ร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิต


 

  ☺ร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิต

ความ คาดหวังกับเรื่องราวต่าง ๆ ของชีวิตดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่ก่อเกิดกับทุกคน ๆ กับทุก ๆ ชีวิต ล้วนแล้วแต่มีความคาดหวังและในการคาดหวังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของตัว เราเองที่ว่าจะคาดหวังกับมันมากน้อยเพียงใด บางคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากหน่อยก็อาจจะคาดหวังกับไรบางอย่างของชีวิต มากถึงเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิตก็มี บางคนมีความมั่นใจน้อยไปหน่อยก็อาจคาดหวังได้แค่เพียงนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่เต็มร้อย บ่อยครั้งที่เราเองกลับได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างของเราบอกกับเราว่าให้มั่น ใจหน่อยให้มันเต็มร้อยไปเลย อย่ากลัวให้มันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์กับชีวิต พูดง่าย ๆ ก็คือการทุ่มเทนั้นเอง ทุ่มให้มันสุดตัวว่างั้นเถอะ

มีแต่ คนพูดว่าให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลยกับชีวิต ทว่าชีวิตจริงไม่มีใครหรอกที่จะมีชีวิตที่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิตได้ ฉันเพิ่งค้นพบกับทฤษฎีนี้ซึ่งเป็นทฤษฎีใหม่สำหรับฉันเองกับทฤษฎีที่ว่า ชีวิตไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเป็นความรู้ใหม่สำหรับฉัน ที่ฉันได้รับจากการพูดคุยกับ รศ.ดร.อะกิโนะ โอวาดะ ท่านบอกกับฉันว่าในชีวิตจริงนี้ไม่มีใครหรอกที่จะมีชีวิตที่เต็มร้อย เปอร์เซ็นต์ของชีวิต เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่ขอให้เชื่อท่านเถอะว่ายังไงเสียก็ไม่มีใครที่จะมี ชีวิตที่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ดูเหมือนว่าฉันคงจะแสดงสีหน้าอาการที่บ่งบอกถึงอาการสับสนเล็กน้อยในสิ่งที่ ท่านได้พูดให้ฟัง และด้วยสีหน้าของฉันนี่เองท่านจึงได้อธิบายต่อให้ฉันฟังว่า “ในร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิตไม่มีใครมีชีวิตที่เต็มร้อย”

ถ้าเราแบ่ง ชีวิตออกเป็น 4  ส่วนด้วยกัน 30% แรกคือตัวเราเอง อีก 30% ส่วนที่สองคือสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่และอีก30%ส่วนที่สามคือ ส่วนของโชค ลาภ วาสนา และอีก10% คือส่วนที่หายไปในส่วนที่สี่  ท่านบอกกับฉันว่า 30% แรกคือตัวเราเองที่หมายถึงความคิดของเรา การกระทำของเราเอง เราเลือกที่จะกระทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เราเรียนรู้ได้และเราฝึกฝนได้ด้วยตัวของเราเองเราคิดได้ด้วยตัวของเราเอง สำคัญที่ว่าเราเต็มที่หรือยังกับตัวเราเอง เราจะให้ตัวเราเองสักกี่เปอร์เซ็นต์ในส่วนแรก ส่วนนี้นับว่าสำคัญมากเพราะถ้าเราเต็มที่แค่ 30%แล้ว ส่วนต่อ ๆ ไป เราก็ไม่ต้องไปดูมันเพราะในเมื่อเราเต็มที่แล้ว30% เต็มเราก็สามารถเลือกสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่เราจะอยู่ได้เช่นกัน คนที่เต็มที่กับตัวเองแล้วย่อมเลือกสังคมที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง หมายถึงเลือกเต็มไปเลย 30% เต็มเช่นกัน ถ้าตัวเอง30% เต็มบวกกับส่วนสังคมและสิ่งแวดล้อมอีก30% ก็เท่ากับว่าเรามีชีวิตเต็มเป็น 60% แล้ว ไม่ต้องอาศัยส่วนที่สามก็ได้ เพราะถ้าเรามีบุญหรือว่าโชค ลาภ วาสนา น้อยขอเพียงแค่สัก 5 % ก็เพียงพอแล้ว เท่ากับว่าเรามีชีวิตเป็น65% ในส่วนของ 90% เพราะอีก10% คือส่วนที่หายไป 65 ในส่วนของ 90 ถือว่าเรามีชีวิตที่ผ่านครึ่งหนึ่งไปแล้วนะคะ เราก็สามารถใช้ชีวิตไปอย่างสบาย ๆ ได้นะคะ

ตรงนี้ท่านชี้ให้เราเห็น ว่า “สำคัญอยู่ที่ตัวเรา” เราเต็มที่หรือยังกับชีวิต เพราะถ้าเราเต็มที่แล้ว ถือว่าเราคิดเป็นทำเป็นคิดดีทำดีได้ดีนั้นเอง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องมาอาศัยโชค ลาภ วาสนา เข้ามาช่วยนะคะ เพราะเมื่อเราคิดดีทำดีเราต้องเลือกสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับตัวเรา เองได้เช่นกัน ท่านเน้นในเรื่องของตัวเรามากที่สุดสำคัญที่สุดอยู่ที่ส่วนแรกในส่วนที่เป็น ตัวเรา เพราะถ้าตัวเราดีเราคงไม่เลือกที่จะไปอยู่ในสังคมที่ไม่ดีในสิ่งแวดล้อมที่ ไม่ดีเช่นกัน มีแต่คนที่คิดไม่เป็นเท่านั้นที่ไปอยู่ในสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีนะคะ แม้ว่าเราจะเป็นผู้ที่มีบุญโชค ลาภ วาสนา มากเต็มที่ 30 % ก็ตาม แต่ถ้าเราไม่ดีตัวเองไม่เต็มที่คิดไม่ได้ก็ทำดีไม่ได้เช่นกันแม้มีบุญจะ มาสนับสนุน มันก็จะสูญเปล่า

หลายคนที่ประสบความสำเร็จกับชีวิตด้วยตัว เขาเอง เพียงแค่เขามีความคิดมีส่วนที่เป็นตัวตนแม้จะมาจากพื้นฐานทางสังคมหรือว่า สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีก็ตามที ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนฉันคนหนึ่ง นพ.สุชาติ เลิศการช่าง มาจากชีวิตของเด็กสลัม แต่เพราะตัวตนในส่วนแรกดีที่คิดดีคิดเป็นทำเป็นที่สุดแห่งชีวิตการศึกษาทำ ให้เป็นนายแพทย์ เห็นได้ว่าเขาเลือกที่จะอยู่ในสังคมที่ดีได้เช่นกัน จากชีวิตเด็กสลัมกลายเป็นด็อกเตอร์ อันนี้จะชี้ให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถึงแม้สังคมหรือสิ่งแวดล้อมจะไม่ดี ก็ตามที่เถอะมันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับตัวเรานั้นเอง

ความจริงของชีวิต ทุกคนสามารถประสบกับความสำเร็จของชีวิตได้ด้วยตัวของตัวเองเพียงแค่คิดเป็น ทำเป็นเต็มที่กับตัวเองค้นหาตัวเองให้ได้เสียก่อน แล้วสิ่งอื่น ๆ ก็จะตามเข้ามาเองโดยไม่ต้องมาอาศัยโชค ลาภ วาสนา เข้ามาช่วย เพราะในชีวิตที่ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิตนั้นมันมีอยู่จริง ไม่มีใครที่มีชีวิตเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ สูงสุดได้เพียงแค่ 90% เพราะอีก 10% คือส่วนที่หายไปตามที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นนั้นเอง มันอยู่ที่ตัวเราเช่นกันว่าเราจะเลือกให้ตัวเองมีชีวิตสักกี่ร้อย เปอร์เซ็นต์ดี เราสามารถปรับเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ของชีวิตเราได้

เพียง แค่เราเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนวิธีการเปลี่ยนในส่วนที่เป็นส่วนแรกในส่วนของ ตัวตนให้ได้เสียก่อน “Change” คือการเปลี่ยนแปลง และเป็นวิธีการที่ดีสุดที่นำเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามมาอีกที  ในร้อยเปอร์เซ็นต์ของชีวิตที่ชีวิตจริงไม่มีใครมีชีวิตที่เต็มร้อยนั้น แต่เชจเท่านั้นที่ช่วยเราปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ถึง 90% ของชีวิตได้ เพียงแค่เราเปลี่ยนตัวเราด้วยการ Change เชจในส่วนที่เป็นตัวตนเป็นตัวเราเป็นความคิดของเราให้ทำดีดีคิดดีนั้นเอง แล้วสิ่งอื่น ๆ ก็จะดีตาม

หมายเลขบันทึก: 511368เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2012 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 12:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบการเขียนแนวนี้มากนะคะพี่มณีเทวาเป็นกำลังใจให้นะคะ รับไปเลยค่ะดอกไม้สวยๆๆอิอิ...


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท