จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีการคาดประมาณว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในประเทศไทย ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากคู่สามีภรรยาที่มีผลเลือดต่าง การให้การปรึกษากรณีหญิงตั้งครรภ์และสามีที่มีผลเลือดเป็นลบทั้งคู่ เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงการคงผลเลือดเป็นลบตลอดไป ตอบสนองความต้องการของทั้งผู้รับบริการ และเป็นไปตามนโยบายการพัฒนางานแม่และเด็กของกรมอนามัย จึงมีความสำคัญมาก เนื่องจาก ผู้ให้การปรึกษาผู้ปฏิบัติหน้าที่แจ้งผลเลือดลบ มีจำนวน 5 คน เป็นบุคลากรจากหลายหน่วยงาน หมุนเวียนตามตารางปฏิบัติงาน คุณภาพการให้การปรึกษาอาจมีความแตกต่าง และที่ผ่านมา การควบคุมกำกับการปฏิบัติงานการให้การปรึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานมีความละเอียดอ่อน ยุ่งยาก กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทีมผู้ให้การปรึกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาแนวทางการให้การปรึกษาแบบคู่ หลังการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี กรณีผลเลือดลบ จึงนำไปสู่การสร้างมาตรฐานคุณภาพการให้การปรึกษาให้เกิดประสิทธิผลต่อไป
กระบวนการจัดการความรู้
ครั้งที่ 1 การทบทวนและคัดเลือกองค์ความรู้ โดยการประชุมทบทวนนโยบายการให้การปรึกษาแบบคู่ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การให้บริการปรึกษาและทักษะการให้การปรึกษาแบบคู่กรณีผลลบ ของผู้ให้การปรึกษาแต่ละคน แล้วตกลงคัดเลือกประเด็นการพัฒนา คือ “แนวทางการให้การปรึกษาแบบคู่กรณีผลลบ”
ครั้งที่ 2 และ 3 การค้นหาโอกาสพัฒนา โดยการบันทึกวิดิโอการให้การปรึกษาของผู้ให้การปรึกษา 5 คน ขณะให้บริการโดยบอกล่วงหน้า แล้วคัดลอกวิดิโอให้แต่ละคนเพื่อทบทวนตนเอง และแจกในทีมแบบไขว้กันระหว่างผู้ให้การปรึกษา เพื่อวิเคราะห์แล้วนำผลมาวิพากษ์ในทีมผู้ให้การปรึกษา เปรียบเทียบกับมาตรฐานแนวทางการให้การปรึกษาแบบคู่หลังการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี กรณีผลเลือดลบ ของกรมอนามัย พบว่า ผู้ให้การปรึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางการให้การปรึกษาแบบคู่ ของกรมอนามัย
จึงตกลงข้อสรุปว่า ควรพัฒนาโดยใช้แนวทางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกระบวนการสอนสาธิตและติดตามประเมินผล ทีมสรุปลงความเห็นคัดเลือกผู้ให้การปรึกษาต้นแบบเป็นผู้ทำการสอนสาธิต และผู้ให้การปรึกษาอีก 4 คน เข้าร่วมสังเกตการณ์ขณะให้การปรึกษา และร่วมกันวิเคราะห์ประเมินผลการสาธิต นำผลการวิเคราะห์ จัดทำเป็นคู่มือการให้การปรึกษาฯ และแบบบันทึกผลการให้การปรึกษา เพื่อนำไปทดลองใช้ และผู้ทำการสอนสาธิตสังเกตการณ์การปฏิบัติงานหลังการสอน