7. วีซ่าอเมริกา...สมหวังและผิดหวัง


บริเวณที่นั่งรอเข้าไปสัมภาษณ์ เป็นห้องโล่งติดรั้วกำแพง แต่หลังคาไม่ชนกำแพง เหลือไว้เป็นที่ว่างปลูกไม้ประดับ ตกแต่งได้สวยงามและร่มรื่นดีมาก จึงติดแอร์ไม่ได้ แต่อุณหภูมิก็เย็นสบาย ห้องมีขนาดกว้าง-ยาว ประมาณ 8 X 12 เมตร มีม้ายาว 2 แถว ๆ ละ 6 ตัว (ถ้าจำไม่ผิด) แต่ละตัวหากนั่งแบบสบายๆ ก็จะนั่งได้ 5 คน

ผมเลือกที่นั่งท้ายๆ เอาบัตรคิวที่ได้จากพนักงานตรวจเอกสาร เสียบไว้กับใบนัดหมาย แล้วจัดเรียงลำดับความสำคัญของเอกสารจนพอใจ

เลขลำดับคิวที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ โชว์อยู่ด้านหน้าสูงจากพื้นพอมองเห็นได้ชัดเจน โดยบอกลำดับที่ และบอกหมายเลขช่อง ขณะนั้นเป็นลำดับคิวที่ 2 และคิวที่ 3 (ส่วนจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ช่องไหนนั้น ผมจำไม่ได้) ถัดจากป้ายบอกลำดับคิวเป็นจอทีวี ซึ่งฉายขั้นตอนการเข้ารับการสัมภาษณ์ และการพิมพ์ลายนิ้วมือ ฉายวนไปเรื่อยๆ

ผมได้คิวที่ 10 เห็นว่าคงอีกนาน น่าจะอย่างน้อย 30 นาที จึงนั่งตัวตรงวางเอกสารไว้บนตัก หงายบัตรคิวขึ้น หลับตาพักสมอง บอกตัวเองว่า ขอพักสักประเดี๋ยว

ผมลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่า มีคนเดินเข้ามานั่งบนม้ายาวตัวเดียวกับผม ทางด้านขวามือ ผมหันไปดู เห็นหญิงสาวนั่งใกล้ผมและมีชายหนุ่มนั่งถัดไป ผมยิ้มให้เธอ ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบ แต่ไม่ได้คุยกัน

ผมเหลือบตาดูเลขลำดับคิว ยังคงเป็นคิวที่ 2 และ 3 ผมจึงหลับตาต่อ คราวนี้ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง และความกังวลลดน้อยลง ทำให้ผมหลับในไม่กี่วินาที

ผมสะดุ้งตื่นเมื่อมีมือมาสกิดแขนผม และมีเสียงหญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นว่า

"Number 10"

ผมเงยหน้าขึ้นดู ป้ายบอกเลขลำดับคิวโชว์คิวที่ 10 แล้ว ผมรีบลุกขึ้น กำลังจะพูดว่าขอบคุณ แต่นึกได้ว่าเธอพูดภาษาอังกฤษ จึงว่า Thank you แล้วรีบเดินเข้าไปห้องสัมภาษณ์

ผมผลักประตูเข้าไป ห้องนั้นเย็นฉ่ำ มีช่อง 3 ช่อง และว่างอยู่ 2 ช่อง เป็นช่องที่ 1 และช่องที่ 3 ส่วนช่องที่ 2 มีผู้รับการสัมภาษณ์ท่านหนึ่งยืนอยู่หน้าช่องนั้น

ยุ่งละซิ!!! ผมจะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ช่องไหนละครับ

ห้องนั้นมีช่องเหมือนช่องขายตั๋วรถ มองเห็นชัดเจน 2 ช่อง คือ ช่องที่ 1 และ 2 และอีกช่องหนึ่งเป็นลักษณะห้อง มีประตูและมีเลข 3 อยู่หน้าประตู

ผมละล้าละลัง ผมว่าผมดูหมายเลขช่องมาแล้วนะ แต่พอเข้ามา ไฉนลืมไปเสียได้

ผมพลั้งปากพูดกับตัวเองว่า "ช่องไหนละนี่..."

เจ้าหน้าที่สาวชาวอเมริกันที่อยู่ช่องที่ 1 คงจะได้ยินและเข้าใจก็เลยบอกกับผมเป็นภาษาไทยว่า

"ออกไปดูใหม่" เธอพูดไทยชัดเจนมาก และผมก็เหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ รีบกลับออกไปดูหมายเลขใหม่ เกือบชนกับคุณป้าท่านหนึ่งที่ผลักประตูเข้ามาพอดี

คราวนี้ผมไม่พลาด หลังจากกลับเข้ามาในห้องสัมภาษณ์อีกครั้ง รีบตรงไปเข้าห้องที่ 3 ก็มันว่างห้องเดียว เพราะคุณป้ายืนประจำช่องที่ 1 แล้ว และช่องที่ 2 ก็ยังไม่ว่าง

ผมเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ห้องนี้ดีมีเก้าอี้ให้นั่งด้วย แต่ผมยังไม่ได้นั่งหรอก เจ้าหน้าที่เป็นคนไทย มองผมแล้วถามว่า

"หมายเลขเท่าไรคะ" พอผมบอกไป เธอก็พูดขึ้นว่า

"ขอโทษนะคะ กะจะเรียกคิวที่ 4 แต่ไปกดคิวที่ 10" แล้วพูดต่ออีกว่า

"คุณยื่นขอสัมภาษณ์ที่กรุงเทพฯ แล้วเปลี่ยนมาขอสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ หลักฐานของคุณถูกส่งไปกรุงเทพฯ ต้องรอเราโหลดข้อมูลจากกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักพัก ไปรอข้างนอกก่อนนะคะ"

อารมณ์ของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก ได้แต่พูดว่า "ไม่เป็นไรครับ" แล้วเดินออกจากห้อง

ผมเดินยิ้มปลอบใจตัวเองออกมา ผู้ที่นั่งรอการสัมภาษณ์มองผมแทบทุกคน ผมว่าน่าจะทุกคน ด้วยความแปลกใจ ผมเลยพูดขึ้นพอให้ได้ยินถึงคนข้างหลัง

"เจ้าหน้าที่เขาเรียกผิดคนครับ" พอผมพูดจบ ก็มีรอยยิ้มจากหลายคน

ที่นั่งเดิมของผมมีคนนั่งแทนที่แล้ว ผมเลยนั่งแถวที่สอง ซึ่งมีหญิงสาวนั่งอยู่คนเดียว ส่วนแถวหน้ามีคุณผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่คนเดียวเหมือนกัน

ผมชำเลืองดูหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เธอน่าจะเพิ่งจบปริญญาตรี สีหน้าดูมีกังวล ผมกำลังคิดว่าจะชวนเธอคุยเพื่อให้ผ่อนคลาย เธอเสียอีกที่หันหน้ามาทางผมแล้วชวนผมคุยว่า

"เขาพูดกันว่า เชียงใหม่ขอวีซ่าง่ายกว่ากรุงเทพฯ จริงไหมคะ"

"น่าจะจริงนะ ผมก็ได้ยินคนพูดแบบนี้เหมือนกัน" ผมตอบให้กำลังใจ

"ลุงเคยได้วีซ่ามาก่อนไหม" เธอถามอีก

"ลุงเคยได้แล้ว เพิ่งหมดอายุเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีนี้เอง" ผมใช้คำแทนตัวว่าลุง ตามที่เธอเรียก

"หนูไม่รู้จะได้หรือเปล่า ไม่มั่นใจเลย" เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจ

พอดีมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์ ขณะจะเดินผ่านคุณผู้หญิงวัยกลางคนออกไปนอกห้อง คุณผู้หญิงถามขึ้นว่า

"ผ่านไหมหนู"

"ไม่ผ่านค่ะ" เธอตอบสั้นๆ พร้อมกับถอนหายใจ

"เขาบอกไหม ไม่ผ่านเพราะอะไร" เธอถามต่อ

"ไม่ว่าอย่างไรค่ะ แต่ให้กระดาษมาแผ่นหนึ่ง" หญิงสาวตอบ

"อ้อ..กระดาษแผ่นนั้นแหละครับ ที่บอกว่าไม่ผ่านเพราะอะไร" ผมพูดขึ้น (ความจริงต้องว่าพูดสอดขึ้น) เพราะผมเคยรู้มา

หญิงสาวหยิบกระดาษมาอ่านดูอีกครั้ง แล้วพูดว่า

"เขาบอกทำนองว่า เอกสารที่เราแสดงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาออกวีซ่าให้ได้" เธอถอนหายใจอีกครั้ง แล้วขอตัวเดินจากไป

ไว้เขียนต่อวันพรุ่งนี้นะครับ


หมายเลขบันทึก: 502310เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2012 01:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2015 15:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท