ผู้รับบริการรายที่ 1 เดินทางมาจาก จ.เพชรบุรี เป็นพระวัย 27 ปี ได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์เป็น "จิตเภท" มาพร้อมกับมารดา
ดร.ป๊อป ประเมินพบว่า 1. ขาดความมั่นใจในตนเอง 2. มีหูแว่วและประสาทหลอนว่า "หน้าบื้อและเสียงคนรอบข้าง" 3. อยากมีทักษะการรู้คิดปัญญาในการทำกิจของสงฆ์
จากนั้นจึงแนะนำ 1. การทำสมาธิและสั่งจิตสำนึกให้ตนเองมั่นใจโดยรับรู้เสียงการนับจำนวนครั้งของการเคลื่อนไหวผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามลำดับส่วน (หลับตา นับ 1-10 ต่อ 1 รอบ ฝึก 5 รอบ) ในท่านอนหงาย พร้อมใช้น้ำล้างหน้าและสัมผัสหน้าด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างให้รับรู้ว่า มีสติ หน้าตาสดใส และพร้อมทำกิจกรรม ข้อนี้ให้ทำเมื่อรู้สึกว่า มีอาการหูแว่วและประสาทหลอน
2. ขณะเดินที่ไร้จุดหมายในแต่ละวัน ให้เดินเรียกสติโดยก้าวเท้าซ้ายนำเท้าขวา 1-10 ก้าวเท้าขวานำเท้าซ้าย 1-10 และก้าวสลับเท้าซ้ายขวา 1-10 แล้วเดินทำกิจกรรมที่มีความหมาย เช่น กวาดลานวัด เดินบิณฑบาต ฯลฯ
3. เขียนวางแผนความคิดว่า อยากทำกิจของสงฆ์แบบใด แล้วนำไปปรึกษาพระพี่เลี้ยง เพื่อฝึกเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ เช่น สวดมนต์พิธี รับนิมนต์ ฯลฯ แล้วมีการประเมินความมั่นใจจาก 0-10 หลังทำกิจกรรมเท่าที่จะทำได้ โดยสื่อสารดังๆ กับตนเองว่าให้ได้อย่างน้อย 6-7/10
ติดตามผลใน 3 เดือน
ผู้รับบริการรายที่ 2 เด็กชายวัย 4 ขวบ มาพร้อมผู้ปกครอง จากเขตอ่อนนุช สู่ ต.ศาลายา
ดร.ป๊อป ประเมินพบว่า 1. มีสมาธิจดจ่อในการเล่นกับกิจกรรมที่สนใจได้นาน 2. มีภาวะไม่อยู่นิ่งเมื่อมีการบังคับเล่น 3. มีการรับรู้ทางการมองเห็นช้ากว่าการรับรู้ทางการได้ยิน และ 4. มีภาวะอารมณ์ร้องไห้มากเกินควร (จากข้อ 2. ที่ไม่ให้เล่น จะไม่ยอมกลับบ้าน และร้องเสียงดังมากจนไม่น่ารัก)
จากนั้นจึงแนะนำ 1. จัดกิจกรรมที่เน้นการใช้ตา-มือ บนโต๊ะ โดยไม่มีการจับทำ ไม่มีการบังคับ และไม่มีการซักถามมากเกินไป ทั้งนี้เน้นการสาธิตและถามปลายเปิด หากไม่ตอบสนอง ก็แนะนำด้วยภาษาท่าทาง และ/หรือวาจา
2. ต้องได้รับการปรับพฤติกรรมแบบใช้เวลานอกและเพิกเฉยไม่เกิน 5 นาที โดยการกอดและไม่พูดอะไรเมื่อเด็กร้องไห้เสียงดัง จากนั้นก็พาเด็กไปทำนอกบริเวณที่เด็กยึดติดกับกิจกรรม และควรใช้การสื่อสารเงื่อนไขเวลาในการเล่น การกิน (ไม่ต้องช่วยป้อน) และการจัดกิจกรรมที่ระบายแรงขับจำพวกกีฬาอย่างสม่ำเสมอ
3. แนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมกับจิตแพทย์ เพื่อยืนยันว่ามีภาวะ ADHD หรือไม่
ทั้งสองรายผู้รับบริการนี้ ดร.ป๊อป ไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเฉลิมฉลองในวันกิจกรรมบำบัดสากล ทุกวันที่ 27 ต.ค. ของทุกปี
ขอบคุณ Dr. Pop .... มากๆๆ นะคะ ... ดูแล...คนเพชรบุรี .... ให้พี่เปิ้น นะคะ
ขอบคุณมากครับพี่ดร.เปิ้ล พี่ดร.ขจิต และพี่จำลอง
ขอบคุณมากค่ะ น้องดร.POP
แบ่งปันจิตมิตรไมตรีเกื้อหนุนนำ
หาน้ำคำมาขอบคุณยังน้อยเฝือ
คุณค่าแห่งความดีและจุนเจือ
สุดจะเหลือแบ่งปันน้ำใจงาม
ขอบคุณมากครับสำหรับบทกลอนดีๆ จากคุณครูต้อย
ขอบคุณมากครับพี่โอ๋และพี่เหมียว
ขอบคุณมากครับ ทพญ.ธิรัมภา
เนื่องในวันกิจกรรมบำบัดสากลวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา ดร.ป๊อป ได้มีโอกาสทำความดีตามบันทึกนี้และเพิ่งออกรายการสุขภาพดี 4 วัย เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 55
เพิ่มอีกภาพ ด้วยความขอบคุณแด่น้อง อ.อร ที่ช่วยส่งภาพมาให้ครับ
ขอรับการแก้ปัญหาสุขภาพทางSMS 4642121 นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากครับคุณครูต้อย
ขอบคุณมากครับคุณ Lhin
Dr. Pop จากบันทึกของอาจารย์ป๊อปทำให้หนูได้เห็นถึง การรักษาของอ.ป๊อปว่า ไม่จำเป็นที่ผู้รับบริการจะต้องมาหานักกิจกรรมบำบัดทุกวัน แต่เราสามารถใช้เวลาในไม่กี่ชั่วโมงช่วยรักษาเขาได้ เช่นการแนะนำกิจกรรมเพื่อให้
ผู้รับบริการกลับไปทำกิจกรรมด้วยตนเองและรอติดตามผลว่ากิจกรรมที่ให้ ช่วยรักษาให้ผู้รับบริการดีขึ้นได้จริงหรือไม่ เป็นแนวทางการรักษาที่ทำได้จริง
ซึ่งหนูคิดว่าถ้าหากหนูได้เป็นนักกิจกรรมบำบัดแล้ว เมื่อมีผู้รับบริการที่มาเข้ารับการรักษาทางกิจกรรมบำบัด การรักษาควรเน้นให้ผู้รับบริการเป็นผู้ริเริ่มทำกิจกรรมเอง หรือทำกิจกรรมด้วยตนเองจะได้ผลมากกว่าการที่ให้นักกิจกรรมบำบัดคอยบอกให้ทำ คอยช่วยเหลือ อาจจะใช้ได้ในผู้รับบริการที่มีแรงจูงใจแต่ถ้าหากผู้ที่ไม่มีแรงจูงใจอาจต้องกระตุ้นและประเมินหาแรงจูงใจหรือความสนใจของผู้รับบริการเพื่อหากิจกรรมการรักษาที่เหมาะสมและผู้รับบริการมีความพึงพอใจในการรับการรักษา
ดิฉันคิดว่าการเป็นนักกิจกรรมบำบัดไม่ได้มีความสุขเพราะได้เงินจากการรักษาผู้รับบริการ แต่เป็นความสุขต่างหากที่เราได้รับจากการรักษาผู้รับบริการ การที่ได้เห็นผู้รับบริการที่เรารักษามีอาการดีขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงิน ยิ่งอาการของเขาดีขึ้นมากเท่าไหร่เรายิ่งมีความสุขมากเท่านั้น