เพื่อนๆ เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ตีเกราะเคาะไม้ บ้างไหมค่ะ คำว่าตีเกราะเคาะไม้นี้มีที่มาจากการตีเกราะซึ่งทำด้วยไม้ เพื่อเรียกประชุม หรือบอกเหตุร้ายต่างๆค่ะ
เกราะ หรือ เหลาะ หรือ เขลาะ เป็นเครื่องสัญญาณที่นิยมในสมัยก่อน เพื่อบอกความเคลื่อนไหวให้เป็นที่สังเกต นัดแนะ หรือบอกเหตุร้าย เกราะ แบ่งตามการใช้สอยได้ 2 ประเภท คือ เกราะสำหรับแขวนคอสัตว์ และเกราะสำหรับตีให้สัญญาณ (ในรูปที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ดูนี้ คือ เกราะสำหรับตีให้สัญญาณค่ะ)
เกราะสำหรับตีให้สัญญาณ แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
1. เกราะไม้เดี่ยว เป็นเกราะไม้แก่น มีขนาดและรูปทรงคล้ายกลองแขกหรือกลองสองหน้า ด้านข้างผ่ากว้างราว 2 นิ้ว ขุดให้กลวง หัวท้ายตัน ตีด้วยไม้กลมขนาดเท่าข้อมือ ยาวประมาณ 2 ฟุต เกราะไม้เดี่ยวใช้ตีนัดแนะในการประชุม เช่น ผู้ใหญ้บ้านประชุมลูกบ้าน โดยจะตีจังหวะช้าและหนักแล้วค่อยเร่งเร็วตอนปลาย และเริ่มจังหวะช้าใหม่
2. เกราะ 2 ไม้ ทำด้วยไม้ไผ่ขนาดโตเนื้อหนา 1 ปล้อง ตัดหัวท้ายให้ติดข้อ แล้วเจาะด้านข้างอย่างเกราะไม้เดี่ยว ตีด้วยไม้กลมขนาดเหมาะมือ เกราะ 2 ไม้ ใช้ตีบอกเหตุร้าย เช่น เกิดการปล้น เกิดฆาตกรรม โดยจะตีจังหวะเรงเร็วติดต่อกันไปเป็นเวลานาน (บางครั้งอาจใช้เกาะไม้เดี่ยวตีเป็นเกราะ 2 ไม้ก็ได้ค่ะ)
ในปัจจุบันยังคงมีเกราะให้เห็นและใช้งานอยู่บ้างนะคะ แต่ลดน้อยลงแล้วค่ะ เพราะแต่ละหมู่บ้านมีเคื่องขยาย หรือวิทยุชุมชนเพิ่มมากขึ้นค่ะ
เอกสารอ้างอิง
- สถาบันทักษิณคดีศึกษา. สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ.2529 เล่ม 10. กรุงเทพฯ : อมรินทร์การพิมพิ์, 2529.
แต่ก่อนนี้ เมื่อเกิดวิกฤติหรือปัญหาขึ้นในชุมชนหรือหมู่บ้าน ซึ่งมีเขตหรือพื้นที่ชัดเจน ก็จะมีพิธีกรรม/กิจกรรม/วิธีการต่างๆ เป็นเครื่องมือระดมคนในชุมชนมาร่วมกันแก้ปัญหา อย่างการแห่นางแมวขอฝนของอีสานแม้จะดูงมงายในสายตาของคนยุคใหม่ แต่นี่แหละเป็นอุบายสำคัญในการดึงคนในชุมชนเข้ามาแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่โยนให้เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง การตีเกราะเคาะไม้ก็เหมือนกัน
ทุกวันนี้ ชุมชนเปลี่ยนแปลงไป เขตแดนหรือพื้นที่ไม่สำคัญ เกิดชุมชนในลักษณะใหม่ๆ ที่ไร้พรมแดน ไร้พื้นที่ อย่างเช่น ชุมชนอินเตอร์เน็ต เป็นต้น สมกับเป็นยุคฟ้าบ่กันจริงๆ เครื่องมือที่ใช้จึงเปลี่ยนไป