมอๆ

ตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ที่ผมยังเด็กงอแง ในฐานะลูกคนเล็ก แกล้งกินข้าวเองไม่เป็น ต้องหาคนป้อน
แม่ผมก็เคยขอให้พี่ชายผมช่วยป้อนข้าวให้ผม พี่ชายผมก็อยากไปวิ่งเล่นมากกว่า
เลยหาวิธีสอนผม ว่าควรจะทานข้าวเอง โดยการ “ป้อนข้าวใส่เม็ดพริกสดๆ” จนทำให้ผมเข็ด
ไม่กล้ากินข้าวจากมือพี่ชายผมอีก พี่ชายผมก็รอดพ้นจากการต้องป้อนผมตลอดไป

ในสมัยผมเด็กๆ นั้น ขนมจากตลาดที่โด่งดังที่สุด
ก็คือ ทอฟฟี่ ที่เป็นก้อนน้ำตาลแปรรูปห่อมาในกระดาษสีต่างๆ
วันหนึ่งผมก็เห็นเพื่อนบ้านเขากินกันก็อยากกินบ้าง
เลยไปแสดงอาการงอแงขอแม่ไปซื้อทอฟฟี่ให้หน่อย ที่พี่ชายผมก็รับอาสาไปซื้อมาให้
ลงจากบ้านไปไม่นานก็กลับมาพร้อมทอฟฟี่ ห่อกระดาษสีแดง สีเขียวมาสามสี่เม็ดแต่เมื่อผมแกะออกจะกิน ก็พบว่าเป็น “ทอฟฟี่ดินเหนียว” “แท้ๆ”
แบบพี่ชายเพิ่งไปทำมาจากใต้ถุนบ้าน โดยใช้กระดาษห่อทอฟฟี่เก่าๆ
ที่ร่วงอยู่แถวนั้นมาทำ ทำให้ผมเลิกร้องงอแงที่จะกินทอฟฟี่
เพราะที่มีก็ยังกินไม่หมดเลย

เนื่องจากบ้านผมเป็น”บ้านตะคอง”
ที่มีน้ำหลากท่วมทุกปี และผมก็ว่ายน้ำยังไม่เป็น เคยเดินตกสะพานลงไปในคลอง
แม่ต้องโดดลงไปช่วยผม เพื่อไมให้จมน้ำตาย
จึงทำให้ทุกคนเป็นกังวลว่าถ้าปล่อยไว้ผมอาจจะจมน้ำตายไม่วันใดก็วันหนึ่งพี่ชายคนเล็กของผมที่เกิดก่อนผมประมาณ
5 ปี ที่เรียนวิธีการว่ายน้ำเป็นก่อนผม จึงพยายามสอนให้ผมว่ายน้ำในคลองในช่วงที่ไปเลี้ยงวัวด้วยกัน
ตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นประถมปีที่ 1
ที่พ่อผมได้ย้ายคอกวัวจากโกรกสะเดามาไว้ที่บ้านกุดปลาเข็งโดยการหัดให้ดำน้ำจนเป็นก่อน ทำให้ผมไม่กลัวการจมน้ำ
และกล้าว่ายน้ำจนเป็นในเวลาต่อมา ที่แตกต่างจากการสอนของคนอื่นที่จะสอนให้ว่ายน้ำเป็นก่อน
ที่เป็นวิธีการสอนที่น่าจะดีกว่า คือ ทำลายความกลัวเรื่องการจมน้ำให้หมด
ก็จะเหลือแต่ความกล้า จึงว่ายน้ำเป็นได้โดยง่าย

 

ต่อมาผมก็กล้าหัดว่ายน้ำเองที่หน้าบ้าน
ตอนน้ำท่วม โดยใช้ลูกมะพร้าวสองลูกฉีกเปลือกผูกติดกันเป็นคู่ๆที่แม่ไปหิ้วมาจากสวน
นำมาพาดผ่านหน้าอก เป็นทุ่นช่วยในการลอยตัว จึงกล้าว่ายน้ำคนเดียว
ในระหว่างนั้นพี่ชายผมก็ถามผมว่า ก่อนจะขึ้นจากน้ำจะเอาสบู่ถูตัวไหม
ผมก็บอกว่าโยนมาให้หน่อย พี่ชายผมก็เดินขึ้นไปบนบ้าน
กลับมาพร้อมก้อนแบนๆแบบแผ่นเหลืองๆเหมือนก้อนสบู่ที่เห็นอยู่ทั่วไป
ผมก็รับมาถูหน้าและถูตัว สักพักก็สงสัยว่าทำไมไม่มีฟอง ลองบี้ดูจึงรู้ว่า
ไม่ใช่สบู่ แต่เป็น “ไขวัว”
ที่เป็นแผ่นแข็งตัวลอยในหม้อต้มเครื่องในวัวในครัวบนบ้าน ที่ทำให้เวลาผมเจออะไร
รูปร่างและสีคล้ายๆกัน ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิดมาแต่เดิมก็ได้

 

สมัยที่อยู่บ้านนอกนั้น
บ้านพ่อแม่ผมจะมีแมลงชนิดหนึ่ง ที่ที่บ้านผมเรียกว่า “แมงหมาร่า”
จะนำดินเหนียวมาปั้นเป็นโพรงไว้ตามฝาบ้าน นำตัวหนอนผีเสื้อมาใส่ไว้ แล้วจะวางไข่
ให้ลูกของมันได้กินตัวหนอนเป็นอาหาร
ที่เป็นวิธีการดูแลลูกอ่อนที่ดีมากของแมลงชนิดนี้ ที่ผมมาเรียนวิชานี้สมัยอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
แต่สมัยก่อนเข้าโรงเรียนนั้น พี่ชายผมสอนว่า ในรังแมงหมาร่าจะมีน้ำหวาน
ถ้าใครอยากกินน้ำหวานต้องไปหาถ้วยมารอง จึงบอกผมให้ไปหยิบถ้วยในครัวมารอง
ผมเดินไปหยิบในครัว พอมาถึง พี่ชายผมบอกว่า ผมมาช้าเลยกินหมดไปแล้ว ให้เอาถ้วยไปเก็บในครัว
ผมก็เอาถ้วยไปเก็บ พอเดินๆไปอีกสักพัก ก็บอกว่าเห็นอีกรังแล้ว
ให้ผมกลับไปเอาถ้วยมาใหม่ ผมก็รีบวิ่งไปเอาถ้วย แต่พอมาถึง
พี่ชายผมก็บอกว่ากินหมดแล้ว ให้เอาถ้วยไปเก็บอีก ทำอย่างนี้ อีกสองสามรอบ
ผมเลยไม่ยอม ขอเดินถือถ้วยตามไปดีกว่า ไม่งั้นพี่ก็จะกินหมดก่อนทุกที
ผมไม่ได้กินสักที พี่ก็บอกว่า ตอนนี้รังแมงหมาร่าหมดบ้านแล้ว
วันหลังเห็นใหม่จะหาให้กินใหม่ ผมก็เลยจำตั้งแต่นั้นมา เวลาไปเยี่ยมพี่ชายที่สงขลา
หรือต้องจัดของขวัญในวาระพิเศษให้พี่ชายคนเล็ก ผมก็จะมี “รังแมงหมาร่า” กับ
“ทอฟฟี่ดินเหนียว” ห่อกล่องของขวัญ ผูกริบบิ้นอย่างดี พร้อมคำอวยพรให้เสมอ

 

นอกจาก “วีรกรรม”
เพื่อการสอนน้องของพี่ชายคนเล็กของผมดังกล่าวแล้ว พี่ก็ยังสอนการใช้หนังสติ๊กในการยิงนกวิธีการปั้น “ลูกยาง” ที่เป็นลูกกระสุนกลมๆ
ขนาดและน้ำหนักพอดีกับการยิงนก ที่มีเทคนิคการเลือกดินเหนียวที่เมื่อแห้งแล้วจะไม่แตกเป็นฝุ่น
และเทคนิคการ “ปั้นลูกยาง” ครั้งละ 3 ลูก ตากให้แห้ง แล้วพกใส่ถุงผ้าไว้ตอนไปยิงนก
ที่ผมทำได้แต่ไม่เคยยิงนกได้สักตัวเพราะต้องยิงระยะไกล และไม่มีโอกาสที่สอง
อย่างมากก็ได้แค่ยิงลูกมะม่วง และผลไม้ลูกไม่โตนัก สัตว์ที่ยิงได้ก็จำพวกกิ้งก่า
จิ้งเหลน และแย้เท่านั้น ที่มักจะเป็นการไล่ต้อนและยิงได้โดยไม่ยาก สำหรับแย้นั้น
เมื่อลงหลุมแล้ว ก็ยังขุดตามได้อีก ล่าไม่ยาก
แต่ที่ผมทำส่วนใหญ่จะใช้วิธีทำบ่วงดักทิ้งไว้ จะเสียแรงน้อยแต่เสียเวลามากกว่า
ที่ต้องกลับมาเก็บบ่วงที่ดักไว้

 

มีอยู่ช่วงหนึ่ง
พวกเพื่อนๆของพี่ชายผมนิยมการหาลูกนกมาเลี้ยงแข่งขันกัน
ผมยังเด็กเล็กๆก่อนเข้าโรงเรียน ก็แค่ตามไปดู แต่ก็ทำให้ผมได้รู้ถึงลักษณะการทำรัง
และอาหารของนกชนิดต่างๆ ที่พี่ชายผมและเพื่อนๆเขาคุยกัน ว่านกอะไรจะไปจับมาอย่างไร
ช่วงไหน ที่จะโตพอจะนำมาเลี้ยงในกรงง่ายๆหน่อย และใช้อาหารอะไรในการเลี้ยงลูกนกบางคนต้องไปหาจับแมลงจับหนอน มาเลี้ยงลูกนก
ตามที่ตัวเองเข้าใจและสังเกตการณ์กินอาหารของแม่นกและลูกนก ทำให้ผมได้เข้าใจนิสัยการอยู่อาศัยและการกินของนกแต่ละชนิดได้ดีพอสมควรตั้งแต่นั้นมา

ในช่วงที่มีน้ำท่วมบ้าน
พี่ชายผมจะไปส่องปลาโดยใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด วางไว้ในกล่องสังกะสี เปิดด้านเดียว
ที่สามารถใช้ในการส่องปลาได้ แทนการใช้ถ่านไปฉายที่มีต้นทุนสูงกว่า
พี่ชายผมสอนเทคนิคการฟันปลาที่ว่ายน้ำมาตามใต้ถุนบ้านช่วงน้ำท่วม
ตั้งแต่วิธีการใช้มีดที่ไม่คมมาก เพราะถ้าปลาขาดจะได้แต่ท่อนหาง
หัวหายไปไหนก็ไม่รู้ เดินจากท้ายน้ำไปต้นน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำขุ่นมากจนเกินไป
การฟันกดไว้จนน้ำใสแล้วจึงค่อยประเมินผลการฟันว่าสำเร็จหรือไม่ และวิธีการเดิน
และการส่องไฟไม่ให้ปลาตื่นหนีไปหมด ที่เป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน
และนำไปสู่ความสำเร็จได้ ถ้ามีความรอบคอบ และระมัดระวังพอ ที่มาในนามของ
“คนหากินเก่ง” ที่ในครอบครัวผมก็มีพ่อผมกับพี่ชายคนกลางทำได้ดีที่สุด
ผมกับพี่ชายคนเล็ก ก็แค่เล่นสนุกๆเสียมากกว่า
แล้วเราก็ไม่มีเวลาพัฒนาความสามารถในด้านนี้ เพราะต้องไปอยู่วัด
และอยู่ในเมืองกันเป็นส่วนใหญ่

 

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพี่ชายคนเล็กก็เรื่องของการหาผึ้งสารพัดรูปแบบ
เพราะพ่อผมจะสอนให้พวกผมให้รู้จักวิธีหาผึ้ง
โดยการสังเกตการณ์บินของผึ้งที่มาหาน้ำหวาน พอเจอที่ไหน พ่อจะไม่ค่อยไปตีผึ้งเอง
แต่จะกลับมาบอกให้พี่ชายคนกลาง หรือบางทีก็พี่ชายคนเล็กไปตีผึ้งแทน โดยการเขียนแผนที่ลายแทงให้ไปหาเอง
ที่เป็นการเรียนเรื่องการทำแผนที่ ให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ ต้องทำอย่างไร
ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่พ่อผมสอนทางอ้อม

ส่วนใหญ่ที่พ่อพบและบอกพวกผมจะเป็นผึ้งมิ้ม
รังขนาดเท่าจานข้าว พ่อสอนให้สังเกตขนาดรังและขนาดที่เก็บน้ำหวานว่าขนาดพอเหมาะหรือยัง
ถ้ารังแก่ไปหรืออ่อนไปก็เสียเวลาเปล่าๆ แต่ที่ยังไงก็ดูยากก็คือ ผึ้งหลุม
ที่อยู่ในดิน ที่มักเป็นโพรงปลวกเก่า และผึ้งโพรงตามต้นไม้
ที่ต้องสังเกตจากจำนวนแม่ผึ้งที่บินเข้าออกรัง และคาดคะเนจากฤดูกาลเป็นหลัก

การตีผึ้งรังในพุ่มไม้นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ
แค่ก่อไฟเหนือลมให้ควันลอยผ่านรังผึ้งแล้วนำใบไม่สดมาคลุมกองไฟให้เกิดควันมากๆ
พอผึ้งแสดงอาการเมาควัน เกาะกันเป็นก้อน เราก็เปิดช้องเข้าไปตัดเอารังได้เลย
ที่สมัยก่อนจะต้องยืมกรรไกรหนีบมากของแม่ไปใช้ทุกครั้ง เพราะถ้าใช้มีดตัด
รังจะแตกเละ เสียของ

สำหรับคนที่สูบบุหรี่ก็จะยิ่งง่ายไปอีก
เพียงพ่นควันบุหรี่ไปที่รังผึ้งก็ได้ผลแล้ว ที่สามารถตีผึ้งที่อยู่ในที่สูง
บนต้นไม้ ผึ้งโพรง และผึ้งหลุมได้อีกด้วย

เช่นครั้งหนึ่ง
พี่ชายผมได้เตรียมอุปกรณ์ครบครับ ขึ้นไปตีผึ้งบนยอดต้นมะม่วงหลังบ้านสูงประมาณ 6
เมตร ที่มีรังมดแดงเต็มต้น จึงได้วางแผนปราบและป้องกันมดแดงโดยใช้ขี้เถ้าโรยตามกิ่งมะม่วงให้มดแดงไต่ไม่ได้
นำบุหรี่มวนโตขึ้นไปพร้อมไม้ขีดไปหนึ่งกล่อง ปรากฏว่าพอจะถึงยอดมะม่วง
มดแดงไต่มาตามกิ่งเล็กๆที่ยังไม่โรยขี้เถ้ามากัดพี่ชายผม พี่ชายผมเลยต้องปัดมดแดง
ทำให้กิ่งมะม่วงเขย่าก่อนที่จะทันได้จุดบุหรี่พ่นรังผึ้ง
ผึ้งก็แตกรังมาต่อยพี่ชายผม และมดแดงก็กัดทั้งตัว ต้องยอมถอยทัพแบบรีบด่วน
แบบรูดต้นมะม่วงลงมา

นี่ก็เป็นบทเรียนที่พี่ชายผมทำให้ดูจนติดตา
ให้ทราบว่าแผนแม้จะวางไว้อย่างดี แม้ผิดพลาดนิดเดียวก็เป็นเรื่องใหญ่
และจะใหญ่กว่านั้นอีกถ้าพลาดตกต้นมะม่วงในวันนั้น

สำหรับการตีผึ้งหลุม
จะต้องมีการเตรียมเพิ่มเติมอีกคือ ต้องหาก้านมะละกอที่เป็นโพรงไว้เป่าควันบุหรี่ลงไปในโพรงจนทำให้ผึ้งเมา
แล้วค่อยๆขุดเอรังและน้ำหวาน แบบเดียวกับผึ้งโพรง

ประสบการณ์ที่ไม่สำเร็จอีกเรื่องหนึ่งก็คือการไปการตีรังต่อหัวเสือที่ในสวนหัวนา
ที่พี่ชายผมใช้ความพยายามที่ขาดการเตรียมการอย่างถูกต้อง โดนต่อไล่ต่อยกระเจิง
วิ่งหนีอย่างสุดกำลัง และไม่กล้ากลับไปอีกเลย

นอกจากนั้น
พี่ชายผมยังสอนวิธีการขี่ควายข้ามคลอง ที่อันตรายมาก โดยเฉพาะเวลาควายลงคลอง
เราอาจะหล่นไปโดนเขาควาย ที่มีเพื่อนพี่ชายผมโดนเขาควายแทงจนแก้มทะลุ ต้องมาหาหมอพื้นบ้านช่วยกันเย็บรักษาแผล
แต่ก็เป็นแผลเป็นที่แก้ม

สมัยที่ผมเข้าโรงเรียนอยู่ประมาณชั้นประถมปีที่
2 ผมพบกับพี่ชาย และถามผมว่าผิวปากเป็นไหม ผมบอกว่าผิวไม่เป็น พี่ผมผมบอกว่า
ถ้าไม่หัดผิวปาก โตขึ้นเขาจะไม่ให้เป็นทหาร ทั้งๆที่ผมก็ไม่เคยคิดจะเป็นทหาร
แต่ก็ไม่อยากเสียสิทธิ์ ก็เลยหัดผิวปากอยู่หลายเดือนจนผิวเป็นเพลงได้
ใช้เวลาเกือบปี

 

การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแต่เจตนาดีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ
พี่ชายบอกผมว่า ถ้าใครท่องภาษาอังกฤษได้ จาก a-z พอไปเข้าโรงเรียนชั้น ม. 1 เขาจะให้ขึ้นไปเรียนชั้น ม. 2 เลย ทำให้ผมตั้งใจท่องภาษาอังกฤษแบบท่องจำเสียง a-z ได้อย่างคล่องแคล่ว ตั้งแต่อยู่ชั้น ประถมปีที่ 2
และนำหนังสือภาษาอังกฤษ ม. 1 ของพี่มานั่งอ่านแล่นและท่องเป็นคำพูดสำเนียงไทยได้หลายประโยคเพื่อเตรียมขึ้น
ม. 2 อย่างที่พี่ชายบอก แต่พอถึงรุ่นผม เขาเปลี่ยนจาก ม. 1 เป็น ป. 5
ก็เลยไม่กล้าไปถามพี่ชาย เพราะเข้าใจว่ากติกาคงเปลี่ยนไปแล้ว
และมาทราบตอนหลังว่าพี่ชายผมหลอกให้ผมสนใจภาษาอังกฤษมากกว่า

บทเรียนเรื่องการแต่งตัวนอนนั้น
พี่ชายผมได้สอนผมทางอ้อมว่าไม่ควรแต่งตัวรัดรูปเกินไป จะทำให้อึดอัดและฝันร้าย
เช่นวันหนึ่งสมัยพี่ชายผมอยู่ประมาณชั้นประถมปีที่ 3 พ่อผมใจดีอย่างไรไม่ทราบ
ไปซื้อเข็มขัดนักเรียนมาให้หนึ่งเส้น พี่ชายผมเห่อมาก ถึงกับใส่นอน และมาบอกภายหลัง
ว่าฝัน ว่า “งูรัดเอว” ตะโกนลั่นบ้าน ทุกคนตกใจตื่น รวมทั้งผมด้วยพี่ชายผมตะโกนบอกให้แม่รีบจุดตะเกียง และหาไม้มาตีงูหน่อย มันกำลังรัดเอวแน่นเลย
ตอนนี้จับหัวมันไว้แล้ว พอแม่จุดตะเกียงเสร็จทุกคนก็วิ่งมาถึงพี่ชายผม และเตรียมตัวตีงูที่รัดเอวพี่ชายผมไว้
แต่ทุกคนก็ขำกันทั้งบ้าน คุยกันโขมง ก่อนจะเงียบเสียงและหลับต่อ กันอีกครั้งหนึ่ง

 

สิ่งที่พี่ชายผมได้สอนทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้น
ผมไม่มีอะไรติดใจ ยังจำได้ และพยายาม “หาโอกาส” “ตอบแทน” อยาเสมอๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังติดใจก็คือ สมัยเด็กๆผมเลี้ยงแมวตัวเมียไว้ตัวหนึ่ง จับหนู
จับปลาเก่งมาก ผมได้กินปลาช่อนตัวโตๆ จากแมวตัวนี้บ่อยมาก วันหนึ่ง พี่ชายผมมาขอยืมไปใส่เข่งหามแห่นางแมว
ผมไม่ยอมให้ แต่พอกระบวนแห่นางแมวมาถึงบ้านผม ผมจึงรู้ว่าในที่สุดพี่ชายผมแอบเอาแมวที่ผมรักมากๆ
ไปใส่เข่งหามทั่วหมู่บ้านให้เขาสาดน้ำใส่ ตามพิธีแห่นางแมวที่ผมยังรู้สึกว่าไม่น่าทำ เพราะเราตกลงกันไว้แล้ว
แต่คงเป็นเพราะพี่ชายผมขัดเพื่อนไม่ได้ จำเป็นต้องมาแอบเอา “นางแมว” ของผมไปแห่

ก่อนผมจะเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ
พี่ชายผมเข้าไปเรียนที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา ตอนสมัยผมอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2504 พี่ชายผมกลับมาเยี่ยมบ้าน
และเราก็ไปขึ้นต้นฝรั่งกินกันเล่นๆ สนุกๆ ตามประสาเด็ก ที่สวนวัดโพธิ์ ผมได้ถามพี่ชายผมว่า
คนกรุงเทพเป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายผมตอบแบบขำๆว่า คนกรุงเทพฯนี่แปลกมาก เขาจะกินเฉพาะเปลือกฝรั่งเนื้อโยนทิ้ง ผมรู้สึกขำมาก เป็นไปได้ยังไง จนผมเข้ากรุงเทพฯ
ผมจึงเห็นกับตาตัวเอง ทุกวันนี้ไม่เฉพาะกรุงเทพฯ ในเมืองส่วนใหญ่ก็ทานฝรั่งกันแบบนี้
จนกระทั่งมีการคัดเลือกพันธุ์ฝรั่งไร้เนื้อ มีแต่เปลือก พัฒนา
เพราะเขกินกันเฉพาะเปลือก เป็นประเพณีและความเชื่อในการทานฝรั่ง ไปถึงขนาดนั้นเลย

ที่สรุปได้ว่า
การเรียนรู้จากคนรอบข้างเป็นเรื่องที่สำคัญ ทำให้เกิดความเข้าใจ เรียนรู้นิสัยใจคอ
ความคิดความอ่านกันได้จากการเรียนรู้ร่วมกัน ที่จะทำให้เกิดสังคมแห่งความเข้าใจกัน
และเป็นสุขกว่า สังคมที่เลื่อนไหลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จนทำให้เราเรียนรู้ไม่ทัน และใช้ชีวิตที่ผิดพลาดได้โดยง่าย

ดังนั้น บทเรียนของการอยู่ในสังคมเครือญาติ
น่าจะทำให้เรารู้จักและเข้าใจกันได้ง่ายกว่าสังคมกว้างๆที่มีทั้งฐานความคิดและระบบสังคมที่หลากหลาย
ที่ซับซ้อนต่อการปรับตัว และน่าจะเป็นสังคมที่เรียบง่าย กันเอง
และเป็นสุขมากกว่ากันครับ

หมายเลขบันทึก: 512243เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2012 16:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2012 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณครับ กำลังจะทำหนังสือ มีภาพประกอบด้วยครับ ลองดูว่าจะตรงกันไหมนะครับ

แล้วพี่ชายอาจารย์ท่านเรียนอะไรต่อคะ ท่าทางน่าจะเป็นคน"ลุย"น่าดูเหมือนกัน ชีวิตน่าจะสนุกไม่แพ้อาจารย์ ไม่ชวนมาเขียนบล็อกบันทึกบ้างล่ะคะ น่าจะเป็นทรัพยากรทางปัญญาที่ดีสำหรับคนรุ่นหลังนะคะ ขอบคุณอาจารย์ที่เก็บมาเล่าได้อย่างละเอียดละออ อ่านสนุกด้วยค่ะ 

ก็ลุยกว่าผมเยอะละครับ

ตอนนี้ไปตั้งครอบครัวที่สิงหนคร สงขลา

ช่วงนี้ไปลุยตรวจโรงเรียนทั่วประเทศ เป็นลูกจ้าง สมศ. อยู่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท