สัมผัสความรักของธรรมชาติ


เมื่อกี้ผมนั่งสมาธิไปพร้อมฟังเพลงช่อง Christian ของ CalmRadio.com ไปด้วย แล้วเกิดช่วงเวลา "ปัญญาญาณ" (คิดว่าแปลเป็นไทยอย่างนี้จาก Bodhodaya) ขึ้นมาวูบหนึ่งว่าตัวเรานี้ละทิ้งโอกาสในการสัมผัสความรักจากธรรมชาติไปมากทีเดียว ทั้งๆ ที่ธรรมชาติมอบความรักให้เรามากมายนักอยู่ตลอดเวลา

มนุษย์เรานี้มีประสาทสัมผัสที่แสนจำกัดในการเข้าถึง "ความรักของธรรมชาติ" การที่ได้มีโอกาสให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ทำงานอย่างต่อเนื่องนั้นชลอการทำงานลงบ้างเป็นการเปิดโอกาสให้ประสาทสัมผัสเหล่านั้นได้สัมผัส "ความรัก" ที่มีอยู่มากมายในจักรวาลนี้ (Universal Love)

มิน่าเล่า "สมาธิ" (meditation) ถึงเป็นหัวใจของทุกศาสนาในโลกนี้

Bodhodaya บวก Kensho บวก Ephiphany ให้ได้รับรู้ถึง "ความรักของธรรมชาติ" นี้มีความสุขอย่างยิ่ง (เดาว่าน่าจะใกล้เคียงกับ sukha หนึ่งในห้า jhana factors) เหมือนเป็นการเปิดมิติของสัมผัสใหม่ ผมคิดว่าแต่ละศาสนาใช้คำที่แตกต่างกันไปแต่ล้วนหมายถึงสิ่งเดียวกันทั้งสิ้น

โลกนี้รอคอยใครสักคนที่จะมาหลอมรวม "ประสบการณ์" เหล่านี้ที่เหมือนกันในทุกศาสนาให้เป็นคำอธิบายเดียวกัน

แต่คนที่อธิบายสิ่งเหล่านี้ข้ามศาสนาแม้จะมีอยู่ไม่น้อยก็ยังไม่ได้รับการยอมรับมากมายนักในปัจจุบันนี้ คงต้องรอเวลาที่จะกลายเป็นกระแสหลัก ซึ่งเชื่อว่าคงเป็นอีกไม่นานนี้

I practice zazen to realize the existence of God. Jhana factors are Her touches. It's the Love of Tao.

หมายเลขบันทึก: 498698เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2012 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม 2012 23:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ธรรมชาติทำให้จิตใจเราอ่อนโยนลงค่ะ เมื่อจิตใจอ่อนโยนลงทำให้เราเปิดใจรับความแตกต่างได้มากขึ้น ทำให้เราสามารถคุยกันด้วยภาษาเดียวกันได้ คนที่มีจุดเหมือนร่วมกันจะหล่อหลอมกันได้ง่ายขึ้น นำไปสู่สันติ

ขอบคุณความรักของธรรมชาติที่นำมาแบ่งปันค่ะอาจารย์

จริงด้วยนะคะ ===> เราได้...สัมผัสความรักของธรรมชาติ....มากมาย...แต่บางครั้ง...เราลืมคิด...และหละทิ้งโอกาสนั้นไป.... "เสียดาย" เวลาที่ผ่านไปนะคะ...แต่สามารถ "ทำขึ้นมาใหม่" ได้นะคะ

ขอบคุณบทความดีดีที่นำมาแบ่งปันนะคะ

สวัสดีค่ะ

     การที่เรามีโอกาสได้สัมผัสกับ "ความรักของธรรมชาติ" เป็นความสุขอย่างยิ่ง

                      ขอบคุณบทความดีๆค่ะ

    

สวัสดีค่ะ..

......"ความรัก.ในธรรมชาติ..มีความพอดี.พอเหมาะ..ด้วยการพึ่งพา..ซึ่งกันและกัน"..หากแต่รัก..ที่ผิด..ธรรมชาติ..ในมวล.มนุษย์มักจะเป็นสาเหตุ..ความหลง(ผิด)..ที่ตามมา..เป็นต้นว่า..ใช้ความรักศาสนา..เป็นเครื่องมือ..ฆ่า.กัน..(อย่างทุกวันนี้)..ยายธี..

  • ผมคิดว่าแต่ละศาสนาใช้คำที่แตกต่างกันไปแต่ล้วนหมายถึงสิ่งเดียวกันทั้งสิ้น
  • ชื่นชมแนวคิดเปิดกว้างของอาจารย์คะ ผสมผสาน Spiritual and science ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจกันมากขึ้น 

 

  • สมาธิ
  • ตอนแรกผมอ่านแต่ไม่ได้ปฏิบัติก็ไม่เกิดผลดีอะไร
  • แต่เมื่อได้ปฏิบัติมากขึ้น
  • มีการพัฒนาด้านจิตใจเพิ่มขึ้น
  • ขอบคุณเนื้อหาที่ทำให้ "อยาก" ปฏิบัติครับ
  • วันศุกร์นี้จะลองดูครับ

เรากับธรรมชาติ ต้องอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกันค่ะ

ถ้าเรารักไม่รักธรรมชาติ ธรรมชาติจะลงโทษเรา

เหมือนดั่งปัจจุบัน.. เราทำลายธรรมชาติ จึงต้องยอมรับผลจากการกระทำนั้นๆ

ถ้าการฝึกสมาธิ ช่วยให้เราระลึกได้.. ต้องรีบแล้วค่ะอาจารย์

 

สวัสดีค่ะ ขอบคุณบันทึกจากใจสัมผัสของอาจารย์นะคะ การทำอะไรให้ช้าลงบ้างก็ช่วยให้มองเห็นสิ่งที่เคยละเลยค่ะ

เห็นด้วยกับท่านอาจารย์ครับ และก็เห็นด้วยกับท่านปรมาจารย์เต๋าที่ได้เคยกล่าวไว้ด้วยครับ...

สมาธิ" (meditation) เป็นหัวใจของทุกศาสนาในโลกนี้

ชอบมาก ที่ว่านั่งสมาธิ ดีนะคะ สมาธิ ทำให้ สงบ สบาย และความสบายจะเป็นเครื่องจูงใจ ให้เกิดศรัทธา ความเชื่อ และมีความประสงค์จะทำให้ความสบายนั้นเกิดขึ้นอีก เมื่อทำไปเรื่อยๆ จิตจะมีการรวมตัวมากยิ่งขึ้น ร่างกายมีกำลังได้ก็เมื่อได้รับอาหาร เช่นกัน จิตจะมีกำลังได้เพราะสมาธิ ถ้าไม่ทำสมาธิ จิตจะเกิดความฟุ้งซ่าน กังวล วุ่นวายใจ ควบคุมจิตไม่ได้ เพราะกำลังไม่เพียงพอ คุมจิตไม่ได้ก็เดือดร้อน ส่งผลตัดสินใจผิดพลาด แล้วก็มาเสียใจภายหลังกันว่า ไม่น่าเลยเรา นี่ก็เนื่องว่าสมาธิอ่อนแอ ควบคุมจิตใจก็คุมไม่ไหว ความเศร้าหมอง ขุ่นข้องใจ ผิดหวัง ก็เกิด ซึ่งเป็นภาวะของจิตที่เสียกำลัง เมื่อเสียมากๆเข้าไปจนถึงขีดต่ำสุด จะต้านทานอารมณ์ต่างๆไม่ได้ เกิดความวิปริตของจิต เคลิ้ม หลงใหล มองไปเห็นผิดเป็นชอบ ไม่ดีก็ว่าดี (มีเยอะนะคะ) เมื่อลดไปจนถึง จิตต่ำทรามเป็นอันว่าใครก็ฉุดไม่อยู่นะนั่น..อิอิ แต่กรณีฉุดไม่อยู่ ผู้ตรัสรู้อย่างพระพุทธเจ้า ก็ทรงตัดรำคาญ ด้วย อุเบกขา เพราะว่า พวกนี้แม้สั่งสอนเพียงใดก็ไม่อยากจะฟัง พวกนี้จึงสามารถสร้างบาปได้ ชั่วได้มากในสิ่งที่เราคิดว่าไม่น่าจะทำได้ แต่พวกนี้ทำได้ อ้าว....นี่เราไปเรื่อยเลย จบไม่ลง 555 สรุปว่า จิตใจเรานั้นเมื่อพยายามทำให้เกิดสมาธิแล้วจะสามารถบังคับจิตให้เดินไปทางใดก็ย่อมได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท