เขาประพฤติดีปฏิบัติชอบ
เมื่อเราให้คำแนะนำตักเตือนเขา...
...ถ้าเขายอมรับ
อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกสงบเย็นค่ะ
พรหมวิหารสี่เป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมี ดังที่ท่านอาจารย์จัตุเศรษฐธรรมกล่าวไว้ค่ะ
เมื่อใช้พรหมวิหารแล้วหาก AAR ออกมาว่าอีกฝ่ายรับไม่ได้ก็ให้แก้ที่ตัวเอง
ขอบคุณมากค่ะ ฝันดีนะคะ
พื้นที่ตรงนี้.....มีความสุขจริงๆค่ะ....ขอบคุณค่ะ
รักลูก...ให้กอด
"ศีล" ก็น้อย
"ปัญญา" ก็น้อย
"การแบ่งปัน" ก็น้อย
ยังเป็น "กัลยาณมิตร" กันได้อยู่หรือไม่ครับ ;)
แบ่งปัน...เรียนรู้ ร่มเย็น เป็นสุข
แล้วพบกันนะคะอาจารย์
ธรรมสวัสดีครับอาจารย์ศิลา
ที่นี่..มีแสงธรรม..ชี้นำทางชีวิตได้
บางครั้งเห็นเค้าประสบความสำเร็จ มีความสุข.. ก็แอบอิจฉาเหมือนกันค่ะ
แต่ก็คิดได้ค่ะ.. จิตนี้ยากแท้.. คงต้องฝึกอีกนาน.. อาจนานจนกว่าชีวิตนี้ก็ได้
สวัสดียามเช้าค่ะอาจารย์Sila,
อาจารย์ Sila คะ ขอบคุณค่ะสำหรับพรหมวิหาร 4 พร้อมประสบการณ์และข้อคิดดีๆ เป็นมงคลแห่งการเริ่มวันทำงานเช้านี้ค่ะ ให้เท่าไหร่กลับมีมากขึ้นนะค่ะ :-))
- ดีมาก ๆ จังเลยครับ...
- อยากเขียนได้แบบนี้จังเลยน่ะครับ
- ขอบคุณบทความที่เย็นสงบนี้มาก ๆ เลยนะครับ
ชยพร แอคะรัจน์
จิตเมตตา..จิตเบิกบาน..จิตเป็นสุข..เป็นอานิสงส์แห่งทานบารมีนะคะ
ครับ, ไม่มีพื้นที่ใดในโลกใบนี้ปราศจากความสุข.
เพียงเปิดใจค้นหา...
และค้นพบ
ย่อมหมายถึง..
การแบ่งปัน
...
ขอบพระคุณครับ
อืม...เคยเหมือนกันครับอาจารย์...สำหรับผม...บางครั้งเราหวังดี (เกินไปหรือเปล่า?) ที่จะบอกกล่าว...แต่ (เขา) ไม่ยอมรับฟัง...เมื่อก่อนเคยโมโหว่าทำไมถึงไม่ฟังเราบ้างเลย...แต่ปัจจุบันก็มีบ้างแต่ก็น้อยลงมากแล้วครับ...โดยพยามคิดว่า...
เราได้ทำเหตุ คือ แนะนำ บอกกล่าวในฐานะกัลยาณมิตรแล้ว...มีความสุขใจในสิ่งที่ได้ทำแล้ว แต่
ผล...จะออกมาเป็นยังไง...ผมไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก...เพราะผลขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าจะเลือกลู่วิ่งไหน...ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถไปควบคุม บังคับ บีบคั้นให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้...
ดังนั้น...ในปัจจุบัน...ผมจึงเก็บมาคิดแค่เหตุว่า...เราได้ทำหน้าที่ในฐานะกัลยาณมิตร (ตักเตือน บอกกล่าว แนะนำ ในสิ่งที่ดี) ได้สมบูรณ์หรือยัง...เท่านั้นพอครับ
ขอบพระคุณบันทึกดี ๆ ที่มีประโยชน์นี้มากครับ...อาจารย์ Sila
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วก็ตอบว่า... เคยค่ะ บ่อยมากๆ ด้วย...:)
และชอบมากที่คุณศิลาสรุปไว้ว่า
"ศีล ปัญญา พอเสมอกัน ย่อมแบ่งปันความเป็นกัลยาณมิตรได้"
จริงที่สุดค่ะ
เคยคิดทบทวนกับตัวเองว่า เราเจริญในพรหมวิหารสี่ ธรรมที่มีคุณอันยิ่งยวดได้ครบหรือเปล่า ได้กับทุกคนหรือไม่
คิดและตรวจสอบพบว่า ได้เฉพาะกับบางคน
เพิ่งเข้าใจว่า เป็นเพราะข้อปัญญาและศีลเสมอกัน
ขอบคุณบันทึกนี้มาก ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณอาจารย์นพลักษณ์ ๑๐ ที่ทำให้ฉุกคิดอีกคำตอบหนึ่งค่ะ
หากว่าศีล ปัญญา น้อยกว่า แต่ว่าพร้อมเปิดรับในสิ่งที่เราไม่รู้ หรือน้อมใจรับฟังคำแนะนำ ตักเตือน ก็เข้าลักษณะผู้ฟังที่มีจิตใคร่ครวญ หรือตามหลักนักปราชญ์ ผู้แสวงหาความรู้ค่ะ ส่วนกรณีความเป็นกัลยาณมิตร เป็นเรื่องของความเสมอกันในบางเรื่อง และพร้อมเติมเต็มซึ่งกันและกันในบางเรื่อง จึงย่อมถือว่าเป็นการคบบัณฑิตค่ะ
มาแบบกระตุกหนวดแมว เล่นเอาอมยิ้มไปตอบไปเลยค่ะ ตอบไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยนะคะ