แกงดอกขี้เหล็ก


เมนูบ้านนา :

แกงดอกขี้เหล็ก

 

 

 

แกงดอกขี้เหล็กใส่เนื้อหมู

 

 

        วันนี้ นำวิธีทำ "แกงดอกขี้เหล็ก" มาฝากครับ ซึ่งเป็นเมนูอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของชาวเหนือ

        อันว่า "ขี้เหล็ก" นี้  เป็นพืชยืนต้นที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน  มีประโยชน์ทั้งการนำมาทำอาหารและสรรพคุณทางยาแผนโบราณ

        ชาวภาคเหนือนิยมนำเอา "ดอกขี้เหล็ก" มาแกงรับประทาน ส่วนใบขี้เหล็กนั้นนิยมนำไปลวกจิ้มกับน้ำพริก

        ส่วนภาคอีสานและภาคอื่นๆ นิยมนำเอา "ใบขี้เหล็ก" ไปแกงรับประทาน และไม่ค่อยนิยมรับประทานดอกขี้เหล็กมากนัก

        ถือว่าเป็นความเหมือน...ที่แตกต่างจริงๆ

        แต่ไม่ว่าจะแกงดอกหรือใบก็ตาม  ถ้าหากทำถูกวิธีแล้ว รับรองว่าไม่ขมและอร่อยสุดยอดอย่างแน่นอนครับ

        สำหรับขั้นตอนในการ "แกงดอกขี้เหล็ก" นั้น  ขอให้ทุกท่านโปรดอ่านวิธีทำได้จากคำบรรยายใต้ภาพที่ผมนำมาไว้ด้านล่างนี้นะครับ

 

 

       

       

ดอกขี้เหล็กที่บานอยู่บนต้น

คัดเอาเฉพาะดอกที่ยังไม่บานเท่านั้น

ต้มจนสุก 3 น้ำ

เวลาต้มจะนำกาบกล้วยมาใส่ไว้ด้วย เพื่อช่วยให้รสขมจางลงเร็วขึ้น

ต้มครบ 3 น้ำแล้ว

มะพร้าวที่ขูดและนำมาคั้นเอากะทิสดสำหรับใส่แกงดอกขี้เหล็ก

ต้มน้ำกะทิให้สุก พร้อมทั้งใส่เนื้อหมูและเครื่องปรุงต่างๆ ลงไป

จากนั้นค่อยนำเอาดอกขี้เหล็กลงไปต้มให้สุกอีกครั้งหนึ่ง

"แกงดอกขี้เหล็กใส่เนื้อหมู" ที่ทำเสร็จแล้ว

น่ากินไหมเอ่ย?

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 504497เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2012 14:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 16:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

แกงดอกขี้เหล็ก...เป็นอาหารยา...ด้วยนะคะ  

  • ขอบคุณค่ะ
  • ได้ความรู้เรื่องต้มผักขี้เหล็กให้จืดเร็วด้วยค่ะ

 

เคยกินแต่แกงใบขี้เหล็ก....แกงแดงขี้เหลืองไม่เคยกินครับ....ถ้าไปบ้านพี่เพลินทำให้กินด้วยนะครับ..."...เวลาต้มจะนำกาบกล้วยมาใส่ไว้ด้วย เพื่อช่วยให้รสขมจางลงเร็วขึ้น..." เคล็ดนี้...นำไปใช้กับแกงใบขี้เหล็กได้หรือไม่ครับ...

อาหารพื้นบ้าน มาแต่สมัยโบราณ ได้ทั้งใส่กะทิและแกงป่า ถ้าเป็นเนื้อย่างอร่อยมากๆ (สำหรับคนทานเนื้อ)และปลาย่าง

สวัสดีครับ คุณพี่ ...Dr. Ple

 

ขี้เหล็กเป็น...อาหารยา ตามตำราที่บอกว่า...หวานเป็นลม ขมเป็นยา นะครับ

สวัสดีครับ คุณสุภัทรา เจติโคตร

 

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ

 

กลับมาอ่านใหม่ผมพิมพ์ผิดร้ายแรงมากครับ...ขอโทษมากครับ..

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)

 

*ผมยังมึนและงงกับมุก "แกงแดงขี้เหลือง" ของคุณหมอยังไม่หายเลยนะครับ ...มึนตึ๊บเลยจริงๆ 555

** เคล็ดลับนี้ สามารถนำไปใช้กับใบขี้เหล็กได้ด้วยนะครับ คุณหมอ

ชอบมากค่ะ แต่ภาคอีสานต่างตรงที่ไม่ใส่กะทิค่ะท่าน อร่อย ๆๆๆๆ

สวัสดีครับ คุณหมออนามัย

 

* ทางภาคเหนือ นิยมนำดอกมาแกงนะครับ ส่วนใบนั้นนิยมต้มแล้วเอาไปจิ้มน้ำพริก เช่น น้ำพริกปลาทู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง เป็นต้น ....ส่วนมากผู้ใหญ่จะกินกันนะครับ ส่วนเด็กๆ นั้นไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่

** แกงใส่ "หนังควายจี่" ก็อร่อยมากๆ เช่นกันนะครับ เวลาเคี้ยวจะรู้สึกหนึบหนับๆ ดีมากเลยครับ

สวัสดีค่ะ มาด้วยความอยาก โหยหาเพราะคิดถึง G2K แกงนี้มีความขมเหมาะสมกัย สว. 5555

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)

 

คิคิคิ ถึงว่านะสิครับ ผมนี่มึนตึ๊บเลย งงอยู่ตั้งนาน นึกว่าตัวเองพิมพ์ผิดตรงไหนหรือเปล่า จนต้องอ่านทบทวนอีกตั้ง 3-4 รอบ แต่ก็ยังไม่พบข้อความที่พิมพ์ผิด

จนกระทั่งคุณหมอเข้ามาเฉลยให้ทราบในตอนท้ายนี่แหละครับ ถึงได้ตาสว่างกระจ่างแจ้ง   555

สวัสดีครับ คุณพี่ krutoom

 

เด็ก.....ขม

แต่หวาน...สำหรับ สว. นะครับ 555

สวัสดีครับ คุณ tuknarak

 

แม่นแล้ว ทางภาคอีสานไม่ค่อยใส่กะทิเวลาแกง และส่วนใหญ่ก็จะแกงใบมากกว่าแกงดอกนะครับ.... แต่ก็แซบหลายคือกันเด้อครับ

  • ขอบคุณครับสำหรับเมนู ที่อร่อย ความเหมือนคือ รสชาติที่อร่อย ความต่าง คือ แกงขี้เหล็ก ของคนอีสาน ไม่ใส่กะทิ เขาแกง ใส่น้ำปลาร้า เรียก แกงลาว
  • ได้เคล็ด การต้มที่ไม่ให้ขม คือ ใส่กาบกล้วย พรุ่งนี้ จะเก็บ ขี้เหล็ก มาแก้ง ตาม สูตร นี้ วันไหน กินแกงขี้เหล็ก วันนั้นนอนหลับดีมากและหลับสนิทด้วย...สวัสดีครับ

สวัสดีครับ คุณแว่นธรรมทอง

 

ลองนำเอาวิธีที่แนะนำไว้ไปลองใช้ดูนะครับ

แต่มีข้อแม้ว่าต้องต้ม 3 น้ำนะครับ ความขมจึงจะหมดไป

ดอกขี้เหล็กสวยมาก แถวนครสวรรค์ใช้ใบ บางร้านก็ใส่เนื้อแผ่นๆชิ้นเล็กๆลงไปด้วย แล้วทำไมต้องชื่อ ขี้เหล็กล่ะคะ ^-^

สวัสดีครับ คุณ Nopparat Pongsuk

 

* บางแห่งใช้ใบ บางแห่งก็ใช้ดอกนะครับ แต่ก็อร่อยเช่นกัน

** นั่นนะสิ ทำไมถึงชื่อว่า "ขี้เหล็ก"....ใครรู้บ้าง ยกมือขึ้น 555

ของโปรดเลยนะเนี่ย ดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ^^

นมัสการครับ ท่าน Nitipat

 

น่าเสียดายนะครับ ที่อยู่ไกลเกิน

ไม่งั้นผมจะทำแกงขี้เหล็กไปถวายท่านทุกเช้า-เพลเลย

พระคุณเจ้าจะได้สุขภาพดีตลอดเวลา 555

ดอกขี้เหล็ก แกงเลียงก็อร่อยรับรองไม่ขม

สวัสดีครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

 

เพิ่งทราบนะครับว่า ดอกขี้เหล็กสามารถนำไปทำเป็นแกงเลียงได้เช่นกัน

แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่ขมละครับ ท่าน?

"แกงขี้เหล็ก" ฝีมือแม่ อร่อยมาก.. แต่ไม่เคยทาน "แกงดอกขี้เหล็ก" เลยค่ะ เดี๋ยวต้องให้แม่ลองทำมั่งแล้ว ขอบคุณมากนะคะคุณอักขณิช

 

สวัสดีครับ คุณ kunrapee

 

อีสานบ้านเฮานิยมแกงใบขี้เหล็กนะครับ

ส่วนภาคเหนือนิยมแกงดอกขี้เหล็ก

แต่ไม่ว่าใบหรือดอก ต่างก็อร่อยมากๆ เช่นกันนะครับ

ได้ความรู้ใหม่ ต้มกับกาบกล้วยลดขม ขอบคุณมากค่ะ พี่ดาเป็นคนชอบอาหารสขมค่ะ เท่าที่ทราบมาความขมจะค่อยๆหายไปได้จากการต้มนานๆ ความร้อนจะทำให้ความขมหายไปได้ เช่น การตุ๋นมะระ สังเกตไหม เวลาเรากินต้มมะระที่ต้มจนเนื้อมะระนิ่มนั้น ความขมหายไปหมดแล้ว แกงขี้เหล็กเป็นอาหารที่พี่ดาชอบ แถวบ้านพี่ดาที่สุพรรณมีมาก เคยเก็บดอกถึงได้ทราบว่าทำไมถึงชื่อขี้เหล็ก ดอกจับแล้วจะรู้สึกว่าแข็ง แกงขี้เหล็กใส่ปลาอย่างก็อร่อย หรือ ถ้าให้ตามตำราโบราณ เนื้อ ต้องย่างให้หอมก่อน แล้วถึงนำมาใส่แกง พี่ดาชอบยอดขี้เหล็กนึ่งจิ้มน้ำพริกอ่อง อร่อยมากๆ

สวัสดีครับ พี่กานดาน้ำมันมะพร้าว

 

* ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงชื่อว่า...ขี้เหล็ก อยากทราบเช่นกันครับ

** กาบกล้วยอาจจะมีสารอะไรสักอย่างที่สามารถช่วยดูดซับความขมได้ดีนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท