ผู้ประกอบการสามารถสร้างบรรยากาศให้เกิดวัฒนธรรมภายในเพื่อให้เกิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเน้นการค้าหาวิธีการในการทำงานใหม่เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงาน การสร้างวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงและสร้างทัศนคติที่ดีแก่บุคลากรต่อการเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (Arad et al., 1997;Tushman and O Reilly, 1997). ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจจะต้องมีการกำหนดเป็นวาระประจำปี และมีการประเมินตามรอบเวลาว่าแผนการดำเนินงานเป็นไปตามที่วางแผนไว้หรือไม่ วิธีการหนึ่งที่จะบรรลุการรักษาการเจริญเติบโต และความสามารถในการแข่งขันได้นั้นก็คือ การให้สนับสนุน กระตุ้นการสร้างความคิดสร้างสรรค์และแนวทางการปฏิบัติในการสร้างวัตกรรมภายในองค์กร ซึ่งจะต้องมีการมอบหมายจากผู้บริหารระดับสูง เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกในบรรยากาศการทำงาน
ผู้ประกอบการจะต้องตระหนักว่าการที่องค์กรจะมีนวัตกรรมเกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องเอาชนะอุปสรรค ๒ ประการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของสังคมที่มีความพลวัตตลอดเวลา (Giddens, 1984; Sztompka, 1991) . กล่าวคือ
อุปสรรคประการแรกที่องค์กรจะเผชิญก็คือ องค์กรจะต้องพยายามสร้างสมุดระหว่างโครงสร้างองค์กร ที่จะปรับเปลี่ยนใหม่กับงบประมาณและกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นเพียงพอ ที่จะให้ธุรกิจสามารถสร้างสรรผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้อย่างถูกต้อง (Brown and Eisenhardt, 1998
อุปสรรคประการที่สอง การที่จะต้องพบกับการต่อต้านของบุคลากรในการเลี่ยนแปลง หรือสิ่งแปลกใหม่ ที่เกิดขึ้นในองค์กร เนื่องจากบุคลากรส่วนใหญ่เคยชินกับสภาพแวดล้อมเดิม (Sztompka, 1991)
จากการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีลักษณะเป็นกระบวนการที่มีความต่อเนื่อง ฉะนั้น ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจสาเหตุและขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถวางแผนการดำเนินงาน การควบคุม การแก้ไขปัญหา และการลดแรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมตามรูปแบบจำลองระบบการเปลี่ยนแปลงของเลวิน ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะถึงความพยายามที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ประกอบด้วยกระบวนการที่แตกต่างกัน ๓ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นละลายพฤติกรรม (Unfreezing) ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง (Change) และ ขั้นการหล่อหลอม พฤติกรรมใหม่ (Refreezing) (ณัฏฐพันธ์ เขจรนันท์, ๒๕๕๑)
ขั้นละลายพฤติกรรม
เป็นขั้นตอนของกระบวนการเปลี่ยนแปลง ซึ่งขั้นตอนนี้เกี่ยวกับการยกเลิกพฤติกรรมและทัศนคติหรือความเชื่อดั้งเดิมที่เคยปฏิบัติกันมาในอดีต โดยการสร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆที่มีผลประโยชน์มากกว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- แรงกดดันของสภาพแวดล้อมภายนอกต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น สภาพการแข่งขัน สภาพเศรษฐกิจ เป็นต้น
- ผลการปฏิบัติงานที่ไม่มีประสิทธิภาพในอดีต
- การระลึกถึงปัญหาต่างๆ ของสถานการณ์ในปัจจุบัน
- การรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรการเปลี่ยนแปลง
ถ้าหากผู้ประกอบการไม่สามารถโน้มน้าวให้บุคลากรทราบถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว องค์กรก็จะต้องเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และในที่สุดก็จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลง จะต้องให้ความสนใจ หรือเอาใจใส่ต่อบุคลากรในองค์กร โดยทำให้พวกเขาเหล่านั้นรับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า และทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของขั้นตอนในการละลายพฤติกรรม
ขั้นการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการละลายพฤติกรรม โดยผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลง จะต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรภายในองค์กร วิธีการทำงาน โครงสร้างขององค์กร หรือระดับเทคโนโลยีการดำเนินงาน ให้เป็นไปตามนโยบายหรือวัตถุประสงค์ที่องค์กรตั้งไว้ โดยอาศัยวิธีการต่างๆ เข้ามาช่วย เช่น การประชาสัมพันธ์ การจูงใจ การฝึกอบรม
ขั้นหล่อหลอมพฤติกรรมใหม่
เริ่มต้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับองค์กร ผู้บริหารองค์กรจะมีการดำเนินงานให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ และให้บุคลากรมีความเคยชินกับการเปลี่ยนแปลง จนรู้สึกเสมือนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของวัตรประจำวัน ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ ขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงทั้ง ๓ ขั้นตอนจะดำเนินต่อเนื่องกัน ซึ่งยากที่จะแยกขั้นตอนในแต่ละขั้นตอนออกจากกันอย่างเด็ดขาด ดังนั้น ผู้ประกอบการ ผู้บริหารในองค์กรจึงควรจะต้องศึกษารายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด ตลอดจนทำความเข้าใจถึงการต่อต้านที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม
ไม่มีความเห็น