กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดการความเสี่ยงเรื่องจริยธรรมของวงการครู เรื่องการทำผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ
ผมลงบันทึกเรื่อง มหาวิทยาลัยต้องจัดการความเสี่ยงเรื่องการลอกเลียนผลงานวิชาการ ที่นี่ มีึคนสนใจมาก และมีครูท่านหนึ่งให้ความเห็นดังนี้
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นค่ะ ในฐานะที่เป็นครูอยู่ในวงการวิชาการแบบครู ๆ ขอบอกว่าแม้แต่ผลงานวิชาการของครูที่ทำวิทยฐานะชำนาญการพิเศษทั้งหลายขอยืนยันว่า 100 เปอร์เซ็นต์ผ่านการจ้างทำผลงานมาทั้งนั้น ใครที่ทำเอง ไม่จ้าง ไม่จ่ายก็ไม่สามารถผ่านได้เรื่องนี้ซับซ้อนต้องพูดกันยาวมาก ดิฉันบอกได้สั้น ๆ ว่า แม้แต่ครูซึ่งถือเป็นปูชนียบุคคลยังทำได้ขนาดนี้ แล้วจะให้เด็กรุ่นหลังเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของชาติได้อย่างไรหดหู้อย่างบอกไม่ถูก สู้คนเดียวรู้สึกท้อค่ะ
หลักฐานของข้อเขียนย่อหน้าบนอยู่ที่ ลิ้งค์นี้ ในส่วนความเห็น ผมไม่ได้กุขึ้นเอง
นอกจากนั้น ยังมีคนส่ง ลิ้งค์นี้ มาเป็นตัวอย่างของการนำเอาความรู้จากแหล่งอื่นมาเขียนใน Gotoknow โดยไม่อ้างอิง
ทำให้ผมต้องเขียนบันทึกนี้ เพื่อบอกครูทั้งหลายว่า ต้องฝึกเด็กว่าหากลอกความรู้มาจากที่ใด ต้องอ้างอิง และในการให้นักเรียนเขียนรายงานส่งครู ควรให้เขียนด้วยลายมือ ไม่ควรให้พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ เพราะเปิดโอกาสให้เด็กใช้วิธีตัดปะ (cut and paste) ซึ่งนักเรียนจะไม่ได้เรียนรู้ หรือได้เรียนรู้น้อยมาก ครูต้องสอนศิษย์ให้ชัดเจนว่าการตัดปะเอาความรู้จากที่อื่นมาทั้งดุ้นโดยไม่อ้างว่าเอามาจากไหน เป็นการขโมยผลงานหรือขโมยความรู้ เป็นสิ่งไม่ชอบธรรม ผิดจริยธรรม
หลังจากค้นความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อเขียนรายงานส่งครู นักเรียนต้องเขียนสังเคราะห์ขึ้นเองหลังจากอ่านจากแหล่งต่างๆ แล้ว นักเรียนจึงจะได้ความรู้ และได้ฝึกอ่านทำความเข้าใจ แยกแยะประเด็น ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบข้อแตกต่าง และสรุปรวบรวมเขียนเป็นรายงานตามความเข้าใจของตน นักเรียนจึงจะได้รับประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย การทำรายงานแบบแค่ทำให้เสร็จเพื่อให้มีรายงานส่งครู นอกจากได้ประโยชน์น้อยแล้ว ยังมีผลเสียตรงที่เป็นการเพาะนิสัยตื้นๆ หรือนิสัยเสียทำพอเอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ทำงานแบบประณีตจริงจังเพื่อการเรียนรู้ที่ลึกและเชื่อมโยง
แต่ที่น่าตกใจมากอยู่ที่ครูท่านนี้บอกว่า “ผลงานวิชาการของครูที่ทำวิทยฐานะชำนาญการพิเศษทั้งหลายขอยืนยันว่า 100 เปอร์เซ็นต์ผ่านการจ้างทำผลงานมาทั้งนั้น ใครที่ทำเอง ไม่จ้าง ไม่จ่ายก็ไม่สามารถผ่านได้” หากเป็นความจริงเพียงสัก ๑ ใน ๓ ของวงการครู ก็น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อแม่พิมพ์เป็นอย่างนี้ จะสอนจริยธรรมให้แก่เด็กได้อย่างไร จึงขอเรียกร้องต่อกระทรวงศึกษาธิการ ว่าต้องไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ต้องปราบปราม และถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายนี้ เพราะสภาพเช่นนี้นอกจากเป็นผลร้ายระยะยาวต่อบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นความเสี่ยงต่อความตกต่ำของวงการครู สภาพเช่นนี้ เป็นความเสี่ยงต่อความเชื่อถือในสังคมต่อวงการครู
วงการครูมีคุณค่าต่อบ้านเมืองมาก เกินกว่าที่จะปล่อยให้ความชั่วร้ายด้านจริยธรรมเรื่องการทำผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ กัดกร่อน
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ก.ค. ๕๕
สวัสดีค่ะ รู้สึกซาบซึ้งใจในเรื่องที่ท่านกล่าวมา ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองผลักดันนโยบายความซื่อสัตย์สุจริต คุณธรรมจริยธรรม ไม่เอาเรื่องเงิน ผลประโยชน์มาเป็นธงหลักปักล่อเป้า เหล่าครูผู้ทุกข์ทนทั้งยากจนและอยากจนทั้งหลาย คงไม่วิ่งตาเหลือกเพื่อสิ่งนี้ ถ้าทำได้ อยากให้นำผลงานที่ผ่านคศ.3 ทั้งหลายมาพิสูจน์คุณภาพกันอีกที่ ดูที่มาที่ไปให้ละเอียด อย่าให้ใครมาพูดว่า "แม้แต่เสาไฟฟ้าก็ยังผ่าน"
ปล.ดิฉันยังติดตามเรื่องราวบันทึกที่มีคุณค่าของท่านเสมอค่ะ
สงสัยเป็นยวงแน่ ๆ เลยครับ ;)...
กราบเรียนท่านอาจารย์หมอ -อยากแสดงความเ็ห็นเรื่องนี้เหมือนกันครับ แต่สั้นๆแค่เพียงว่า คนที่จ้างก็จ้างไป คนที่ยืนด้วยลำแข้งก็ยืนกันต่อไปครับ ไม่ได้มีเฉพาะในโรงเรียนครับ มหาวิทยาลัยของไทยบางแห่งก็มีครับ - จริงๆแล้ว ข้อเขียนของท่านอาจารย์หมอหน้านี้และที่ผ่านมากระตุ้นผมมาก ครั้งก่อนยั้งไว้ไม่แสดงความเห็น ครั้งนี้ยอมไปเขียนบันทึกในบันทึกตัวเอง แต่ก็ลบออกไป และมาเขียนความเห็นที่นี่ไว้ยาว แต่ก็ลบออกไป - ในวงการศึกษานั้น มีอะไรให้เรียนรู้ไม่จบสิ้นเลยครับ
คนทคิดเอง ทำเองตก คนจ้างทำผ่าน