แม่..(ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว...อาหารแสนอร่อยจากฝีมือของแม่)


ในทุกๆ เช้า แม่นึ่งข้าว และทำอาหารให้ทานอย่างไม่บกพร่อง ซึ่งอาหารที่ว่านั้นมักวนเวียนด้วยเมนูเดิมๆ นั่นก็คือ “ไข่ต้ม-ไข่เจียว-ไข่ดาว”

(1)

ในห้วงเวลาที่ผมเรียนมัธยมปลาย  ผมต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่  เพื่อให้ทันกับการนั่งรถโดยสารประจำหมู่บ้านเข้าสู่ตัวเมือง  เพราะห้วงเวลานั้น  โรงเรียนที่ผมเรียน  เป็นโรงเรียนในตัวเมือง ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียนก็ในราวเกือบๆ 30  กิโลเมตร

รถโดยสารที่ผมพูดถึง  ไม่ใช่คิวแรกของแต่ละวันที่วิ่งระหว่างอำเภอกับตัวเมืองหรอกนะครับ  หากแต่เป็นรถโดยสารในหมู่บ้านที่ต้องวิ่งไปเข้าคิวในตัวเมือง  ส่วนรถโดยสารคิวแรก  จะวิ่งผ่านปากทางหมู่บ้านในราวๆ 6 โมงเช้า

ซึ่งหากต้องรอเช่นนั้น  สาบานได้เลยว่า  ไม่มีที่นั่ง  ไม่มีที่ยืน  มีแต่ที่ห้อยโหนด้านข้างเท่านั้น !

ด้วยเหตุนี้  ผมจึงจำต้องชิงตื่นก่อนไก่จะโก่งคอขัน  เพื่อให้ได้นั่งและนอนบนรถโดยสารอย่างสบายๆ  พอไปถึงโรงเรียนก็จะเป็นประมาณ 6 โมงต้นๆ  ถัดจากนั้น  จึงจัดเรียงเก้าอี้  เพื่อแปรสภาพเป็นที่นอนพักในอีกรอบของชีวิต

 

(2)

ชีวิตในช่วงมัธยมปลายแตกต่างไปจากชีวิตการเป็นนักเรียนมัธยมต้นเป็นอย่างมาก  อย่างน้อยก็ห้วงเวลาก่อนไปโรงเรียนในภาคเช้านั่นแหละ

ในห้วงมัธยมต้น  ผมเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอ  ซึ่งห่างจากบ้านในราว 10 กิโลเมตร  ด้วยฐานะที่ไม่ค่อยดีนัก  ผมต้องอาศัยรถฟรีไปและกลับจากหน่วยงานภาครัฐในชุมชน  หากวันใดตกรถ ก็ต้องเดินเท้ากลับบ้านไปตามธรรมเนียม  เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่ารถโดยสาร (2 บาท)

ก่อนไปโรงเรียน-เช้าๆ ผมจะต้องหาบน้ำ หรือขนน้ำใส่ตุ่มให้เต็มทุกตุ่ม  รดน้ำพืชผักสวนครัวให้แม่  ถัดจากนั้นจึงอาบน้ำกินข้าว   และไปโรงเรียน –

ครั้นเข้าเรียนมัธยมปลายในตัวจังหวัด  กิจวัตรอันแสนสุขเช่นนั้นหลุดลอยไปจากผมอย่างสิ้นเชิง...ผมตื่นเช้าและกลับถึงบ้านในเย็นย่ำทุกวัน  ภารกิจต่างๆ เลือนหายไปเกือบหมด ดีหน่อยก็ได้ตักน้ำ หาบน้ำ นึ่งข้าว  ล้างจานและถูกบ้านเท่านั้นเอง

 

 

(3)

 

ภาพชีวิตในห้วงมัธยมปลาย-  ผมจำแม่นมั่นว่า “แม่”  ทำอะไรให้ผมบ้าง

ในความเป็นจริง  ผมตื่นตอนตี 4 แต่แม่กลับต้องตื่นก่อนผมในทุกเช้า,

ครับ, แม่ตื่นมาทำหน้าที่ของความเป็นแม่  นับตั้งแต่นึ่งข้าวเหนียวร้อนๆ ให้ผมได้ทานก่อนการก้าวลงบันได  เพื่อดุ่มเดินออกไปรอรถโดยสารให้นำพาไปสู่โรงเรียนแห่ง “ชีวิตและอนาคต”

ครับ, ผมจำได้แม่นมั่น  ราวกับเรื่องราวเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่กี่วัน- ในทุกๆ เช้า  แม่นึ่งข้าว และทำอาหารให้ทานอย่างไม่บกพร่อง  ซึ่งอาหารที่ว่านั้นมักวนเวียนด้วยเมนูเดิมๆ  นั่นก็คือ “ไข่ต้ม-ไข่เจียว-ไข่ดาว”

ครับ, นี่คือความจริง นี่คืออาหารอันเลิศรสในเช้ารุ่งของชีวิตนักเรียนอย่างผม  นี่คืออาหารจากดวงใจของแม่-แม่ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าวันนั้น หรือวันนี้ แม่ก็ยังเป็นแม่

ผมไม่รู้หรอกว่ารสชาติของอาหารตระกูลไข่อร่อยอย่างไร  ผมรู้เพียงแต่ว่า “...สิ่งที่แม่ได้ลงแรงไปนั้น มันอิ่มอุ่น ละมุมละไมเป็นที่สุด...”  มันเหมือนผมกำลังเดินทางไกลเป็นหมื่นลี้  และแม่ก็ไม่เคยละเลยที่จะตระเตรียมเสบียงอาหารยัดลงย่ามให้กับผม-

กาลครั้งนั้น  ผมไม่ค่อยได้กินข้าวมื้อเที่ยงเท่าใดนัก  เพราะเงินที่ได้ติดตัวมาก็ในราวๆ 10-15 บาท  เต็มที่ก็ไม่เคยเกิน 20 บาท  หักค่ารถไปกลับก็สิบบาทพอดิบพอดี  เงินที่เหลือประมาณ 5 บาท  ไม่เพียงพอต่อการเดินเข้าสู่โรงอาหารของโรงเรียนมีชื่อแห่งนั้นได้

ฉะนี้แล้ว  ชีวิตส่วนใหญ่ของผมจึงเร้นกายหายลับเข้าไปในห้องสมุด  เมื่อระฆังบ่ายลั่นเสียง จึงกลับเข้ามาในชั้นเรียนอีกรอบ-

 

(4)

ผมไม่เคยบอกแม่ว่าเงินที่ได้ในแต่ละวัน ไม่พอต่อการซื้ออาหารกลางวัน  เพราะเฉลี่ยแล้วอาหารทุกอย่างจะอยู่ในราคาประมาณ 5-7 บาทแทบทั้งสิ้น

ครับ, ผมไม่พูด ไม่บอก และก็ไม่เคยกล่าวโทษใดๆ ต่อแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว  ผมรู้แต่เพียงว่า “อาหารตระกูลไข่”  ที่แม่ปลุกปั้นในทุกๆ รุ่งเช้านั้น  มันคืออาหารทิพย์ที่ช่วยให้ผมอิ่มสุขและอิ่มทิพย์ได้ทั้งวัน

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  เพราะทุกวันนี้  ผมก็ไม่เคยสะทกสะท้อนต่อการอดข้าวต่อเนื่อง 2-3 วัน

 

(5)

ครับ, ผมจำได้แม่นมั่นว่าตอนเรียนมัธยมปีที่ 4   ผมถือโอกาสไปบวชชีพราหมณ์เนื่องในวันแม่ฯ

การบวชในครั้งนั้น ผมเข้าร่วมการบวชชีพราหมณ์โดยไม่ได้บอกแม่- ไม่บอก ไม่ใช่เพราะกลัวท่านจะไม่อนุญาต แต่มันเป็นภาวะความเขินอายที่จะบอกว่า “ผมจะทำดีเพื่อแม่...”

ครั้งนั้น,  มีการประกวดแต่งกลอนวันแม่บนศาลาวัด  ซึ่งทุกๆ คนถูกกำหนดให้เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้นโดยปริยาย  และครั้งนั้น  ผมได้ตังค์มาเกือบสามร้อยบาท  โดยทั้งหลายทั้งปวงนั้น  ผมนำไปซื้อ “ผ้าถุง”  และ “เสื้อ”  กลับบ้านไปฝากแม่...

 

(6)

จวบจนบัดนี้  ผมยังนึกไม่ออกว่า  ผมเคยได้ทำอาหารชนิดใดให้แม่ได้ทานบ้าง

แต่ที่แน่ๆ ผมจำได้แม่นมั่นว่า...ในห้วงวัยมัธยมปลายนั้น ผมต้องตื่นตอนตีสี่ ขณะที่แม่ต้องตื่นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย

ครับ, ผมจำได้แม่นมั่น  ราวกับเรื่องราวเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่กี่วัน- ในทุกๆ เช้า  แม่นึ่งข้าว และทำอาหารให้ทานอย่างไม่บกพร่อง  ซึ่งอาหารที่ว่านั้นมักวนเวียนด้วยเมนูเดิมๆ  นั่นก็คือ “ไข่ต้ม-ไข่เจียว-ไข่ดาว”

และมันก็อร่อยจริงๆ...

 

หมายเลขบันทึก: 499496เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2012 09:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม 2012 13:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

บันทึกนี้อ่านแล้วอบอุ่น อุ่นหัวใจค่ะอาจารย์...

อดีตที่ผ่านรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมเราจนเป็นเราในวันนี้นะคะ ชื่นชมความมุ่งมั่นของอาจารย์มากค่ะ

ด้วยจิตคารวะ

เมนูไข่ได้ใจคุณลูกมิรู้ลืม..

  • เมนูไข่ ทำให้อาจารย์มีหัวใจยิ่งใหญ่มอบความรักและแบ่งปันความดีให้กับทุกคนโดยไม่ปริปากบ่น ...ทานไข่ฝีมือคุณแม่บ่อย ๆ นะคะ ท่านจะได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนเช่นที่เคยทำให้เราอบอุ่นใจมาแล้วค่ะ
  • อาจารย์พักให้หายเหนื่อยก่อนนะคะ และก็สบาย ๆ ได้เลยค่ะ อยากประชาสัมพันธ์ให้อาจารย์ทราบว่าเราสามารถเข้าไปสำรวจบันทึกเก่า ๆ ของเราและพิมพ์คำสำคัญเพิ่มว่า Happy Ba บันทึกเหล่านั้นจะกลายเป็นตัวอย่างพื้นที่ความสุขให้พวกเราทุกคนมาร่วมกันถอดบทเรียนในแต่ละพื้นที่กันค่ะ
  • อาจารย์ยังไม่พร้อมตอนนี้ก็ไม่ต้องเริ่มบันทึกใหม่ก็ได้ค่ะ ตอนนี้ ก็รณรงค์ส่งเสริมให้กัลยาณมิตรหลายท่านอาศัยบุญเก่ากันอยู่ค่ะ เสบียงอาจารย์เยอะอยู่แล้ว ลองดูนะคะว่าบันทึกไหนสะท้อนถึงพื้นที่ที่อยู่หรือไปทำแล้วเกิดการเรียนรู้ เกิดปัญญา มีมิติทางจิตใจ อารมณ์ร่วมกันก็ใช่ทั้งนั้นเลยค่ะ แวะไปดูตัวอย่างบันทึกได้ใน Happy Ba นำพาเรามาพบกัน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/499415 นะคะ

อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว ชวนให้อมยิ้มอละนึกถึงสมัยที่ตัวเองไปโรงเรียนเหมือนกันค่ะ ต้องเดินไปเรียนทุกวันข้ามเขาลงห้วย ขอบคุณค่ะ...

คุณย่าก็ทำไข่ดาว กับข้าวสวย พร้อมโอวัลตินอีกแก้ว ทุกเช้าท่านจะมานั่งป้อนข้าวเด็กดื้อ ให้กินเสร็จและไปโรงเรียนทันพวกพี่ ๆ เสมอ

คิดถึงคุณย่าจับใจ...

ชีวิตที่ไม่สุขสบายทำให้ลูกอย่างคุณพนัสแข็งแกร่งอย่างที่เป็น และความรักที่แม่มีต่อลูก ทำให้คุณพนัสเป็นคนมีความละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง หนักแน่นยอมทนลำบาก ปรับตัวเองกับสิ่งที่มีโดยไม่ปริปากให้แม่รับรู้ ส่งผลให้เราได้ทรัพยากรบุคคลอย่างคุณพนัสที่เป็นตัวอย่างคนดีได้ด้วยการกระทำและความจริงจากใจ ชื่นชมทั้งคุณแม่และคุณลูกเลยค่ะ ขอบคุณเรื่องราวที่น่าประทับใจนี้นะคะ 

ขอบคุณบันทึกนี้
อ่านจบต้องนั่งนิ่ง

หนึ่งอึดใจ

สวัสดีค่ะBlank แผ่นดิน  หวังว่าทา่านคงจะสบายดีนะคะ  ขอบคุณ สำหรับบันทึกดีๆ  ที่นำมาแบ่งปันกันอ่าน   ขอให้ท่านจงมีความเจรฺญรุ่งเรือง  ว่างๆแวะไปอ่านนิทานของครูทิพย์บ้างนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท