นกเขาน้อย เพลงที่ฟังแล้วเลยคิดไปจนไกล


แม่ใส่ลิ้งค์เพลงมากับจดหมายนี้ด้วย น้องคงจำเรื่อง เดียว ที่พ่อซื้อหนังสือมาให้แม่อ่าน แล้วแม่นั่งอ่านทั้งครึ่งวัน อ่านจบก็ดึงลูกมากอด แล้วร้องไห้

ภูลูกรัก

แม่ใส่ลิ้งค์เพลงมากับจดหมายนี้ด้วย น้องคงจำเรื่อง เดียว ที่พ่อซื้อหนังสือมาให้แม่อ่าน แล้วแม่นั่งอ่านทั้งครึ่งวัน อ่านจบก็ดึงลูกมากอด แล้วร้องไห้ 

ลูกปลอบแม่

เมื่อแม่เล่าเรื่องในหนังสือให้ฟัง ลูกจึงเข้าใจ และเฝ้าถามว่า มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ด้วยหรือ

แม่คิดว่ามีจริง

เรื่องที่เด็กถูกลักพาตัว จะเรียกค่าไถ่ หรือจับเด็กไปขายเป็นแรงงาน ขายเป็นโสเภณีเด็ก เป็นขอทานหรือกระทั่งขายไปเป็นลูกบุญธรรมข้ามชาติ

มีทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ ข่าวฝากส่งต่อตามอีเมล์ และข่าวตามหาเด็กบนโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมาย

หนังสือเรื่องนี้ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ เป็นผู้เขียน

แม้เธอไม่ได้บอกว่ามาจากเรื่องจริง แต่เค้าโครงเรื่องและการดำเนินเรื่อง มันดูเหมือนเรื่องจริงมาก ๆ  มากจนน่ากลัว

เดียว เด็กชายอายุแปดขวบไปดูหนังกับพ่อรอบกลางวัน ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนคนเดียวเลยด้วยซ้ำ แล้วก็หายไปจากครอบครัว

วันนี้แม่เปิดเพลงฟัง พบเพลงนี้จึงคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทั้งที่ไม่อยาก ไม่กล้าคิดถึงเรื่องแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม ลูกเรียนหนังสือไกลบ้าน แม่ขอให้ลูกดูแลตนเองอย่างยิ่งยวด

เราไม่ได้มองโลกแง่ร้าย แต่เรามองตามความเป็นจริง รอบคอบ ระมัดระวัง มีสติ มีสมาธิตลอด 

ขอให้จำเรื่องที่แม่อ่านพบในGotoKnow แล้วเล่าให้ลูกฟังว่า มีเด็กและผู้ใหญ่ที่ช่างสังเกต ระมัดระวังและวิ่งได้เร็ว รอดและปลอดภัยจากอุบัติภัยจากสึนามิที่ภูเก็ตในไทย หลายคน

เหมือนกันกับในชีวิตประจำวัน แม่พร่ำบอกเรื่องการระมัดระวัง เดินไปไหนดูรายรอบตัวด้วยสายตาฉับไว เดินอย่างมีสติ ไม่ให้คุยโทรศัพท์ไปเดินไปเพราะเราจะขาดสมาธิพักใหญ่

ขอให้มีการเรียงลำดับในใจเสมอว่า ถ้าเกิดเหตุคับขัน เราควรทำอย่างไร

  • หนึ่ง ควบคุมสติ calm down ตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วตั้งสติคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
  • สอง เป็นห่วงและถนอมร่างกาย ตัวเราอย่างเดียว ทรัพย์สินข้าวของถ้าเกิดตกหล่นยามหนีเอาตัวรอด จากคนร้าย ภัยธรรมชาติ ก็ให้ทิ้งไป 

หวังว่าลูกคงจำเรื่องราวที่แม่พบภาวะอึมครึมประหนึ่งหลังสงครามในญี่ปุ่น เมื่อสึนามิและแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อสิบเอ็ด มีนาคม 2011 ได้
(แม่จำได้กระทั่งเวลาที่ตึกโยนตัวครั้งแรก ประมาณบ่ายสองโมงเศษ ๆ ของญี่ปุ่น วันนั้นเป็นวันศุกร์)

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนยังทำงานกันอย่างสนุกสนาน ขณะเกิดเหตุการณ์ ทุกคนก็ยังพูดคุย หัวเราะและบางคนก็ดื้อจะเดินกลับขึ้นไปบนตึกทำงานต่อ

แต่แม่สังเกตเห็น อาจารย์อาวุโสคนหนึ่ง อายุเกินเจ็ดสิบแล้ว ท่านไม่กลัวจนลนลานแต่ท่านไม่ประมาท แม่ยังจำคำท่านที่บอกว่า ไม่กลัวแต่ไม่ประมาท และญี่ปุ่นเคยเกิดเหตการณ์แผ่นดินไหวและมีธรณีสูบที่โกเบ ท่านจึงให้ทุกคนลงจากตึกให้หมด แต่อย่างไรก็ดี คนญี่ปุ่นมีวินัย เข้มแข็งและอดทนดีมาก ลูกคงได้อ่านเรื่องเหล่านี้มาแล้ว

แม่ออกนอกเรื่องมาเพราะต้องการย้ำว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านกระทันหัน ข้าวของของแม่ แม่บริจาคให้ผู้ประสบภัยทั้งหมด โชคดีมากที่อย่างน้อยเวลานั้น ของเหล่านั้นมีผู้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์

  • สามต้องมีกัลยาณมิตรเสมอ

แม่ย้ำเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ๆ ลูกรู้มั้ยว่า เวลาเกิดเหตุกระทันหัน ไม่สบาย หรือเรื่องขลุกขลักต่าง ๆ เมื่อเรามีเพื่อนดี เราจะมีคนที่เราปรึกษาขอความคิดได้ กรณีลูกอาจไม่ใช่เพื่อนในหออย่างเดียว คุณแม่บ้าน คุณภารโรง คุณลุง คุณน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย

แม่ขอให้ลูกมีสัมมาคารวะต่อเขาเหล่านี้ ยิ้มให้ เป็นมิตรอย่างจริงใจ และมีกตัญญูกตเวทีต่อเขาด้วย
ทุกคนมีส่วนช่วยให้การเรียน การอยู่อาศัยของลูกในโรงเรียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีสวัสดิภาพ 

ลูกคงจำป้า ๆ ลุง ๆ ที่บ้านพักเราในโรงพยาบาลได้ ว่าเขาช่วยดูแลบ้านให้เราใกล้ชิด ช่วยตามหาเจ้ารอด ตอนที่มันเป็นลูกหมาตัวกะเปี๊ยกจนเจอ

คุณครูของลูกด้วย ท่านล้วนเป็นผู้มีบุญคุณต่อเราอย่างใหญ่หลวง

  • สี่มีลิสต์รายการของสำคัญยามอยู่ต่างแดน มีสำเนาเอกสารพาสปอร์ต สำเนาใบรับรองหรือ ID นักเรียน สำเนาบัตรสำคัญเวลาต้องหาหมอ สิ่งเหล่านี้ต้องมีติดตัวหรือติดกระเป๋าเป้ส่วนตัวเสมอ เผื่อเอาไว้ดีกว่าไม่มี
  • ห้าลูกควรจดเบอร์โทรศัพท์ของพ่อ แม่ ครู ลุงเจริญและเพื่อนสนิท ออกมาจากเครื่องโทรศัพท์ด้วย เผื่อโทรศัพท์เสีย ขัดข้องหรือหาย

หก ไม่มีแล้วจากแม่ ส่วนของลูก ลูกคงมีอีกหลายรายการ ควรทำนะครับ

ตรงนี้ดูเครียดเกินไปหรือเปล่า อย่าคิดว่าเครียดนะ การเตรียมไว้เป็นข้อดี เป็น การเตรียมแผนแบบ Problem solving หรือ วิชาอะไรนะที่ลูกชอบเรียนมาก ๆ น่ะ

อืม แม่เลือกเพลงนี้มาฟังครั้งนี้ ปรากฏว่าเป็นเพลงที่ฟังแล้วเลยคิดไปจนไกล

ลูกอ่านหรือฟังแล้วจะได้รู้ว่า เด็กคนอื่น ๆ ที่ไม่พร้อม ไม่โชคดี ไม่ได้รับโอกาสในการศึกษา หรือกระทั่งโอกาสที่จะมีชีวิตแบบเด็กที่สมวัยก็มีอีกมาก

สังคมเรายังมีปัญหาใหญ่รอให้คนรุ่นลูกมาช่วยกันคิด ช่วยกันแก้หรือวางแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาสืบเนื่อง

เอาเป็นว่า ไม่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ลูกก็สามารถมีส่วนช่วยสังคม ด้วยการมีการงาน มีอาชีพที่ดี มีรายได้พอเหมาะ มีความประหยัดมัธยัสถ์ ใช้จ่ายตามสมควร มีส่วนหนึ่งแบ่งเฉลี่ยกลับคืนสังคม  

ส่วนหนึ่งพาพ่อและแม่เที่ยว

 

แค่นี้พ่อและแม่ก็มีความสุขแล้ว

รักเยอะครับ 

แม่เอง

 

 

หมายเลขบันทึก: 500216เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2012 05:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกท่านสำหรับดอกไม้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท