โครงการ “1 หลักสูตร 1 ชุมชน” ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ไม่เพียงมีจุดเด่นเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning) หรือการเรียนรู้ร่วมกันผ่านการลงมือทำ (learning by doing) ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงแนวทางการดำเนินงานในลักษณะเครือข่าย(network) ด้วยเช่นกัน
กรณีดังกล่าวปรากฏชัดเจนในโครงการ “การบริหารจัดการธนาคารข้าวเพื่อชุมชนบ้านหินปูน” (ต.เขวาใหญ่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม) ของสาขาการจัดการ คณะการบัญชีและการจัดการ ซึ่งมี ดร.นวลละออง อรรถรังสรรค์ เป็นผู้รับผิดชอบหลัก
โครงการดังกล่าวประกอบด้วยวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญๆ คือ (1) ส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (2) เป็นศูนย์กลางในการบริหารธนาคารข้าว (3) เป็นแหล่งบริการและการเรียนรู้ร่วมกันของนิสิต อาจารย์ บุคลากรและชุมชน
ซึ่งชุมชนบ้านหินปูน เป็นชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง จึงขาดแคลนข้าวที่จะใช้บริโภค รวมถึงขาดแคลนพันธุ์ข้าวสำหรับการเพาะปลูก ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มภายในชุมชนขึ้นมา ด้วยการนำปลาและปลาร้าไปแลกข้าวจากชุมชนอื่นๆ
เมื่อได้ข้าวมาแล้ว ส่วนหนึ่งได้นำกลับไปบริโภคในครัวเรือน อีกส่วนหนึ่งได้แบ่งมาจัดเก็บเป็นพันธุ์ข้าวไว้ในกองทุนข้าวของชุมชน เพื่อบริหารจัดการร่วมกัน
จากปากคำสำคัญๆ ของชาวบ้านหลายคนทำให้ทราบว่า
“...ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2555 ชาวบ้านหินปูนได้รวบรวมปลาร้าในชุมชนได้จำนวนทั้งสิ้น 900 กิโลกรัม เพื่อนำไปแลกข้าวเปลือก หรือพันธุ์ข้าวกับชาวบ้านชุมชนวังแสง ต.วังแสง อ.แกดำ จ.มหาสารคาม ซึ่งได้ข้าวกลับมาในราวๆ 2.2 ตัน โดยข้าวทั้งหมดที่ได้มา ถูกนำเข้าสู่ระบบกองทุนข้าวในหมู่บ้าน ต่อเมื่อมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้เข้ามาช่วยประสานขอความอนุเคราะห์พันธุ์ข้าวเพิ่มเติมจาก ธกส. ก็ได้เพิ่มมาอีก 2 ตันเศษๆ...”
หากแต่ปัจจุบันกองทุนข้าวได้ถูกบริหารจัดการไปจนเกลี้ยงยุ้งฉางแล้ว เนื่องเพราะสมาชิกในกองทุนได้มาหยิบยืมไปบริโภคและใช้เป็นพันธุ์ข้าวเพื่อเพาะหว่านในวิถีของการเกษตรกรรมของตนเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการดังกล่าวถึงแม้จะมุ่งเน้นการยกระดับ “กองทุนข้าว” สู่การเป็น “ธนาคารข้าว” ในหมู่บ้านก็ตาม แต่กลับเห็นกระบวนการ (Process) หรือกิจกรรม (Activity) ระหว่างทางอย่างหลากหลาย
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวโยงอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องและเป็นขั้นเป็นตอน เช่น การจัดอบรมเรื่อง “ความรู้เกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว” ประกอบด้วยเรื่องหลักๆ คือการเตรียมการเพาะปลูก วิธีการปลูก การดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย และการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนการผลิตจุลินทรีย์จาก “จาวปลวก” เพื่อย่อมสลายฟางข้าว วิธีการขยายเชื้อโนมูเรียสำหรับปราบหนอน เทคนิคการหมักปุ๋ยจากมูลสัตว์แบบซุปเปอร์ วิธีการผลิตสารหมักสมุนไพรรสขมสำหรับป้องกันแมลง วิธีการผลิตฮอร์โมนบำรุงพืช จากพืชผักผลไม้ ไข่ ปลา หอยเชอรี่ และรกสัตว์
กระบวนการทั้งปวงนั้น ถูกออกแบบในลักษณะของการเชื่อมประสานเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชนมา “แลกเปลี่ยนเรียนรู้” (ลปรร.) ร่วมกับผู้คนในชุมชนเป็นหัวใจหลัก เช่น
อย่างไรก็ดี เมื่อวิทยากรเดินทางกลับไปแล้ว ชาวบ้านในกลุ่มที่จัดตั้ง “ธนาคารข้าว” ก็ยังไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีการรวมกลุ่มจัดทำน้ำหมักชีวภาพ หรือปุ๋ยชีวภาพในรูปแบบต่างๆ เพื่อหนุนเสริมระบบการปลูกข้าวและเพาะเห็ดในวิถีเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรในชุมชน สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการของการจัดการความรู้ (knowledge management) ทั้งในระดับบุคคลและระดับกลุ่มองค์กรอย่างไม่หยุดนิ่ง
ก่อเกิดการลดต้นทุนการผลิต ลด-ละ-เลิกปุ๋ยเคมี และคืนลมหายใจให้กับผู้คนและสิ่งแวดล้อมไปในตัว
ด้วยเหตุนี้จึงนับได้ว่า โครงการ “การบริหารจัดการธนาคารข้าวเพื่อชุมชนบ้านหินปูน” เป็นโครงการที่มีความน่าสนใจในเชิงของการออกแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ใช่พุ่งเป้าไปสู่ประเด็นหลักในเรื่องการจัดตั้งองค์กร การบริหารองค์กร หรือแม้แต่การบันทึกข้อมูลบัญชีธนาคารข้าวอย่างเดียวโดดๆ โดยไม่ให้ความสำคัญต่อบริบทเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ดร.นวลละออง อรรถรังสรรค์
ไฟล์ภาพเพิ่มเติม
เป็นการเชื่อมประสานทางปัญญาที่เกิดมรรคผลทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และต่อยอดขยายผลได้อย่างมีพลังค่ะ
คุรแผ่นดินค่ะ..น่าชื่ีนชมค่ะ....เป็นวิถีการทำงานที่ทุ่มเท ลงแรง เพื่อให้กระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ทั้งนักศึกษาและชุมชน ...".ปลาร้าแลกข้าว : ภาพสะท้อนสายใยการพึ่งพาของคนในสังคม" ...เป็นต้นทุนทางสังคม บ่งชี้ความมั่นคงของขีวิตบนฐานทรัพยากร ...เป็นนิเวศวัฒนธรรม ที่คล้ายกันกับภาคใต้ตอนล่าง " เอาบูดู ไปแลกข้าว" ..วิถีและวัฒนธรรมใน เขตต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ...ใต้กับอีสานในวิถีไทยๆ :-))
ครับพี่ใหญ่- นงนาท สนธิสุวรรณ
ถือเป็นอีกหนึ่งในโครงการฯ ของ 1 หลักสูตร 1 ชุมชนที่น่าสนใจ มีการบูรณาการกิจกรรมที่หลากหลาย เชื่อมโยงกลับสู่ต้นน้ำของกระบวนการที่เกี่ยวข้อง และยึดโยงถึงการเสริมพลังผ่านกลไกของเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ที่ทรงพลัง และมีแรงบันดาลใจในการที่จะขับเคลื่อนอย่างมีเป้าหมาย
ขอบคุณครับ
ครับพี่ศิลา-Sila Phu-Chaya
ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในแต่ละภาคส่วนครับ...
ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้าน จะมีเวที ลปรร.ร่วมกัน รวมถึงอาจารยืและนิสิต ก็จะได้เรียนรู้ร่วมกัน จากนั้นก็กลับไปสู่กระบวนการขับเคลื่อนในห้วงที่เหลือ
เมื่อเสร็จสิ้นในระยะแรก จะมีการประเมินผล นำพากลับมาสู่การเป็นมหกรรมฯ ร่วมกันอีกรอบ และนำไปสู่การต่อยอดชุมชน "ต้นแบบ" โครงการ "ต้นแบบ" อีกครั้ง..
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับพี่ kwancha
พยายามมากมายเลยครับกลับการเสริมหนุนให้มีการหวนกลับไปสู่การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในมิติต่างๆ พอดีผมได้ฟังเรื่องเล่าการเอา "ปลาร้าแลกข้าว" ก็เลยเห็นว่านี่ยังเป็นบริบทวัฒนธรรม เป็นมรดกวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า เหมือน "หมอลำขอข้าว (แลกข้าว)" นั่นเอง...
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนความละเอียดอ่อน -ความงดงามของจิตใจคนเรา ไม่มีใครดูดายชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ นี่คือสัญชาตญาณ หรือจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์
ขอบคุณครับ