พื้นที่ว่าง สร้างความสุข


เมื่เราได้พิจารณาไตร่ตรองแล้ว ผู้ที่เราหวังดีไม่รับฟัง ไม่รับการช่วยเหลือในแบบที่เราให้ได้ ลองหันกลับมามองตัวเราแทน ... แก้ที่ใจเรา

เคยไหมคะที่รู้สึกอยากแนะนำ หรือตักเตือนใครที่เราปรารถนาดี แต่พูดไม่ได้ บอกไม่ได้ ... หรือบอกได้  แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ 

 

ครั้งหนึ่งเคยเขียนบันทึกนี้ไว้ค่ะ

"รักใคร อยากพูดอะไร ให้ดู "อัตตาและศีล" ตามพุทธวจนะของหลวงพ่อพุธ" http://www.gotoknow.org/blogs/posts/255668

 

   Large_61happysatien

 

ขอยกพระธรรมเทศนาโดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย มาไว้ในบันทึกนี้อีกครั้งค่ะ

 

                           "เมื่อเรามีการเกี่ยวข้องกับคนอื่น

 

                         เรามีความหวังดีต่อคนอื่นอยากจะให้

 

เขาประพฤติดีปฏิบัติชอบ
เมื่อเราให้คำแนะนำตักเตือนเขา...

  

 

...ถ้าเขายอมรับ


จิตของเราจะทำหน้าที่ให้การอบรมตักเตือนสั่งสอนเรื่อยไปด้วยความเมตตาปรานีด้วยความหวังดีที่จะช่วยพยุงการประพฤติกาย วาจา และใจให้มีระดับสูงขึ้น เป็นการสงเคราะห์กันด้วยธรรม เป็นการแสดงความเมตตากันโดยธรรม


....แต่ผู้ใดไม่ยอมรับฟังโอวาทคำสั่งสอน จิตของผู้รู้พิจารณาแล้ว ว่าทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ นอกจากจะทำให้เกิดมีการร้าวรานแตกความสามัคคีซึ่งกันและกันก็จะหยุดเสีย


 

                       ผู้ที่มีสมาธิมีสติปัญญาจะต้องเป็นอย่างนั้น 

              เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมนี่ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพ

                                      ของผู้ปฏิบัติเอง"

                                           

                                  

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ... ทุกวันนี้ ทำหน้าที่กัลยาณมิตรต่อกัลยาณมิตรตามหลักพรหมวิหาร ๔ เป็นหลักในการดำเนินชีวิตค่ะ

 

จิตเมตตา... 

                ให้คุณค่าต่อกัลยาณมิตรเสมอกัน แต่ปฏิบัติไม่เหมือนกัน

                เราควรพึงตระหนักรู้ว่าเราควรแบ่งปันอะไรกับใครด้วยเรื่อง

                อะไรตามสมควร...

 

บางคน ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการทักทายไต่ถามทุกข์สุขกันบ้าง

บางคน ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่ารอยยิ้มแห่งมิตรภาพ

บางคน ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรกัน

หากเราให้มากกว่าที่เขาต้องการ นับว่าเป็นเรื่องดี ... แต่เขาต้องการหรือไม่...

 

จิตกรุณา...

               ช่วยเหลือเกื้อกูลในเรื่องที่ช่วยได้ ให้เขาพ้นความทุกข์ เศร้า

                หรือแบ่งเบาภาระทางใจที่หนักอึ้ง... ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน การ

                ช่วยเหลือแบบให้เขาพึ่งตนเองก่อน หรือให้พึ่งตนเองได้ เป็น

                การช่วยเหลือที่สมควร...

 

จิตมุทิตา...

              ยินดีที่เขาได้ดีมีความสุข ประสบผลสำเร็จ                     

 

จิตอุเบกขา...

            เมื่อได้ทำหน้าที่สมควรแก่ธรรมแล้ว จิตสมควรสงบร่มเย็นด้วย

           กุศลที่เราได้ทำลงไป ไม่ว่าเราทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น อย่าถือ

            อย่ายึด อย่าติดเป็นอารมณ์ แม้ว่าสิ่งที่เรายึดติดอยู่เป็นความ

            ห่วงใย ความอาทร หรือความเห็นอกเห็นใจ แต่หากมีมากเกินไป

            จากกุศลจิตก็จะกลายเป็นอกุศลจิตกับตัวเอง ...การวางเฉย

            ด้วยจิตที่เป็นกลางอย่างมีปัญญา

 

               Large_53happysatien

                   

หลักพรหมวิหาร ๔ เป็นข้อธรรมที่เปรียบเหมือนพวงมาลัยร้อยข้อธรรมแต่ละข้อไว้ หาได้ต้องทำข้อใดก่อนหลังเป็นลำดับไม่ แต่เกิดขึ้นได้พร้อมเพรียงกัน เกื้อกูลเสมอกัน                                          

 

 

เมื่อเราได้พิจารณาไตร่ตรองแล้ว ผู้ที่เราหวังดีไม่รับฟัง ไม่รับการช่วยเหลือในแบบที่เราให้ได้ ลองหันกลับมามองตัวเราแทน ... แก้ที่ใจเรา 

 

                               สร้างพื้นที่ใจเราให้ว่าง

              พร้อมเติมเต็มซึ่งกันและกันในสิ่งที่ให้แก่กันได้

 

             

                                    ศีล ปัญญา พอเสมอกัน

                           ย่อมแบ่งปันความเป็นกัลยาณมิตรได้

 

              Large_06flowerview    

                                      เมตตา สันติ

                              เจริญในธรรมทุกท่านค่ะ

         

หมายเลขบันทึก: 500621เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2012 22:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน 2012 20:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกสงบเย็นค่ะ

พรหมวิหารสี่เป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมี ดังที่ท่านอาจารย์จัตุเศรษฐธรรมกล่าวไว้ค่ะ

เมื่อใช้พรหมวิหารแล้วหาก AAR ออกมาว่าอีกฝ่ายรับไม่ได้ก็ให้แก้ที่ตัวเอง

ขอบคุณมากค่ะ ฝันดีนะคะ

 

             พื้นที่ตรงนี้.....มีความสุขจริงๆค่ะ....ขอบคุณค่ะ

 

Large_53happysatien

 

                               รักลูก...ให้กอด

"ศีล" ก็น้อย

"ปัญญา" ก็น้อย

"การแบ่งปัน" ก็น้อย

ยังเป็น "กัลยาณมิตร" กันได้อยู่หรือไม่ครับ ;)

แบ่งปัน...เรียนรู้ ร่มเย็น เป็นสุข

แล้วพบกันนะคะอาจารย์

ธรรมสวัสดีครับอาจารย์ศิลา

ที่นี่..มีแสงธรรม..ชี้นำทางชีวิตได้

 

บางครั้งเห็นเค้าประสบความสำเร็จ มีความสุข.. ก็แอบอิจฉาเหมือนกันค่ะ

แต่ก็คิดได้ค่ะ.. จิตนี้ยากแท้.. คงต้องฝึกอีกนาน.. อาจนานจนกว่าชีวิตนี้ก็ได้

 

สวัสดียามเช้าค่ะอาจารย์Sila,

อาจารย์ Sila คะ  ขอบคุณค่ะสำหรับพรหมวิหาร 4  พร้อมประสบการณ์และข้อคิดดีๆ เป็นมงคลแห่งการเริ่มวันทำงานเช้านี้ค่ะ  ให้เท่าไหร่กลับมีมากขึ้นนะค่ะ  :-)) 

- ดีมาก ๆ จังเลยครับ...

- อยากเขียนได้แบบนี้จังเลยน่ะครับ

- ขอบคุณบทความที่เย็นสงบนี้มาก ๆ เลยนะครับ

ชยพร   แอคะรัจน์

จิตเมตตา..จิตเบิกบาน..จิตเป็นสุข..เป็นอานิสงส์แห่งทานบารมีนะคะ

  • ขอบคุณคุณปริม Blank ที่กรุณาแวะมาทักทายให้กำลังใจยามดึก กำลังจะเข้านอนพอดี เห็นข้อความฝากไว้ในบันทึก เหมือนส่งเข้านอนกันเลยค่ะทำให้คืนที่ผ่านมานอนหลับสบายค่ะ
  • ยามที่เรารู้สึกว่าไปก้าวล่วงให้คำแนะนำ ความช่วยหลือเกินกว่าที่เขาจะรับได้ ก็จะนึกถึงคำสอนดังกล่าว และถอยมาตั้งหลักใหม่ แก้ที่ใจตัวเองค่ะ เราไป จัดการนู้น นี่นั่น จนลืมจัดระเบียบความรู้สึกตัวเองใหม่ การวางเฉยหลังจากที่ผ่านความรู้สึกปรารถนาดีให้แล้ว นับว่าช่วยให้เราหลุดพ้นจากบ่วงความห่วงของตัวเราเองได้ดีทีเดียวค่ะ
  • ดีใจที่ได้เจอกันผ่านบันทึกนี้ค่ะ

ครับ, ไม่มีพื้นที่ใดในโลกใบนี้ปราศจากความสุข.
เพียงเปิดใจค้นหา...
และค้นพบ
ย่อมหมายถึง..
การแบ่งปัน

...

ขอบพระคุณครับ

อืม...เคยเหมือนกันครับอาจารย์...สำหรับผม...บางครั้งเราหวังดี (เกินไปหรือเปล่า?) ที่จะบอกกล่าว...แต่ (เขา) ไม่ยอมรับฟัง...เมื่อก่อนเคยโมโหว่าทำไมถึงไม่ฟังเราบ้างเลย...แต่ปัจจุบันก็มีบ้างแต่ก็น้อยลงมากแล้วครับ...โดยพยามคิดว่า...

         เราได้ทำเหตุ คือ แนะนำ บอกกล่าวในฐานะกัลยาณมิตรแล้ว...มีความสุขใจในสิ่งที่ได้ทำแล้ว  แต่

          ผล...จะออกมาเป็นยังไง...ผมไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก...เพราะผลขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าจะเลือกลู่วิ่งไหน...ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถไปควบคุม บังคับ บีบคั้นให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้...

          ดังนั้น...ในปัจจุบัน...ผมจึงเก็บมาคิดแค่เหตุว่า...เราได้ทำหน้าที่ในฐานะกัลยาณมิตร (ตักเตือน บอกกล่าว แนะนำ ในสิ่งที่ดี) ได้สมบูรณ์หรือยัง...เท่านั้นพอครับ

          ขอบพระคุณบันทึกดี ๆ ที่มีประโยชน์นี้มากครับ...อาจารย์ Sila

 

  • ความสุขสร้างได้จากธรรมะอีกทางหนึ่งนะคะ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้วก็ตอบว่า... เคยค่ะ บ่อยมากๆ ด้วย...:)

และชอบมากที่คุณศิลาสรุปไว้ว่า

"ศีล ปัญญา พอเสมอกัน ย่อมแบ่งปันความเป็นกัลยาณมิตรได้"

จริงที่สุดค่ะ

เคยคิดทบทวนกับตัวเองว่า เราเจริญในพรหมวิหารสี่ ธรรมที่มีคุณอันยิ่งยวดได้ครบหรือเปล่า ได้กับทุกคนหรือไม่

คิดและตรวจสอบพบว่า ได้เฉพาะกับบางคน

เพิ่งเข้าใจว่า เป็นเพราะข้อปัญญาและศีลเสมอกัน

ขอบคุณบันทึกนี้มาก ๆ เลยค่ะ

 

ขอบคุณท่าน ดร. สมศรี Blank ที่แวะมาส่งกำลังใจให้รอยยิ้มและความอบอุ่นใจอยู่บ่อย ๆ ค่ะ

ขอบคุณอาจารย์นพลักษณ์ ๑๐ Blank ที่ทำให้ฉุกคิดอีกคำตอบหนึ่งค่ะ

หากว่าศีล ปัญญา น้อยกว่า แต่ว่าพร้อมเปิดรับในสิ่งที่เราไม่รู้ หรือน้อมใจรับฟังคำแนะนำ ตักเตือน ก็เข้าลักษณะผู้ฟังที่มีจิตใคร่ครวญ หรือตามหลักนักปราชญ์ ผู้แสวงหาความรู้ค่ะ  ส่วนกรณีความเป็นกัลยาณมิตร เป็นเรื่องของความเสมอกันในบางเรื่อง และพร้อมเติมเต็มซึ่งกันและกันในบางเรื่อง จึงย่อมถือว่าเป็นการคบบัณฑิตค่ะ

มาแบบกระตุกหนวดแมว เล่นเอาอมยิ้มไปตอบไปเลยค่ะ ตอบไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยนะคะ

  • ขอบคุณคุณหมออ้อ Blank มากค่ะที่พาไปพบสิ่งดี ๆ ทำให้ได้เรียนรู้ความสดใส เบิกบานและเติมเต็มซึ่งกันและกันของกลุ่มคุณหมอ พยายาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงพยาบาลค่ะ
  • ขอบคุณอาจารย์นุ Blank มาก ๆ ค่ะ แสงธรรมนำทางชีวิตของผู้เพียรปฏิบัติ น้อมรับแสงธรรมและคำชี้แนะทางเดินที่นำแสงสว่างสู่ปัญญาค่ะ
  • พื้นที่เสถียรธรรมสถานเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับผู้สูญเสียหลายท่านและได้มีโอกาสพื้นฟูจิตใจอย่างได้ผลไปแล้ว น่าศรัทธามากค่ะ
  • สาธุค่ะ Kunrapee Blank เพียงรู้สึกว่าเราต้องฝึกฝนอะไรก็ใกล้ถึงฝั่งแล้วค่ะ
  • ขอร่วมเดินเส้นทางการฝึกฝนตนเองด้วยคนนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท