ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่ข้าพเจ้าจะได้เปิดสมุดเล่มใหม่ เพื่อใช้บันทึกและบอกเล่าความคิดและความเป็นไปของชีวิตของคนเล็กๆ คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ และใฝ่ฝันหาชีวิตที่ สุข สงบเงียบ เรียบง่าย อันเป็นที่มาของชื่อบล็อกนี้ค่ะ
.
.
บรรดาโรคทั้งหลายนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า "ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง" ก็เป็นความจริงที่ไม่สามารถจะคัดค้านได้ สัตว์ทั้งหลายอาจจะว่างเว้นจากโรคอื่นๆ ๑ ปีบ้าง ๒ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้างก็พอดี แต่ใครเล่าจะว่างเว้นจากโรคคือความหิวแม้เพียงวันเดียว โรคคือความหิวนี้จึงต้องการบำบัดอยู่ตลอดเวลาตลอดอายุ การที่มนุษย์ต้องวิ่งเต้นชนิด "กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นเปลว" นั้น ส่วนใหญ่ก็เพื่อนำปัจจัยซึ่งสามารถบำบัดความหิวนี้เอง มาปรนเปรอร่างกายอันพร่องอยู่เสมอ
ข้อความข้างบนนี้ข้าพเจ้ายกมาจากหนังสือ “พระอานนท์พุทธอนุชา” ของท่านอาจารย์วศิน อินทสระ ซึ่งได้เคยอ่านมาหลายปีแล้ว จากจุดนี้และความคำนึงในด้านสุขภาพร่างกาย ทำให้คิดว่าในทุกๆ วันของชีวิตที่เหลือ ข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น ข้าพเจ้าจะปรนเปรอร่างกายที่พร่องอยู่เสมอนี้ด้วยสิ่งที่จะทำให้ชีวิตอื่นทุกข์ทรมานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะโรคหิวนี้ทำอย่างไรก็จะรักษาไม่หาย ข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะเผชิญกับมันด้วยตนเองและไม่คิดจะนำชีวิตอื่น (สัตว์) เข้ามาข้องเกี่ยวด้วยเท่าที่จะทำได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นข้าพเจ้าได้พยายามมาโดยตลอดที่จะไม่ทำให้ความเชื่อส่วนตัวและทางเลือกของข้าพเจ้าไปสร้างความเดือดร้อนทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับเพื่อนผู้ร่วมทางเดินด้วยค่ะ ทุกๆ งานที่ได้รับเชิญ ในทุกๆ ร้านอาหารที่ไป ข้าพเจ้าเลือกทานในสิ่งที่ทานได้เสมอ ไม่ต้องมีการจัดเตรียมเมนูพิเศษใด บางคนไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำในความเชื่อที่อาจไม่เหมือนใครของข้าพเจ้า
การไปทานอาหารไปอยู่ในสมาคมกับผู้คนไม่ใช่เพียงเพื่อไปเติมเต็มอาหารกายแต่ก็รวมไปถึงอาหารใจด้วย และคงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่ความต้องการในชีวิตที่เรียบง่ายของเราไปสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตอื่น...ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้น
กว่าสิบสามปีมาแล้วที่ข้าพเจ้าละเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิดด้วยเหตุผลข้างต้น ข้าพเจ้าจึงได้หัดทำอาหารในวันที่โอกาสอำนวยเพื่อเพิ่มความสุขในชีวิต ซึ่งอาจจะเกิดจากการดัดแปลงด้วยตนเองหรือไปพบเจอมา สมุดเล่มนี้จะใช้บันทึกเรื่องราวจิปาถะที่โยงใยไปถึงชื่อบล็อก รวมไปถึงเมนูทางเลือกที่ข้าพเจ้าชอบและอยากแบ่งปันให้แก่กัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ เผื่อบางโอกาสใดที่ท่านต้องการการเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตในช่วงเทศกาลต่างๆ อาจจะลองดูบ้างก็ได้นะคะ รสชาติอาจไม่ค่อยอร่อยคุ้นลิ้น แต่รับรองกินแล้วสบายกาย+ใจค่ะ
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าโทรไปคุยกับที่บ้านและได้รับการบอกเล่าว่าที่บ้านกำลังอิ่มเอมกับการกินขนมจีนน้ำเงี้ยว ด้วยที่ข้าพเจ้าเป็นสาว(เหลือ)น้อยชาวเหนือ จึงรู้สึกอยากทานเมนูคนเมืองนี้ขึ้นมาในทันใด เลยทำทานเองค่ะ วันนี้เลยอยากนำเมนูนี้มาแบ่งปันนะคะ
ขนมจีนน้ำเงี้ยวไสตล์ปริมเองค่ะ
ส่วนประกอบ
1) เต้าหู้แข็งสีขาวยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ ให้โปรตีนแทนหมูสับ
2) เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดชนิดใดก็ได้ตามชอบค่ะ ข้าพเจ้าชอบทานเห็ดทุกชนิดอยู่แล้ว พอดีวันนั้นมีเห็ดชิตาเกะและเห็ดนางฟ้าก็เลยใช้ทั้งสองอย่าง
3) หน่อไม้ต้มสุก หน่อไม้ให้ texture ที่ต่างไปค่ะ ช่วยให้อาหารน่าสนใจขึ้นเวลาขบเคี้ยว
4) มะเขือเทศหั่น
5) ส่วนประกอบของน้ำพริก ก็มีพริก หอมแดง กระเทียม รากผักชี และเต้าเจี้ยวเพื่อเพิ่มรสชาติ
6) ผักเครื่องเคียงต่างๆ ตามชอบ เช่นถั่วงอก ต้นหอม ผักชี ผักสลัดไอซ์เบิร์ก มะนาว พริกแห้ง กระเทียมเจียว ฯ
...
...
...
...
วิธีทำ
1) ต้มน้ำให้เดือด
2) นำส่วนประกอบของน้ำพริกใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด แล้วเทลงในน้ำที่กำลังเดือด หากต้องการความหอมอร่อยท่านอาจนำน้ำพริกไปผัดกับเต้าหู้ในน้ำมันก่อนก็ได้ค่ะและเทลงในน้ำเดือด แต่ข้าพเจ้าชอบแบบไม่ต้องผัดเพราะบ้านเป็นอพาร์ตเมนท์เล็กๆ หากผัดแล้วกลิ่นน้ำพริกจะตลบอบอวลบ้านค่ะ
3) เมื่อน้ำเดือดอีกที ใส่เห็ด เต้าหู้ หน่อไม้ที่หั่นเเตรียมไว้ ใครมีดอกงิ้วแห้งก็ใส่ลงไปด้วยนะคะ จะได้สมกับชื่อเมนู
4) พอสุกใส่มะเขือเทศ แล้วปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และ/หรือ น้ำตาลตามชอบ
5) เตรียมเส้นขนมจีน ด้วยการลวกเส้นขนมจีน หรืออาจใช้เส้นหมีสั่วก็อร่อยค่ะ ที่นี่มีขนมจีนสดขายที่ร้านไทยที่โกลเด้นไมล์ แต่เพื่อความสะดวกข้าพเจ้าจะเตรียมขนมจีนจากเส้นแห้งค่ะ
...
...
...
เชิญทัศนาด้วยกันค่ะ...
ด้วยความนอบน้อม
ปริม ทัดบุปผา
๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
ว้าว!! แจ่มนะคะเนี่ย
น่ากินมากมาย เห็นแล้วหิวจัง
ขอบคุณเมนูอร่อยๆที่นำมาฝาก คลิกถูกใจค่ะคุณปริม
ปล. วันนี้บ้านพี่สาวมีขนมจีนแกงไตปลาไปกินดีกว่า หิวเลย อิอิ
เครื่องปรุงสดใหม่..สีสันน่าลิ้มลอง..เข้าช่วงมื้อเย็นพอดีค่ะ..
ขอบคุณค่ะ ได้เมนูขนมจีนน้ำเงี้ยวสูตรบำรุงทั้งกายและใจ ใช้เห็ดหูหนูสีคล้ายเลือดหมูทำให้ดูน่ากินทีเดียว .. อย่างนี้น่าจะมี แคบหมูเทียม ทำจากอะไรดีน้า..
น้องปริมค่ะ.. อาหารสุขภาพนะค่ะเนี่ย.. ..ออกจะครบเครื่อง ..ชวนเพียงให้ทัศนาด้วยกัน...อืมม์..สีสัน texture ดูยั่วเย้ามากนะค่ะ. รสชาติก็พอจะเดาได้...ยั่วหิวอย่างงี้ ..ขอกลับไปทำอะไรที่บ้านก่อนละกันนะค่ะ..chef หญ่าย...;-))
สวัสดีครับ
ดูทีไรก็น่ากิน ;) น่าลองทำเหมือนกันครับ ถ่ายภาพสวยอย่างนี้ ใครเห็นก็น้ำลายไหล
สวัสดีค่ะคุณหนูรี,
Chef ใหญ่ให้เกียรติมาชม kitchenhand ขอบคุณมากค่ะ ;)
แกงไตปลาอร่อยไหมคะ ;)
ฝันดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่,
ความสดใหม่ ผักสดสดสีสันสดใส เป็นเสน่ห์ของอาหารไทยเราเลยค่ะ สด อร่อย สุขภาพดีค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ;)
สวัสดีค่ะคุณมะเดื่อ,
รสชาดดีใช้ได้ค่ะเพราะความสดของผักค่ะ
คุณมะเดื่อลองทำดูนะคะ ง่ายๆค่ะเมนูนี้ ;)
ขอบคุณค่ะที่มาทักทายกันเสมอนะคะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.
เห็ดชิตาเกะค่ะที่ใช้ พอสุกให้สีเหมือนเลือดไก่เลย อิอิอิ
เคยไปทานที่ร้านอาหาร คุณเชิญ เขาใช้ฟองเต้าหู้ทอดแทนแคบหมูค่ะ อร่อยใช้ได้ ถ้าคุณหมอว่างและอยากลองเมนูทางเลือกแบบนี้ ลองที่ร้านคุณเชิญแถบนิมมานเหมินทร์ค่ะ (โฆษณาร้านประจำค่ะ)
ขอบคุณค่ะ
ขออีกที อิอิ...พิมพ์แล้วหายแว๊ป เอาใหม่ จะบอกคุณปริมว่าได้สูตรใหม่ น้ำเงี้ยวที่อร่อยที่สุด มีสีสรรสวยงาม น่ารับประทานมากๆค่ะ
ทำไมเราต้องมาอ่านบันทึกนี้ตอนห้าทุ่มด้วยหนออออ ทำให้ท้องร้องเลยเรา......:):)
สวัสดีค่ะพี่อาจารย์ kwancha,
ที่ว่า chef หญ่ายคือพี่อาจารย์ใช่ไหมคะ? ปริมยังไม่ชำนาญมากค่ะ หัดทำไปเรื่อยๆ รสชาดพอรับได้ค่ะคนใกล้ตัวพยักหน้่ารับ แบบว่าไม่กล้าออกรับมากค่ะเดี๋ยวเจอบ่อย ครั้นจะบอกตรงๆก็ไม่ได้อีกเช่นกัน ;)
ขอบคุณมากค่ะ ฝันดีนะคะคืนนี้
;)
สวัสดียามดึกค่ะคุณพี่สันติสุข
ชอบจังค่ะที่ว่าขนมจีนหน้าตามีสกุล (ฮามากค่ะ) สีสันน่าทาน รสชาดพอไปได้ กินแล้วสบายใจ เอามาเขียนบล็อกได้อีกต่างหากค่ะ ประโยชน์หลายเลย ;)
สุขสบายใจดีค่ะช่วงนี้ ขอบคุณค่ะ
ฝันดีค่ะคุณพี่ ;)
หยุดน้ำลายไว้ไม่อยู่ครับ ;)...
สวัสดีค่ะคุณ ธ.วัชชัย,
ลองทำดูนะคะถ้ามีเวลา ทำได้ไม่ยากค่ะเมนูนี้เพราะที่ทำยากๆ คงไม่มีโอกาสมาขึ้นบล็อกค่ะเพราะทำไม่เป็นเหมือนกัน อิอิอิ
ขอบคุณมากนะคะ ;)
สวัสดีค่ะ krutoom,
สูตรนี้ไม่มีความลับค่ะ ลองได้เลยนะคะ ;)
น่าเสียดายไม่ได้อยู่เชียงใหม่ค่ะ มิเช่นนั้น วันที่ 16 ก.ย. จะไปเก็บเห็ดที่นาที่แม่ตาดมาทำเมนูเพื่ิอสุขภาพนี้ต้อนรับคณะ กทน. ค่ะ พี่เพลินบอกว่าที่ป่าใกล้ๆนามีเห็ดเยอะมาก เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะคะ ;)
ขอบคุณค่ะคุณครู
สวัสดีค่ะคุณวิชญธรรม,
เกือบได้เวลาอาหารอีกมื้อนะคะ เวลานี้ ;)
ถึงเวลาหิวหน้าตาอย่างไรก็ดูอร่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ ;)
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ Wasawat Deemarn,
แต้กาเจ้าอาจารย์ ;)
ฝันดีค่ะ
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มาช่วยเปิดหน้าแรกของสมุดบันทึกเล่มนี้นะคะ และขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้สำหรับเมนูทางเลือกเมนูนี้ค่ะ
ฝันดีค่ะคืนนี้ ;)
หน่อไม้ต้มสุก หน่อไม้ให้ texture ที่ต่างไปค่ะ ช่วยให้อาหารน่าสนใจขึ้นเวลาขบเคี้ยว
แทนกระดูกหมูอ่อนได้พอดีเลยนะคะ
น่ากินจริง ๆ
อืม เมื่อไหร่พี่จะตัดความอยาก ความเจริญอาหาร เรื่องรสชาติที่อร่อยของเนื้อสัตว์ได้เด็ดขาดบ้าง ลดได้แต่ยังเลิกไม่ได้ค่ะ:-)
ปล. อ่านบันทึกแล้วต้องไปค้นกูเกิ้ล ว่า รสชาติเขียนแบบไหน
ค้นหลายครั้งก็ยังจำไม่ค่อยได้ ค้นล่าสุดก่อนเขียนความคิดเห็นนี้ ใช้ -ติ สะกดนะคะน้องปริม
สวัสดีค่ะพี่หมอภูสุภา,
ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเตือนเรื่องคำสะกด ตอนนี้ปริมแก้เป็นรสชาติแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ
เนื้อสัตว์ให้รสชาติที่น่าลิ้มลอง ชวนเจริญาหารค่ะ ไม่ว่าจะใช้ผักชนิดไหนมาทดแทนก็แทนรสนั้นไม่ได้ค่ะ เคยทานพวก mock meat แต่ไม่ชอบเพราะเต็มไปด้วย additives ค่ะ ก็ยังได้รสไม่เหมือนเนื้อสัตว์ค่ะ แม้ไม่ได้แตะเนื้อสัตว์มาหลายปี ยังจำกลิ่นรสได้ดีค่ะ
มีบางครั้งที่รู้สึกอยากในรสนั้นเช่นกันค่ะ ในตอนที่เปลี่ยนใหม่ๆ แต่พอนานเข้าก็ชินและความอยากนั้นก็ลดลงไปค่ะ ตอนนี้ไม่รู้สึกมากแล้ว
แค่ลดเนื่อสัตว์ลงได้สัปดาห์ละมื้อแค่นี้ก็ดีมากๆแล้วค่ะพี่หมอ ค่อยๆทำไปทีละหน่อย เดี๋ยวก็เป็นอัตโนมัติค่ะ
ที่สำคัญตามคำสอนพระพุธองค์ก็ไม่ทรงห้ามคนไม่ให้กินนื้อสัตว์ค่ะ ปริมไม่ได้ทำตามคำสอนในรื่องนี้ แต่เอาที่สบายใจและคิดว่าดีกับร่างกายมากกว่าค่ะ ก็เลยทำไป
ขอบคุณค่ะพี่หมอที่มาแลกเปลี่ยนค่ะ
ขอให้มีความสุขมาก ๆ กับการทำงานนะคะ
ปล. เรื่อง Presenter ต้องขออภัยนะคะที่อาจทำให้เข้าใจว่าจะต้องทำอะไรในบทบาทนี้หรือเปล่า จริงๆ แล้วเพียงขออนุญาตอ้างอิงเพื่อให้บางท่านเห็นคุณปริมเป็นตัวอย่างของกัลยาณมิตรที่ว่าแม้จะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนก็อยู่ในคลับ/ชมรมเดียวกันได้ เพราะเราเน้นการแลกเปลี่ยนในประเด็นร่วมกันเป็นหลัก และต้องขอบพระคุณมากค่ะสำหรับความเห็นเรื่อง "ความสุข" จากภายในที่งดงาม สิ่งนี้คือสิ่งที่ใฝ่ฝันอยากให้ท่านที่อยู่ร่วม CoP แบ่งปันมากค่ะ ส่วนแนวทางการดำเนินการกำลังรอหารือพร้อมหน้าพร้อมตากันกับพี่นุชและเจ้าของทุนในวันที่ ๑๗ สค นี้ แล้วจะเรียนให้ทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมทราบค่ะ
ด้วยรัก
ที่สุพรรณบุรี มีร้านหนึ่ง ใกล้สี่แยกแขวง ทำอร่อยมาก ส่วนคุณปริม เก่งหลายอย่างนะครับ ทั้งงานเขียน ถ่ายภาพ และทำอาหาร เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมากมากมาก ขอปรบบมือให้ดังดัง
น่าทานมากค่ะคุณปริม
ของชอบเลยคะ ถึงเป็นคนสุพรรณ แต่หลงใหล ของเหนือทุกอย่างเลยคะ ที่สุพรรณก็มีร้านอาหารเหนืออร่อยมากๆเลยคะ เห็นแล้วหิวเลยคะ อยากไปอยู่เหนือมากๆ คะ
น่าอร่อย ไม่เคยทานน้ำเงี้ยว ต่อไปอาจจะลองดู คงจะต่างจากน้ำยาป่าของอีสานนะครับ
น่าทานมากค่ะ เคยทานอาหารเจเป็นระยะ อยู่ที่ความสะดวกค่ะ
..ที่ป่ายายธีมี..ดอกเงี้ยว.(ดอกไม่นี้สวยมากเหมือนดอกไม้ที่หล่นมาจากสวรรค์เจ้าค่ะ). กระเหรี่ยง..เขา..นำไปใส่แกงนี้..เจ้าค่ะ..(ยายธี)....
สวัสดีค่ะคุณศิลา,
ปริมก็ทำได้แต่เมนูง่ายๆ และสะดวกค่ะ ที่ทำยากก็ออกไปทานข้างนอกเสียส่วนใหญ่ ไม่ใช่เก่งอะไรหรอกค่ะเป็นทักษะเพื่อความอยู่รอดค่ะ
สักวันฝันคงเป็นจริงนะคะ เพราะอย่างที่ John Lennon พูดเอาไว้ว่า A dream you dream alone is only a dream, a dream you dream together is reality - ความฝันที่ฝันคนเดียวคือความฝัน ฝันที่เราฝันด้วยกันคือความจริง ;)
ขอบคุณสำหรับการชี้แจงเรื่อง CoP คะ รับทราบและเข้าใจแล้วนะคะ
ฝันดีค่ะคืนนี้
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ชยันต์
ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือค่ะ อยากรับแต่ไม่กล้าค่ะเพราะอาจารย์ยังไม่ทราบวีรกรรมอื่นอีกค่ะ ค่อยๆเล่าให้ฟังนะคะ อาจารย์อาจเปลี่ยนใจค่ะ อิอิอิ
ดีใจที่อาจารย์ชอบทานขนมจีนเมืองเหนือนะคะ
ขอบคุณที่มาทักทายและให้กำลังใจเสมอนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณถาวร
ดีใจจังคุณถาวรกลับมาแล้ว...ดีใจจังค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่มาทักทายกันค่ะ
ฝันดีนะคะ
สวัสดีค่ะคุณกาสะลอง,
แหม...คนเหนือดีใจจังค่ะที่คนสุพรรณชอบทุกอย่างที่เป็นของคนเมืองนะคะ อาหารเหนืออร่อยค่ะสำหรับคนทีชอบทานค่ะ เป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์ด้วยค่ะเพราะนานๆเข้าคนทุกภาคจะกินของประเภทเดียวกันเสียหมดค่ะ
ขอบคุณคุณกาสะลองมากค่ะ ว่าแต่ว่าชื่อนี้ก็บ่งบอกความเป็นเหนือมากนะคะ งดงามค่ะ
ฝันดีเจ้า ;)
สวัสดีค่ะคุณพิชัย
ปริมก็ไม่เคยทานแกงป่าอีสานเสียด้วยสิคะ แต่คิดว่าไม่เหมือนแน่นอนค่ะเพราะขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นของทางเหนือโดยเฉพาะค่ะ มีเลือดไก่ มีหมูสับ กระดูกหมูอ่อน ด้วยค่ะ
ลองไปแวะทานดูนะคะแล้วจะติดใจอาหารคนเมืองเหนือเจ้า
ฝันดีค่ะ,
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ KRUDALA,
ขอบคุณมากค่ะคุณครู ปริมก็เป็นเจเขี่ย เจสะดวกในบางโอกาสเช่นกันค่ะ
ทำแบบสบายๆ ไม่เครียดทำแล้วมีความสุขนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณยายธี,
คุณยายได้กัลยาณมิตรกะเหรี่ยงเพิ่มอีกคนค่ะ ปริมก็ชอบกินดอกงิ้วนี้เหมือนกันค่ะ แต่วันนั้นไม่มีก็เลยไม่ได้ใส่ค่ะ ;)
ขอบคุณค่ะคุณยาย ;)
ปกติไม่ชอบทานขนมจีน.. แต่ดูจากหน้าตา ชักอยากลองดูมั่ง
สวัสดีค่ะคุณปริม...แวะมาชิมขนมจีนสูตรสาวเหนือรอบดึกค่ะ.
...ขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นเมนูที่เคยลิ้มลองแล้วติดใจค่ะ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองทำซักที(คนสอนไม่ว่าง)วันนี้ได้สูตรน่าทานจากคุณปริมแล้วคงไม่รีรอคนสอนแล้วค่ะ.
...คุณปริมคะใช้ถั่วเน่าแทนเต้าเจี้ยวได้รึเปล่าคะ(เข้ากันไหม)เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานเต้าเจี้ยวเลยค่ะ.
...สงสัยค่ะน้ำยาขนมจีนน้ำเงี้ยว เกี่ยวข้องกับเกสรดอกงิ้วหนามอย่างไรคะหากจะนำมาใช้ต้องใช้ในขั้นตอนไหนคะ เก็บไว้หลายกิโลแต่ไม่เคยได้ใช้เลยค่ะ.
...ฝันดีค่ะคุณปริม...
สวัสดีค่ะ kunrapee,
ระวังลองแล้วจะติดใจนะคะ อิอิอิ
มีความสุขในวันศุกร์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณน้อย
ใช่เลยค่ะ ถ้ามีถั่วเน้าก็ใช้ได้เลยตามสูตรข้างล่างนี้ค่ะ
ปริมใช้เต้าเจี้ยวเพราะสะดวกค่ะมีอยู่ในตู้เย็นอยู่แล้วไม่ได้ไปหาซื้อถั่วเน่าแผ่นมาไว้ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chaikum&month=09-2009&date=11&group=1&gblog=1
ได้ผลยังไง นำมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
ดอกงิ้วเป็นส่วนประกอบหนึ่งในขนมจีนน้ำเงี้ยวนะคะ แต่คงจะเรียกชื่อแผลงไปแทนที่จะเป็นขนมจีนน้ำงิ้วกับกลายเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่.... เดี๋ยวรอปริมอ่านหาข้อมูลก่อนนะคะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังใหม่
ขอบคุณค่ะคุณน้อย...เดี๋ยวเจอกันรอบสอง ในฐานะสาวเหนืออันนี้ต้องกระจ่างค่ะ ;)
สวัสดีค่ะคุณน้อย
กลับมาอีกทีสำหรับเรื่องดอกงิ้ว ส่วนใหญ่เขาจะแช่น้ำก่อนให้นิ่ม เพราะดอกงิ้วส่วนใหญ่จะแห้งแข็งนะคะ แล้วเอาใส่ลงไปหลังจากเครื่องปรุงต่างๆ ใส่ลงไปแล้วค่ะ จากหลายๆ เวปไซด์บอกว่าสูตรทางเชียงรายต้องมีดอกงิ้วด้วยไม่เช่นนั้นจะไม่สมกับชื่อขนมจีนน้ำเงี้ยวค่ะ
บ้างก็บอกว่าชื่อขนมจีนน้ำเงี้ยวแผลงมาจาก น้ำดอกงิ้ว บ้างก็บอกว่าชื่อขนมจีนน้ำเงี้ยวเรียกตามชื่อเผ่าพันธุ์ของคนทางเหนือที่มีเชื้อสายชาวเงี้ยว และดอกงิ้วก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของอาหารจานนี้ค่ะ
สรุปแล้วปริมไม่มีความรู้พอนะคะ ถ้าได้พบเจออีกจะนำมาชี้แจงต่อค่ะ
หวังว่าคุณน้อยจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่ถั่วเน่าและดอกงิ้วสักวันนะคะ ได้ผลอย่างเราเอามาอวดให้เชยชมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ